พบผลลัพธ์ทั้งหมด 565 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเมื่อคำฟ้องไม่ได้บรรยายข้อเท็จจริงชัดเจน แม้จำเลยจะรับสารภาพ
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต่อมาได้ขอแก้ไขคำฟ้องว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอื่นหลายคดีรวมทั้งคดีหมายเลขแดงที่ 2510/2533 ของศาลอาญาธนบุรีขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว แต่ภายหลังโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขคดีที่ขอให้นับโทษต่ออีก ซึ่งหลังจากศาลอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องครั้งหลังแล้ว คำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความระบุว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2510/2533ของศาลอาญาธนบุรี คงมีแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดังกล่าว ถือว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวดังนี้ ศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในคำบรรยายฟ้องไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาต่าง ๆตามที่โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขคำฟ้อง ก็หมายความเพียงว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำบรรยายฟ้องเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาของมารดาจำเลยและจำเลยผู้มีภาวะวิกลจริต การพิจารณาโทษที่เหมาะสม และการรอการลงโทษ
ผู้ร้องแม้จะเป็นมารดาจำเลยและจำเลยจะเป็นผู้วิกลจริตไม่สามารถต่อสู้คดีจริงหรือไม่ก็ตาม เมื่อผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความในคดี และมิได้อยู่ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1) หรือ (2)จึงไม่อาจยื่นฎีกาเข้ามาในคดีได้ ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 วรรคแรก แต่คดีที่คู่ความฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนั้นหากศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างลงโทษจำเลยหนักเกินไปก็ย่อมมีอำนาจลงโทษให้เหมาะสมแก่ความผิดได้ จำเลยกระทำผิดขณะมีอายุ 18 ปีเศษไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ทั้งผู้เสียหายแถลงไม่ติดใจดำเนินคดีจำเลย สมควรรอการลงโทษจำคุกหรือให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำทรัพย์สินของผู้อื่นไปเพื่อเรียกร้องหนี้ ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ หากมีเจตนาให้ชำระหนี้
ภริยาผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลย จำเลยจึงตามไปที่บ้านผู้เสียหายและเอาตู้เย็นของผู้เสียหายไปเพื่อให้ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายไปติดต่อชำระหนี้ที่ค้างต่อกัน การกระทำของจำเลยจึงมิได้เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริตหรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจรและทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นไร้ประโยชน์ การเบิกเงินเช็คลักมาเข้าข่ายความผิดมาตรา 188
จำเลยรับเช็คของกลางซึ่งเป็นของผู้เสียหายมาโดยทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาอันเป็นความผิดฐานรับของโจรตาม ป.อ.มาตรา 357 เมื่อจำเลยนำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารจึงเป็นการเอาไปเสียซึ่งเช็คของผู้เสียหายในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายอันเป็นความผิดตามมาตรา 188 อีกบทหนึ่งด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5722/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์และการปลอมแปลงเอกสารเพื่อเอื้อประโยชน์ในการลักทรัพย์เป็นความผิดต่อเนื่อง
การที่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วม ได้ร่วมกันปลอมเอกสารใบรับสินค้าอันเป็นเอกสารสิทธิของบริษัท ก. แล้วปลอมลายมือชื่อบุคคลในร้าน ฟ. ลงในช่องผู้รับสินค้าเพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่าร้าน ฟ. ได้รับสินค้าดังกล่าวแล้ว นำเอกสารที่ปลอมขึ้นไปแสดงต่อโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างเพื่อให้หลงเชื่อว่าร้าน ฟ.ได้รับสินค้าที่ทางโจทก์ร่วมรับขนส่งจากบริษัท ก. ไว้แล้วการกระทำของจำเลยทั้งสองล้วนแต่เป็นวิธีการเพื่อผลในการเอาทรัพย์สินไป ดังนั้น แม้การปลอมเอกสารกับการใช้หรืออ้างเอกสารปลอมต่างเป็นความผิดสำเร็จก็ตาม แต่ก็เป็นความผิดหลายบทต่อเนื่องโดยมุ่งเจตนาในความสำเร็จของความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดหลายบท ต้องลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5722/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ต่อเนื่องจากการปลอมเอกสารเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สิน ศาลพิจารณาเป็นความผิดต่อเนื่อง
