พบผลลัพธ์ทั้งหมด 565 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ด้วยกำลังข่มขู่ vs. ปล้นทรัพย์: การประเมินพฤติการณ์และเจตนา
บุตรและบุตรเขยเจ้าทรัพย์พาโคกระบือของเจ้าทรัพย์ไปเลี้ยงโดยบุคคลทั้งสองอยู่ห่างฝูงโคกระบือ 4 เส้น จำเลยกับพวกรวม 4 คนลักโคในฝูง 1 ตัวโดยใช้ปืนยิงโคล้มลงบุคคลทั้งสองได้ยินเสียงปืน เดินไปดูได้ 2 เส้น เห็นจำเลยกับพวกอยู่ใกล้ ๆ โคที่ล้ม ถือปืนยาวทุกคนแต่มิได้ยกปืนขึ้นเล็งมาที่บุคคลทั้งสอง คงปล่อยให้บุคคลทั้งสองต้อนโคกระบือรวมฝูงพากลับบ้านเช่นนี้ จำเลยไม่ผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ vs. ปล้นทรัพย์: การกระทำโดยมีอาวุธ แต่ไม่ข่มขู่ผู้เสียหาย
บุตรและบุตรเขยเจ้าทรัพย์พาโคกระบือของเจ้าทรัพย์ไปเลี้ยงโดยบุคคลทั้งสองอยู่ห่างฝูงโคกระบือ 4 เส้น จำเลยกับพวกรวม 4 คนลักโคในฝูง 1 ตัว โดยใช้ปืนยิงโคล้มลงบุคคลทั้งสองได้ยินเสียงปืนเดินไปดูได้ 2 เส้น เห็นจำเลยกับพวกอยู่ใกล้ ๆ โคที่ล้ม ถือปืนยาวทุกคนแต่มิได้ยกปืนขึ้นเล็งมาที่บุคคลทั้งสอง คงปล่อยให้บุคคลทั้งสองต้อนโคกระบือรวมฝูงพากลับบ้านเช่นนี้ จำเลยไม่ผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาเรื่องรับของโจร: การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังขัดต่อวิธีพิจารณา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นคนร้ายรับทรัพย์ของผู้เสียหายไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ดังนี้ เป็นการฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายในขณะลักแล้ว ต่อมาจำเลยบังอาจรับทรัพย์นั้นไว้ จึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นว่าทรัพย์ของผู้เสียหายอยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยโจทก์มอบหมาย แล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกหาได้ไม่ เพราะเป็นการฎีกาขอให้ฟังข้อเท็จจริงผิดจากที่ศาลล่างทั้งสองฟังมา ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับฟังข้อเท็จจริงใหม่ที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังไว้ ยืนตามคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นคนร้ายรับทรัพย์ของผู้เสียหายไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ฐานหลักทรัพย์ดังนี้ เป็นการฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายในขณะลักแล้ว ต่อมาจำเลยบังอาจรับทรัพย์นั้นไว้ จึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นว่าทรัพย์ของผู้เสียหายอยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยโจทก์มอบหมาย แล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกหาได้ไม่ เพราะเป็นการฎีกาขอให้ฟังข้อเท็จจริงผิดจากที่ศาลล่างทั้งสองฟังมา ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดบุกรุกเพื่อพยายามลักทรัพย์: การกระทำเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท
ผู้เสียหายสวมสร้อยคอทองคำนอนหลับอยู่ในห้องกับเด็กหญิง ส. จำเลยมีเจตนาลักสร้อยคอของผู้เสียหาย จึงเข้าไปในห้องนั้น แต่ห้องมืดจำเลยมองไม่เห็น จึงใช้มือคลำที่คอเด็กหญิง ส. โดยคิดว่าเป็นคอของผู้เสียหาย เด็กหญิง ส. ตื่นขึ้น จำเลยจึงหนีไปเช่นนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักสร้อยคอผู้เสียหายแล้ว แม้จำเลยจะยังมิได้แตะต้องสร้อยคอนั้นก็ตาม
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปลักทรัพย์แล้วได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 และมาตรา 335 วรรคสองประกอบมาตรา 80 ศาลต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 365 อันเป็นบทหนัก
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปลักทรัพย์แล้วได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 และมาตรา 335 วรรคสองประกอบมาตรา 80 ศาลต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 365 อันเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดบุกรุกเพื่อพยายามลักทรัพย์: การพิจารณาบทหนักและกรรมเดียวผิดหลายบท
ผู้เสียหายสวมสร้อยคอทองคำนอนหลับอยู่ในห้องกับเด็กหญิง ส. จำเลยมีเจตนาลักสร้อยคอของผู้เสียหาย จึงเข้าไปในห้องนั้น แต่ห้องมืดจำเลยมองไม่เห็น จึงใช้มือคลำที่คอเด็กหญิง ส. โดยคิดว่าเป็นคอของผู้เสียหาย เด็กหญิง ส. ตื่นขึ้น จำเลยจึงหนีไป เช่นนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักสร้อยคอผู้เสียหายแล้ว แม้จำเลยจะยังมิได้แตะต้องสร้อยคอนั้นก็ตาม
