คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุสิต เพชรปลูก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดทรัพย์ชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาคดี ไม่เข้าข่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ร้องมีสิทธิถอนเงินประกันได้ทันที
การที่ศาลออกหมายอายัดชั่วคราวไปยังเจ้าพนักงานที่ดินและจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยทั้งสองโอนขายยักย้ายหรือจำหน่ายที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา254(2)เป็นเพียงการสั่งห้ามชั่วคราวยังไม่มีกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเข้ามาอายัดที่ดินพิพาทไม่อยู่ในบังคับของตาราง5ที่โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีโจทก์จึงมีสิทธิถอนเงินประกันค่าเสียหายที่วางไว้ได้ทันทีเมื่อศาลมีคำสั่งถอนหมายอายัดชั่วคราวซึ่งมีผลเท่ากับถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว, การโต้แย้งสิทธิ, อำนาจฟ้อง, ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 94
โจทก์เป็นคนต่างด้าวให้จำเลยที่1ลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแทนแม้คนต่างด้าวจะได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา86วรรคหนึ่งอันเป็นโมฆะก็ตามแต่ตามมาตรา94บัญญัติให้คนต่างด้าวจัดการจำหน่ายที่ดินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ได้รับอนุญาตเสียภายในเวลาที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนดถ้าไม่จำหน่ายภายในเวลาที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนดก็ให้อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจจำหน่ายที่ดินนั้นได้ดังนั้นจำเลยที่1จึงไม่มีอำนาจจำหน่ายที่ดินของโจทก์ได้โดยพลการการที่จำเลยที่1นำเอาที่ดินของโจทก์ไปขายให้แก่จำเลยที่2โดยพลการถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของเจ้าของที่ดินต่างด้าวที่ถูกจำหน่ายโดยไม่ชอบ ผู้มีสิทธิฟ้องร้องได้
แม้ การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวโดยฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดินฯมาตรา86วรรคหนึ่งจะเป็น โมฆะ แต่มาตรา94ก็ให้ คนต่างด้าว จำหน่ายที่ดินดังกล่าวภายในเวลาที่ อธิบดีกรมที่ดินกำหนดมิฉะนั้นก็ให้ อธิบดี กรมที่ดินมีอำนาจจำหน่ายที่ดินนั้นได้จำเลยที่1ซึ่งลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวจึงไม่มีอำนาจจำหน่ายโดยพลการการที่จำเลยที่1ขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้แก่จำเลยที่2โดยพลการถือว่าเป็นการ โต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงมี อำนาจฟ้องให้เพิกถอนการโอนขายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบังคับคดีและการนำหนี้มาฟ้องล้มละลาย
หนี้ในมูลละเมิดที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายศาลชั้นต้นได้พิพากษาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2521 ให้จำเลยกับพวกอีกสองคนร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทก์ พวกจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ส่วนโจทก์และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์ คดีเฉพาะตัวจำเลยย่อมถึงที่สุดตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2521 โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา ตามป.วิ.พ. มาตรา 271 การที่โจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีจนพ้นกำหนด 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาเช่นนี้ หนี้ตามคำพิพากษาจึงเป็นหนี้ที่โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยอีกต่อไป ดังนั้น โจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้ และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ละเมิดที่ขาดอายุความบังคับคดี ไม่อาจนำมาฟ้องล้มละลายได้
หนี้ในมูลละเมิดที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายศาลชั้นต้นได้พิพากษาเมื่อวันที่17พฤศจิกายน2521ให้จำเลยกับพวกอีกสองคนร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทก์พวกจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ส่วนโจทก์และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คดีเฉพาะตัวจำเลยย่อมถึงที่สุดตั้งแต่วันที่17ธันวาคม2521โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยภายใน10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271การที่โจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีจนพ้นกำหนด10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาเช่นนี้หนี้ตามคำพิพากษาจึงเป็นหนี้ที่โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยอีกต่อไปดังนั้นโจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีภายใน10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือไม่เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินล้มละลาย: พนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
คดีล้มละลาย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ก็เป็นอำนาจของพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวที่จะจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลย ตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายจำเลยจะมาขอให้ทุเลาการบังคับตาม ป.วิ.พ.มาตรา 231 อย่างคดีแพ่งธรรมดาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินในคดีล้มละลาย: พนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเด็ดขาดในการจำหน่ายทรัพย์สินภายใต้กฎหมายล้มละลาย
คดีล้มละลายเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายแล้วก็เป็นอำนาจของพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวที่จะจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายจำเลยจะมาขอให้ทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา231อย่างคดีแพ่งธรรมดาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลังจำเลยรับสารภาพ, ปัญหาข้อเท็จจริงสำคัญที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 277วรรคสาม มีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิต แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ยังต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 176 วรรคแรก ข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่จึงยังไม่ยุติ เมื่อจำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยกระทำชำเราโดยมิได้ใช้อาวุธ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหานี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหานี้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานชำเราเด็ก และการวินิจฉัยประเด็นการใช้อาวุธโดยศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277วรรคสามมีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพศาลก็ยังต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176วรรคแรกข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่จึงยังไม่ยุติเมื่อจำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยกระทำชำเราโดยมิได้ใช้อาวุธแต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหานี้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหานี้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องล้มละลายซ้ำ: เหตุล้มละลายต่างกัน ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ แม้ประเด็นหนี้สินล้นพ้นตัวเหมือนกัน
โจทก์เคยฟ้องให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้องและวินิจฉัยว่ายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทราบการทวงถามให้ชำระหนี้แล้วการที่จำเลยย้ายที่อยู่มิใช่เพื่อประวิงการชำระหนี้ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายอีกโดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาซึ่งโจทก์ขอออกหมายบังคับคดีแล้วแต่จำเลยไม่มีทรัพย์สินที่จะมาชำระหนี้ได้ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวแม้จะมีประเด็นอย่างเดียวกันกับคดีก่อนว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่แต่เป็นคนละเหตุกันซึ่งเหตุในคดีนี้ยังมิได้มีการวินิจฉัยในคดีก่อนจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
of 56