พบผลลัพธ์ทั้งหมด 280 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาความเหมาะสมและประโยชน์สูงสุดแก่ทายาทและกองมรดก
การตั้งผู้จัดการมรดกศาลย่อมใช้ดุลพินิจคำนึงถึงความเหมาะสมประกอบกับพฤติการณ์ที่จะให้ประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดก การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ตาย ไม่ทราบว่ามีทรัพย์มรดกอะไรบ้าง ทั้งไม่ทราบเจตนาของผู้ตายว่าประสงค์จะยกทรัพย์มรดกส่วนใดให้แก่ผู้ใด ส่วนผู้คัดค้านอยู่ใกล้ชิดกับผู้ตาย รู้ว่าทรัพย์มรดกอยู่แห่งใดและทราบความประสงค์ของผู้ตายว่าต้องการยกทรัพย์มรดกส่วนใดให้แก่ผู้ใดนั้น ไม่ใช่เหตุผลที่แสดงถึงความเหมาะสมที่ผู้คัดค้านจะเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว ผู้ร้องไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดก การให้ผู้ร้องและผู้คัดด้านได้จัดการมรดกร่วมกันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดกมากกว่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว
ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างก็อ้างว่า ตนสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และขอให้ศาลตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้น คดีไม่มีประเด็นว่าทรัพย์สินใดเป็นมรดกของผู้ตาย การที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่มรดกของผู้ตายจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอและนอกประเด็น
ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างก็อ้างว่า ตนสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และขอให้ศาลตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้น คดีไม่มีประเด็นว่าทรัพย์สินใดเป็นมรดกของผู้ตาย การที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่มรดกของผู้ตายจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอและนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้จัดการมรดก: ศาลพิจารณาประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดกเป็นหลัก แม้ผู้คัดค้านใกล้ชิดผู้ตายแต่ไม่ได้หมายความเหมาะสมเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว
การตั้งผู้จัดการมรดกศาลย่อมใช้ดุลพินิจคำนึงถึงความเหมาะสมประกอบกับพฤติการณ์ที่จะให้ประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดกการที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ตายไม่ทราบว่ามีทรัพย์มรดกอะไรบ้างทั้งไม่ทราบเจตนาของผู้ตายว่าประสงค์จะยกทรัพย์มรดกส่วนใดให้แก่ผู้ใดส่วนผู้คัดค้านอยู่ใกล้ชิดกับผู้ตายรู้ว่าทรัพย์มรดกอยู่แห่งใดและทราบความประสงค์ของผู้ตายว่าต้องการยกทรัพย์มรดกส่วนใดให้แก่ผู้ใดนั้นไม่ใช่เหตุผลที่แสดงถึงความเหมาะสมที่ผู้คัดค้านจะเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียวผู้ร้องไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดกการให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านได้จัดการมรดกร่วมกันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดกมากกว่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างก็อ้างว่าตนสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายและขอให้ศาลตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้นคดีไม่มีประเด็นว่าทรัพย์สินใดเป็นมรดกของผู้ตายการที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่มรดกของผู้ตายจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอและนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์ชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ก่อนพิพากษา ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี และสิทธิในการถอนเงินประกัน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ในระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยศาลได้มีคำสั่งอายัดที่ดินดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานที่ดินแล้วเมื่อโจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและศาลได้ออกหมายอายัดชั่วคราวส่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินและจำเลยแล้วเป็นเพียงการสั่งห้ามชั่วคราวเท่านั้นยังไม่มีกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเข้ามาอายัดที่ดินพิพาทกรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของตาราง5ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโจทก์จึงมีสิทธิถอนเงินประกันค่าเสียหายที่ศาลมีคำสั่งให้วางไว้ได้ทันทีเมื่อศาลมีคำสั่งถอนหมายอายัดชั่วคราวซึ่งมีผลเท่ากับถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์ชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาคดี ไม่เข้าข่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ร้องมีสิทธิถอนเงินประกันได้ทันที
การที่ศาลออกหมายอายัดชั่วคราวไปยังเจ้าพนักงานที่ดินและจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยทั้งสองโอนขายยักย้ายหรือจำหน่ายที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา254(2)เป็นเพียงการสั่งห้ามชั่วคราวยังไม่มีกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเข้ามาอายัดที่ดินพิพาทไม่อยู่ในบังคับของตาราง5ที่โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีโจทก์จึงมีสิทธิถอนเงินประกันค่าเสียหายที่วางไว้ได้ทันทีเมื่อศาลมีคำสั่งถอนหมายอายัดชั่วคราวซึ่งมีผลเท่ากับถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่นำทรัพย์สินของราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
จำเลยเป็นข้าราชการครูได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคร. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษาส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิคร. จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัยส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเมื่อจำเลยให้ก. นำเหล็กวัสดุที่เหลือใช้ไปเก็บไว้ที่ร้านของก. และให้ก. เอาวัสดุดังกล่าวไปเสียเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขรก.ครูทุจริตวัสดุราชการจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา
