คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 335

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 565 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการยืมรถยนต์: การใช้รถเพื่อย้ายที่อยู่ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์
ป. เป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย มีหน้าที่เฝ้าดูแลรถยนต์ในร้านของผู้เสียหาย ป. กับพวกรวมทั้งจำเลยใช้รถยนต์ของผู้เสียหายบรรทุกข้าวของส่วนตัวออกจากที่พักในร้านของผู้เสียหายเพื่อย้ายที่อยู่ใหม่ โดยมิได้เอาทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นของผู้เสียหายไปด้วย เมื่อใช้รถยนต์ของผู้เสียหายเสร็จก็นำไปจอดทิ้งไว้แล้วพวกของป. โทรศัพท์แจ้งให้พี่ชายผู้เสียหายทราบถึงสถานที่ที่ทิ้งรถไว้ เพื่อให้ผู้เสียหายติดตามเอาคืน แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับ ป. และพวกมิได้เอารถยนต์ของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริตจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่เริ่มต้นจากการทำร้ายร่างกายแล้วจึงลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกโกรธผู้เสียหาย ที่ไม่ยอมให้จำเลยกับพวกนั่งข้าง ๆ ในรถยนต์โดยสารจึงเกิดการโต้เถียงกัน พวกของจำเลยชกต่อยผู้เสียหายและดึงแว่นตาของผู้เสียหายออกจนหล่น ที่พื้นโดยประสงค์จะแกล้งผู้เสียหาย มิได้มีเจตนาทุจริตคิดที่จะลักแว่นตาผู้เสียหายไปตั้งแต่แรก เมื่อทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเสร็จแล้วก่อนจะหนีไป จำเลยกับพวกจึงลักเอาแว่นตาและเศษสตางค์ของผู้เสียหายที่หล่น จากกระเป๋าเสื้อไปในภายหลัง การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายกระทงหนึ่ง และความผิดฐานลักทรัพย์อีกกระทงหนึ่ง มิใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์ ผู้ใช้สั่งการ และผู้สนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 2 ไปลักทรัพย์โดยไม่ได้ร่วมไปลักทรัพย์ด้วยถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการในการกระทำความผิดดังที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 83 และฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามมาตรา 84จะลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดไม่ได้เช่นกันแต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่า เป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามมาตรา 86 แม้โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการใช้ทรัพย์ของผู้อื่นชั่วคราว ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ หากไม่มีเจตนาตัดกรรมสิทธิ์
การกระทำที่จะถือว่าเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปอันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์นั้น จะต้องเป็นการกระทำเพื่อตัดกรรมสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์ตลอดไป จำเลยเป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย มีหน้าที่ตรวจสภาพรถยนต์นำรถไปส่งให้ผู้เช่าและติดตามรถคืน ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปทำความสะอาด ต่อมาจำเลยได้นำไปใช้ประโยชน์เพื่อรับน้าชายกับครอบครัวไปจังหวัดนครราชสีมา แต่เฟืองท้ายรถเสียจำเลยไม่สามารถหาเฟืองท้ายไปซ่อมรถยนต์คันดังกล่าว ตำรวจจึงให้ลากรถยนต์ไปจอดไว้ที่ฟาร์มเลี้ยงไก่ จำเลยมอบกุญแจรถยนต์ไว้กับเจ้าของฟาร์มเก็บใบขับขี่ บัตรประจำตัวและหลักฐานเกี่ยวกับทะเบียนรถไว้ในรถแล้วจำเลยกลับกรุงเทพมหานคร และไปทำงานที่ห้างผู้เสียหายตามปกติจำเลยพยายามหาซื้อเฟืองท้ายแล้ว แต่ซื้อไม่ได้ ต่อมาผู้เสียหายได้รับรถยนต์คืนจากตำรวจท้องที่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการพารถยนต์ของผู้เสียหายเคลื่อนที่ไป อาจเป็นการแย่งการครอบครองไปจากผู้เสียหาย ถือเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปอันอาจเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้ แต่ตามพฤติการณ์จำเลยเจตนาเอารถของผู้เสียหายไปใช้ชั่วคราว มิได้กระทำเพื่อเป็นการตัดกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายตลอดไป จึงมิใช่เป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปอันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้ทรัพย์ชั่วคราว ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ แม้รถเสียระหว่างทาง