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปลักทรัพย์ แล้วได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 และมาตรา 335 วรรค 2 ประกอบมาตรา 80 ศาลต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 364 อันเป็นบทหนัก
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อเข้าไปลักทรัพย์ แล้วได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 และมาตรา 335 วรรค 2 ประกอบมาตรา 80 ศาลต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 364 อันเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: ตัวการร่วมกระทำผิดฐานลักทรัพย์/ฉ้อโกงไม่ต้องรับโทษฐานรับของโจร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับข้าวเปลือกไว้จากผู้อื่นโดยรู้ว่าเป็นของร้ายอันได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือฉ้อโกงนั้น ถือว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องครบองค์ความผิดฐานรับของโจรชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว จึงไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยใช้ผู้อื่นไปลักทรัพย์หรือฉ้อโกงนั้นถือว่าจำเลยเป็นตัวการด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ดังนั้น เมื่อจำเลยรับทรัพย์นั้นจากผู้ที่จำเลยใช้ ถือว่าเป็นการรับทรัพย์ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรรมอันเดียวกับความผิดฐานลักทรัพย์หรือฉ้อโกง ที่จำเลยเป็นผู้ใช้นั้นเอง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
ข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยใช้ผู้อื่นไปลักทรัพย์หรือฉ้อโกงนั้นถือว่าจำเลยเป็นตัวการด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ดังนั้น เมื่อจำเลยรับทรัพย์นั้นจากผู้ที่จำเลยใช้ ถือว่าเป็นการรับทรัพย์ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรรมอันเดียวกับความผิดฐานลักทรัพย์หรือฉ้อโกง ที่จำเลยเป็นผู้ใช้นั้นเอง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: ตัวการร่วมกระทำผิดฐานลักทรัพย์/ฉ้อโกง ไม่มีความผิดฐานรับของโจร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับข้าวเปลือกไว้จากผู้อื่นโดยรู้ว่าเป็นของร้ายอันได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือฉ้อโกง นั้น ถือว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องครบองค์ความผิดฐานรับของโจร ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว จึงไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยใช้ผู้อื่นไปลักทรัพย์หรือฉ้อโกงนั้น ถือว่าจำเลยเป็นตัวการด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ดังนั้น เมื่อจำเลยรับทรัพย์นั้นจากผู้ที่จำเลยใช้ ถือว่าเป็นการรับทรัพย์ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรรมอันเดียวกับความผิดฐานลักทรัพย์หรือฉ้อโกง ที่จำเลยเป็นผู้ใช้นั้นเอง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
ข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยใช้ผู้อื่นไปลักทรัพย์หรือฉ้อโกงนั้น ถือว่าจำเลยเป็นตัวการด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ดังนั้น เมื่อจำเลยรับทรัพย์นั้นจากผู้ที่จำเลยใช้ ถือว่าเป็นการรับทรัพย์ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรรมอันเดียวกับความผิดฐานลักทรัพย์หรือฉ้อโกง ที่จำเลยเป็นผู้ใช้นั้นเอง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของฟ้องอาญา: กรรมสิทธิ์ทรัพย์สินไม่เป็นเหตุให้ฟ้องต่างจากข้อเท็จจริงสารสำคัญ หากการครอบครองเป็นไปตามฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรทรัพย์ของผู้เสียหายข้อเท็จจริงฟังได้ความว่าเป็นทรัพย์ของพี่ผู้เสียหาย ซึ่งสั่งให้ผู้เสียหายจัดการส่งทรัพย์นั้นไปให้ ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องในข้อสารสำคัญ เมื่อจำเลยต่อสู้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์ดังกล่าวนั้น จึงไม่ถือว่าจำเลยหลงต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินหลังฟ้อง ไม่กระทบต่อการต่อสู้คดีอาญา หากจำเลยปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรทรัพย์ของผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงฟังได้ความว่าเป็นทรัพย์ของพี่ผู้เสียหาย ซึ่งสั่งให้ผู้เสียหายจัดการส่งทรัพย์นั้นไปให้ ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องในข้อสารสำคัญ เมื่อจำเลยต่อสู้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์ดังกล่าวนั้น จึงไม่ถือว่าจำเลยหลงต่อสู้