พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ซ้ำในคดีล้มละลาย และการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แม้การยึดที่พิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 205/2526 ของศาลชั้นต้น ซึ่งกระทำภายหลังจากที่ได้ยึดไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 12250/2521 ของศาลแพ่ง เป็นการยึดซ้ำ แต่เมื่อการยึดที่พิพาทได้โอนมาไว้ในคดีล้มละลายนี้แล้ว และผู้คัดค้านได้ดำเนินการขายทอดตลาดในคดีนี้ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้คัดค้าน ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 เช่นนี้ การยึดซ้ำในคดีแพ่งดังกล่าวก็ไม่มีผลทำให้การขายทอดตลาดในคดีนี้เป็นการไม่ชอบแต่อย่างใดไม่ และฎีกาผู้ซื้อทรัพย์ที่ว่า ไม่ว่าการยึดที่พิพาทซึ่งยึดไว้ในคดีแพ่ง 2 ครั้ง จะเป็นยึดซ้ำหรือไม่ก็ตาม เมื่อผู้ร้องทราบถึงการยึดแล้วมิได้ร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงาน-บังคับคดีหรือศาลภายใน 8 วันนับแต่วันทราบ ผู้ร้องไม่มีสิทธินำมากล่าวอ้างในคดีนี้จึงไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป เป็นฎีกาไม่เป็นสาระ
ผู้คัดค้านขายที่พิพาทให้ผู้ซื้อทรัพย์ไปในราคาที่ต่ำเกินไป ไม่ชอบด้วยความมุ่งหมายแห่งการขายทอดตลาดเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ลูกหนี้หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียจึงเป็นการขายที่ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 123
ผู้คัดค้านขายที่พิพาทให้ผู้ซื้อทรัพย์ไปในราคาที่ต่ำเกินไป ไม่ชอบด้วยความมุ่งหมายแห่งการขายทอดตลาดเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ลูกหนี้หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียจึงเป็นการขายที่ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 123
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดซ้ำและการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย: ผลกระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการขาย
แม้ว่าการยึดที่พิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่2ในคดีแพ่งคดีอื่นซึ่งกระทำภายหลังจะเป็นการยึดซ้ำแต่เมื่อมีการโอนการยึดที่พิพาทมาไว้ในคดีล้มละลายและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการขายทอดตลาดอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483เช่นนี้การยึดซ้ำในคดีแพ่งดังกล่าวไม่มีผลทำให้การขายทอดตลาดในคดีล้มละลายไม่ชอบแต่อย่างใด ราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดเป็นเพียงราคาประเมินในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้นมิใช่ราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดแม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดที่พิพาทไปในราคาใกล้เคียงกับราคาประเมินของสำนักงานที่ดินหากแต่ต่ำกว่าราคาประเมินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งไว้โดยเทียบเคียงจากราคาในท้องตลาดอยู่มากการขายทอดตลาดที่พิพาทจึงไม่ชอบด้วยความมุ่งหมายแห่งการขายทอดตลาดเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ลูกหนี้หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา123
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่และการขาดนัด: ศาลไม่ได้สั่งขาดนัด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอพิจารณาคดีใหม่
กรณีที่ผู้ร้องจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้จะต้องเป็นเรื่องการพิจารณาโดยขาดนัด แต่คดีนี้เมื่อผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา จึงให้ถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจจะสืบพยานและนัดสืบพยานผู้คัดค้าน ต่อมามีคำสั่งให้ผู้ร้องแพ้คดี เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งแสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณา จึงไม่ใช่การพิจารณาโดยขาดนัด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่ต้องเป็นการพิจารณาโดยขาดนัด ศาลไม่ถือว่าผู้ไม่มาศาลเป็นขาดนัดหากทราบและไม่ติดใจสืบพยาน
