พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8228/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกันเพื่อทุเลาการบังคับคดีมีผลเฉพาะชั้นอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง สัญญาค้ำประกันสิ้นผล
หนังสือสัญญาค้ำประกันที่จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทำขึ้นเพื่อขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ไม่มีผลเป็นหลักประกันในการทุเลาการบังคับคดีในชั้นฎีกาเป็นการล่วงหน้าไปด้วย แม้หนังสือสัญญาค้ำประกันใช้ข้อความว่าเมื่อคดีถึงที่สุด จำเลยไม่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ ยินยอมให้บังคับเอาจากทรัพย์สินซึ่งนำมาวางไว้เป็นประกัน การประกันก็มีผลในชั้นอุทธรณ์เท่านั้น เมื่อหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนค่าเสียหายถูกยกไปโดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ด้วยเงิน ของจำเลยย่อมไม่มีผลผูกพันจำเลยอีกต่อไป จำเลยขอคืนหลักประกัน ที่วางไว้ไปในระหว่างฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8228/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันเพื่อทุเลาการบังคับคดีมีผลเฉพาะชั้นอุทธรณ์ เมื่อหนี้ส่วนหนึ่งถูกยกคำพิพากษา สัญญาค้ำประกันนั้นสิ้นผล
หนังสือสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำในฐานะผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เพื่อขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 231 กฎหมายกำหนดวิธีการอยู่ในอำนาจศาลเป็นชั้น ๆ ไป ไม่ใช่มีผลเป็นหลักประกันในการทุเลาการบังคับคดีในชั้นฎีกาเป็นการล่วงหน้าไปด้วย แม้หนังสือสัญญาค้ำประกันของจำเลยใช้ข้อความว่าขอทำหนังสือสัญญาค้ำประกันให้ไว้ต่อศาลว่าเมื่อคดีถึงที่สุด จำเลยไม่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ ยินยอมให้บังคับเอาจากทรัพย์สินที่วางประกันไว้ การประกันก็มีผลในชั้นอุทธรณ์เท่านั้น เมื่อหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในส่วนค่าเสียหายถูกยกไปโดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ด้วยเงินของจำเลยดังกล่าวย่อมไม่มีผลผูกพันจำเลยอีกต่อไป เมื่อจำเลยยื่นคำแถลงขอคืนโฉนดที่ดินที่นำมาวางประกันไว้ตามสัญญาค้ำประกัน จึงต้องคืนโฉนดที่ดินให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกายกข้อผิดพลาดการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เรื่องการส่งมอบโฉนดและการบังคับเจ้าพนักงานที่ดิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์และให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายด้วยจำเลยทั้งสองอุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าเสียหายปัญหาเรื่องการส่งมอบโฉนดที่ดินจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ด้วยจึงไม่ชอบและเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง โจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลยแม้จะมีคำขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์เป็นการบังคับบุคคลภายนอกที่มิได้เป็นคู่ความในคดีศาลไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินกระทำการตามที่โจทก์ขอได้และเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษแต่ไม่เพิ่มเติม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองจำคุก 1 ปี 4 เดือน และฐานพาอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาตจำคุก 8 เดือน แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับจำเลยที่ 1ในข้อหาฐานมีอาวุธปืน 7,000 บาท และข้อหาฐานพาอาวุธปืน 2,000 บาทอีกสถานหนึ่ง ซึ่งเป็นการแก้ไขมาก แต่ก็ไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 กรณีจึงต้องห้ามมิให้จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 219 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่จำเลยที่ 1ฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังเป็นที่น่าสงสัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรหรือไม่เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5470/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีแบ่งแยกทรัพย์สินมรดกในกรรมสิทธิ์รวม ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอกันส่วน
ศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกทรัพย์สินส่วนที่เป็นมรดกของอ.ออกจากกรรมสิทธิ์รวมระหว่างจำเลยกับอ.แล้วโดน ให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของอ. ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และหากไม่สามารถ แบ่งแยกและโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ได้ ให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์มรดกดังนี้โดยเนื้อแท้แห่งการบังคับคดีในเบื้องต้นเป็นเรื่องบังคับให้จำเลยแบ่งแยกทรัพย์สินในระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วยกันแล้วจัดการโอนให้แก่โจทก์เท่านั้น หาได้มีการบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยตามมาตรา 287 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่ ผู้ร้องจึงร้องขอกันส่วนโดยอ้างว่า ผู้ร้องเป็นทายาทของอ. มีสิทธิรับมรดกร่วมกับโจทก์คนละครึ่งหาได้ไม่