การที่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วม ได้ร่วมกันปลอมเอกสารใบรับสินค้าอันเป็นเอกสารสิทธิของบริษัท ก. แล้วปลอมลายมือชื่อบุคคลในร้าน ฟ. ลงในช่องผู้รับสินค้าเพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่าร้าน ฟ. ได้รับสินค้าดังกล่าวแล้ว นำเอกสารที่ปลอมขึ้นไปแสดงต่อโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างเพื่อให้หลงเชื่อว่าร้าน ฟ.ได้รับสินค้าที่ทางโจทก์ร่วมรับขนส่งจากบริษัท ก. ไว้แล้วการกระทำของจำเลยทั้งสองล้วนแต่เป็นวิธีการเพื่อผลในการเอาทรัพย์สินไป ดังนั้น แม้การปลอมเอกสารกับการใช้หรืออ้างเอกสารปลอมต่างเป็นความผิดสำเร็จก็ตาม แต่ก็เป็นความผิดหลายบทต่อเนื่องโดยมุ่งเจตนาในความสำเร็จของความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดหลายบท ต้องลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5719/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พฤติการณ์เร่งรื้อย้ายไม้หลังแจ้งความเป็นเหตุให้เชื่อว่าจำเลยรู้ว่าเป็นของลักมา
ไม้ของกลางของผู้เสียหายได้หายไป ผู้เสียหายพบว่าไม้ที่หายถูกนำไปใช้ทำคอกหมูของจำเลย จึงขอคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ขณะผู้เสียหายไปแจ้งความจำเลยรีบรื้อคอกหมูและขนย้ายไม้ดังกล่าวของผู้เสียหายไป แสดงว่าจำเลยรับไม้ดังกล่าวไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นไม้ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5719/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การกระทำเร่งรีบรื้อย้ายคอกหมูเมื่อถูกทักท้วง แสดงพิรุธรับรู้ว่าไม้เป็นของที่ได้มาโดยมิชอบ
ไม้ของกลางของผู้เสียหายได้หายไป ผู้เสียหายพบว่าไม้ที่หายถูกนำไปใช้ทำคอกหมูของจำเลย จึงขอคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ขณะผู้เสียหายไปแจ้งความจำเลยรีบรื้อคอกหมูและขนย้ายไม้ดังกล่าวของผู้เสียหายไป แสดงว่าจำเลยรับไม้ดังกล่าวไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นไม้ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: ภรรยาชักชวนมารดาผู้เสียหาย หน่วงเวลาเอื้อประโยชน์สามี
จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองไปซักผ้าที่บ่อน้ำหน้าบ้านของโจทก์ร่วมด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1แยกตัวไปก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปชวน ส. มารดาของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่เฝ้าบ้านให้ออกไปเก็บใบพลู ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ให้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของโจทก์ร่วมได้โดยสะดวกและหลังจากมีเสียงสุนัขเห่าซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมแล้ว ส. จะกลับ จำเลยที่ 2 ก็ได้ชวนคุยต่ออันถือได้ว่าเป็นการหน่วงเวลาไว้เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ซึ่งกำลังเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านโจทก์ร่วมกระทำผิดได้ต่อไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ทั้งก่อนและขณะเข้าไปลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: ภรรยาชวนแม่เหยื่อออกไปจากบ้าน เพื่อให้สามีลักทรัพย์ได้สะดวก
จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองไปซักผ้าที่บ่อน้ำหน้าบ้านของโจทก์ร่วมด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1แยกตัวไปก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปชวน ส. มารดาของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่เฝ้าบ้านให้ออกไปเก็บใบพลู ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ให้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของโจทก์ร่วมได้โดยสะดวกและหลังจากมีเสียงสุนัขเห่าซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมแล้ว ส. จะกลับ จำเลยที่ 2 ก็ได้ชวนคุยต่ออันถือได้ว่าเป็นการหน่วงเวลาไว้เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ซึ่งกำลังเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านโจทก์ร่วมกระทำผิดได้ต่อไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ทั้งก่อนและขณะเข้าไปลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86.