กรณีที่ผู้ร้องจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้จะต้องเป็นเรื่องการพิจารณาโดยขาดนัดแต่คดีนี้เมื่อผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาจึงให้ถือว่าผู้ร้องไม่ติดใจจะสืบพยานและนัดสืบพยานผู้คัดค้านต่อมามีคำสั่งให้ผู้ร้องแพ้คดีเห็นได้ว่าศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งแสดงให้ว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาจึงไม่ใช่การพิจารณาโดยขาดนัดผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132-2135/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์หากไม่จดทะเบียนตามกฎหมาย แม้จะมีการทำสัญญาและยื่นคำขอแล้ว
การอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์หรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งได้ตามที่เห็นสมควรเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นสมควรไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่สำนวนถอนอุทธรณ์ในคดีนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งไม่อนุญาตได้ โจทก์ทั้งสี่ได้เช่าตึกแถวพิพาทจากพ. มีกำหนดครั้งละ10ปีโดยไม่ปรากฏว่าก่อนหรือหลังจากที่พ. ให้โจทก์ทั้งสี่เช่าได้มีการก่อสร้างหรือต่อเติมตึกแถวพิพาทคงได้ความแต่เพียงว่าโจทก์ทั้งสี่ให้เงินตอบแทนแก่พ. เพื่อขอทำสัญญาเช่าต่อจากสัญญาเดิมไปอีก10ปีโดยโจทก์แต่ละคนชำระเงินคนละ100,000บาทดังนั้นเงินที่โจทก์ทั้งสี่อ้างว่าให้แก่พ. จึงหาใช่เงินช่วยก่อสร้างตึกแถวพิพาทอันจะทำให้สัญญาระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับพ. เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่ โจทก์ทั้งสี่กับพ. เพียงแต่ทำหนังสือสัญญาเช่ามีกำหนด10ปีโดยนำไปยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วแต่ยังมิได้มีการจดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เนื่องจากส. ถึงแก่กรรมเสียก่อนการจดทะเบียนสิทธิการเช่ารายพิพาทนี้จึงยังไม่บริบูรณ์จนกว่าจะได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังนี้ข้อตกลงเช่ากันใหม่อีก10ปีจึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538โจทก์ทั้งสี่จะอ้างระยะเวลาเช่า10ปีมาใช้ยันแก่จำเลยหาได้เพราะต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวเมื่อสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซึ่งเป็นการเช่าธรรมดาอันมิใช่สัญญาต่างตอบแทนและสัญญาเช่าดังกล่าวก็ยังมิได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538โจทก์ทั้งสี่จะบังคับให้จำเลยในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของพ. จดทะเบียนการเช่าให้แก่โจทก์ทั้งสี่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132-2135/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายเมื่อไม่ได้จดทะเบียน ทำให้ทายาทไม่ต้องรับผิดตามสัญญา
การอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะสั่งได้ตามที่เห็นสมควร โจทก์ทั้งสี่เช่าตึกแถวพิพาทจาก พ. มีกำหนด10ปีเมื่อครบกำหนดแล้วโจทก์ทั้งสี่ให้เงินตอบแทนแก่ พ. เพื่อขอทำสัญญาเช่าต่อไปอีก10ปีโดยไม่ปรากฏว่าก่อนหรือหลังจากที่ พ. ให้โจทก์ทั้งสี่เช่าได้มีการก่อสร้างหรือต่อเติมตึกแถวพิพาทเงินดังกล่าวจึงหาใช่เงินช่วยค่าก่อสร้างตึกแถวพิพาทอันจะทำให้สัญญาระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับ พ. เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่ โจทก์ทั้งสี่กับ พ. ทำหนังสือสัญญาเช่ามีกำหนด10ปีโดยนำไปยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วแต่ยังมิได้จดทะเบียนการเช่าเนื่องจาก พ. ถึงแก่กรรมก่อนการจดทะเบียนสิทธิการเช่าจึงยังไม่บริบูรณ์โจทก์ทั้งสี่จะอ้างระยะเวลาเช่า10ปีมายันแก่จำเลยในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของ พ. โดยจะบังคับให้จำเลยจดทะเบียนการเช่าให้แก่โจทก์ทั้งสี่หาได้ไม่เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2087/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและสัญญาซื้อคืนแยกจากกัน การผิดสัญญาเช่าไม่กระทบสิทธิซื้อคืน
บ.ภรรยาโจทก์นำที่ดินและบ้านพิพาทไปจำนองไว้ต่อจำเลยต่อมาบ.ถึงแก่ความตายโจทก์กับจำเลยเจรจากันโดยโจทก์ตกลงโอนที่ดินและบ้านดังกล่าวแก่จำเลยมีข้อสัญญาให้โจทก์ซื้อที่ดินและบ้านคืนได้ภายใน10ปีและจำเลยให้โจทก์เช่าที่ดินและบ้านอยู่อาศัยต่อไปแม้ข้อสัญญาเรื่องขายที่ดินและบ้านคืนกับข้อสัญญาเรื่องเช่าที่ดินและบ้านพิพาทจะรวมอยู่ในสัญญาฉบับเดียวกันแต่ก็มีเนื้อหาเป็นคนละเรื่องที่แยกออกจากกันโดยชัดเจนเมื่อโจทก์ผิดนัดสัญญาเช่าจำเลยก็ชอบที่จะบอกเลิกเฉพาะสัญญาเช่าจะอ้างเหตุที่โจทก์ผิดสัญญาเช่าบอกเลิกสัญญาขายที่ดินและบ้านคืนด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2087/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแยกส่วน: สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าและสัญญาซื้อขายแยกจากกัน แม้ทำในฉบับเดียวกัน
บ.ภรรยาโจทก์นำที่ดินและบ้านพิพาทไปจำนองไว้ต่อจำเลยต่อมา บ.ถึงแก่ความตาย โจทก์กับจำเลยเจรจากัน โดยโจทก์ตกลงโอนที่ดินและบ้านดังกล่าวแก่จำเลย มีข้อสัญญาให้โจทก์ซื้อที่ดินและบ้านคืนได้ภายใน 10 ปีและจำเลยให้โจทก์เช่าที่ดินและบ้านอยู่อาศัยต่อไป แม้ข้อสัญญาเรื่องขายที่ดินและบ้านคืนกับข้อสัญญาเรื่องเช่าที่ดินและบ้านพิพาทจะรวมอยู่ในสัญญาฉบับเดียวกันแต่มีเนื้อหาเป็นคนละเรื่องที่แยกออกจากกันโดยชัดเจน เมื่อโจทก์ผิดสัญญาเช่าจำเลยก็ชอบที่จะบอกเลิกเฉพาะสัญญาเช่า จะอ้างเหตุที่โจทก์ผิดสัญญาเช่าบอกเลิกสัญญาขายที่ดินและบ้านคืนด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของ ผวจ. และความรับผิดของคณะเทศมนตรีต่อการยักยอกเงินของเทศบาล
โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 71 ในการควบคุมดูแลเทศบาลโจทก์ที่ 1 เท่านั้น โจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ที่ 1 หรือมีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำละเมิดแก่โจทก์ที่ 1 ได้ พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 39 เพียงกำหนดให้คณะเทศมนตรีรับผิดชอบบริหารกิจการของเทศบาลโจทก์เท่านั้นมิได้บัญญัติให้คณะเทศมนตรีร่วมรับผิดกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ยักยอกเงินของโจทก์ คณะเทศมนตรีจะต้องรับผิดก็ต่อเมื่อได้ปล่อยปละละเลย หรือประมาทเลินเล่ออันวิญญูชนที่กระทำในหน้าที่และฐานะเช่นนั้นทำให้เกิดการยักยอกเงินดังกล่าวเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้ว่าฯ กับเทศบาล และความรับผิดของคณะเทศมนตรีต่อการทุจริตของเจ้าหน้าที่
โจทก์ที่2เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติเทศบาลพ.ศ.2496มาตรา71ในการควบคุมดูแลเทศบาลโจทก์ที่1เท่านั้นโจทก์ที่2ไม่มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ที่1หรือมีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำละเมิดแก่โจทก์ที่1ได้ ศาลอุทธรณ์เทศบาลพ.ศ.2496มาตรา39เพียงกำหนดให้คณะเทศมนตรีรับผิดชอบบริหารกิจการของเทศบาลโจทก์เท่านั้นมิได้บัญญัติให้คณะเทศมนตรีร่วมรับผิดกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ยักยอกเงินของโจทก์คณะเทศมนตรีจะต้องรับผิดก็ต่อเมื่อได้ปล่อยปละละเลยหรือประมาทเลินเล่ออันวิญญูชนที่กระทำในหน้าที่และฐานะเช่นนั้นทำให้เกิดการยักยอกเงินดังกล่าวเท่านั้น