จำเลยนำรถยนต์ออกจากห้างผู้เสียหายเพื่อไปทำความสะอาดตามหน้าที่เสร็จแล้วได้นำรถไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวที่ต่างจังหวัด แต่รถเสียระหว่างทางเป็นเหตุให้นำรถมาคืนผู้เสียหายไม่ได้ ถ้ารถไม่เสียจำเลยก็นำรถมาคืนให้ผู้เสียหายได้ กรณีเป็นการเอารถไปใช้ชั่วคราวเท่านั้น มิได้กระทำเพื่อเป็นการตัดกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายตลอดไป จึงมิใช่เป็นการกระทำที่ถือว่าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป อันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ในความผิดฐานรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์จำเลยรู้วัตถุเป็นของผิดกฎหมาย
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำ ความผิดไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ ต้องนำสืบว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของร้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์โดยปราศจากเจตนาลัก แต่มีเจตนาประทุษร้ายเพื่อกลั่นแกล้ง
จำเลยกับผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อนเกิดเหตุ วันเกิดเหตุจำเลยและผู้เสียหายเข้ามาดื่มสุราในร้านเดียวกัน จำเลยมีอาการเมาสุรามาก พูดจารบกวนผู้เสียหายและท้าผู้เสียหายชกต่อย ผู้เสียหายรำคาญจึงย้ายเข้าไปนั่งดื่มสุราต่อในร้าน จำเลยจึงเดินออกจากร้านอาหารและได้ยกรถจักรยานของผู้เสียหายซึ่งจอดอยู่หน้าร้านบรรทุกรถสามล้อเครื่องซึ่งขับผ่านมาไป มีการร้องตะโกนเรียกจำเลยแต่จำเลยก็ยังคงให้รถสามล้อเครื่องขับต่อไป ทั้งที่รถจักรยานยนต์ของจำเลยยังคงจอดอยู่ที่หน้าร้านอาหาร สักครู่จำเลยก็กลับมาที่ร้านอาหารอีก หลังจากจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับแล้ว จำเลยก็พาเจ้าพนักงานตำรวจไปเอารถจักรยานคืนผู้เสียหายโดยดี การที่จำเลยเอารถจักรยานของผู้เสียหายไปก็เพื่อจะกลั่นแกล้งผู้เสียหาย จำเลยไม่มีเจตนาลักรถจักรยานผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์: การกระทำเพื่อกลั่นแกล้งโดยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยกับผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อนเกิดเหตุ วันเกิดเหตุจำเลยและผู้เสียหายเข้ามาดื่มสุราในร้านเดียวกัน จำเลยมีอาการเมาสุรามากพูดจารบกวนผู้เสียหายและท้าผู้เสียหายชกต่อย ผู้เสียหายรำคาญจึงย้ายเข้าไปนั่งดื่มสุราต่อในร้าน จำเลยจึงเดินออกจากร้านอาหารและได้ยกรถจักรยานของผู้เสียหายซึ่งจอดอยู่หน้าร้านบรรทุกรถสามล้อเครื่องซึ่งขับผ่านมาไป มีการร้องตะโกนเรียกจำเลยแต่จำเลยก็ยังคงให้รถสามล้อเครื่องขับต่อไป ทั้งที่รถจักรยานยนต์ของจำเลยยังคงจอดอยู่ที่หน้าร้านอาหาร สักครู่จำเลยก็กลับมาที่ร้านอาหารอีก หลังจากจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับแล้ว จำเลยก็พาเจ้าพนักงานตำรวจไปเอารถจักรยานคืนผู้เสียหายโดยดี การที่จำเลยเอารถจักรยานของผู้เสียหายไปก็เพื่อจะกลั่นแกล้งผู้เสียหายจำเลยไม่มีเจตนาลักรถจักรยานผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4109/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปเพื่อประกันหนี้ ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ผู้เสียหายเป็นหนี้พี่สาวจำเลย พี่สาวจำเลยเคยบอกผู้เสียหายว่าจะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายมาไว้ก่อน เมื่อผู้เสียหายมีเงินแล้วค่อยมาไถ่คืน จำเลยไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยเปิดเผยตามที่ผู้เสียหายยินยอมให้ถือเอาทรัพย์ของตนเพื่อประกันการชำระหนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องคดีอาญาและการนับโทษต่อเนื่อง จำเป็นต้องบรรยายฟ้องระบุตัวบุคคลให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอื่นหลายคดีรวมทั้งคดีหมายเลขแดงที่2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว แต่ภายหลังโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขคดีที่ขอให้นับโทษต่ออีก ซึ่งหลังจากศาลอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องครั้งหลังแล้ว คำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความระบุว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรี คงมีแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว ถือว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในคำบรรยายฟ้องไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาต่าง ๆ ตามที่โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้อง ก็หมายความเพียงว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำบรรยายฟ้องเท่านั้น
of 57