จำเลยทั้งสองเป็นข้าราชการครูได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิค ร. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร. จึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัย ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเมื่อจำเลยทั้งสองให้ ก. นำเหล็กวัสดุที่เหลือใช้ไปเก็บไว้ที่ร้านของ ก. และให้ ก. เอาวัสดุดังกล่าวไปเสียเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการครูทุจริตวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้าง เสียหายต่อกรมอาชีวศึกษา
จำเลยเป็นข้าราชการครู มีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัย-เทคนิค ร. ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิคร. จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้าง ปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างการที่จำเลยให้ ก. นำเหล็กไลท์เกจ อันเป็นวัสดุที่เหลือใช้ซึ่งอยู่ในหน้าที่ความดูแลรับผิดชอบของจำเลยไปเก็บไว้ที่ร้าน ก. และให้ ก. เอาเหล็กดังกล่าวไปเสียจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหาย แก่กรมอาชีวศึกษา และเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิด ป.อ. มาตรา 157
จำเลยรับราชการครู หน้าที่หลักคือการสอนหนังสือ การได้รับแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการพิเศษในการควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาอาชีวศึกษา ส. งานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี การที่จำเลยทุจริตร่วมกันเอาเหล็กไลท์เกจไปขาย ก็เป็นเหล็กที่เหลือจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและมีราคาไม่มาก พฤติการณ์แห่งการกระทำผิดจึงไม่ร้ายแรง จำเลยรับราชการโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำเลย
จำเลยรับราชการครู หน้าที่หลักคือการสอนหนังสือ การได้รับแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการพิเศษในการควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาอาชีวศึกษา ส. งานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี การที่จำเลยทุจริตร่วมกันเอาเหล็กไลท์เกจไปขาย ก็เป็นเหล็กที่เหลือจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและมีราคาไม่มาก พฤติการณ์แห่งการกระทำผิดจึงไม่ร้ายแรง จำเลยรับราชการโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขรก.ครูทุจริตวัสดุราชการ (เหล็กไลท์เกจ) คดีถึงฎีกา ศาลลดโทษปรับรอการลงโทษ
จำเลยเป็นข้าราชการครูมีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร. ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร.จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างการที่จำเลยให้ ก. นำเหล็กไลท์เกจอันเป็นวัสดุที่เหลือใช้ซึ่งอยู่ในหน้าที่ความดูแลรับผิดชอบของจำเลยไปเก็บไว้ที่ร้าน ก. และให้ ก. เอาเหล็กดังกล่าวไปเสียจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมอาชีวศึกษาและเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 จำเลยรับราชการครูหน้าที่หลักคือการสอนหนังสือการได้รับแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการพิเศษในการควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาอาชีวศึกษา ส.งานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีการที่จำเลยทุจริตร่วมกันเอาเหล็กไลท์เกจไปขายก็เป็นเหล็กที่เหลือจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและมีราคาไม่มากพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดจึงไม่ร้ายแรงจำเลยรับราชการโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายและการไม่รับอุทธรณ์จากฐานะยากจน
ในการไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ที่ยื่นครั้งแรก ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 มิใช่เป็นคนยากจน พอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น คงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ข้ออ้างที่ขอให้ไต่สวนใหม่ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนยากจนนั้น ปรากฏในคำร้องว่าเป็นเหตุอันเดียวกับที่ได้อ้างและศาลชั้นต้นไต่สวนไว้เดิมแล้ว ไม่มีเหตุที่พอจะหักล้างคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นได้ ถึงแม้จำเลยที่ 1 จะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใดก็ไม่พอที่จะแสดงให้เห็นฐานะของจำเลยที่ 1 นอกเหนือไปจากเดิมที่ศาลชั้นต้นได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งว่าที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว เป็นเรื่องต่อเนื่องกันกับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ซึ่งยกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ในชั้นอุทธรณ์ใหม่ และเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ในฐานะเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยเฉพาะ ศาลฎีกาไม่พึงก้าวล่วงเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าว
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งว่าที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว เป็นเรื่องต่อเนื่องกันกับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ซึ่งยกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ในชั้นอุทธรณ์ใหม่ และเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ในฐานะเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยเฉพาะ ศาลฎีกาไม่พึงก้าวล่วงเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ ไม่รับไต่สวนฐานะยากจนซ้ำ และไม่เปลี่ยนแปลงดุลพินิจเรื่องขยายเวลาค่าธรรมเนียม
ในการไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่1ที่ยื่นครั้งแรกศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่1มิใช่เป็นคนยากจนพอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลได้จำเลยที่1มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นคงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่1นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนแต่ข้ออ้างที่ขอให้ไต่สวนใหม่ว่าจำเลยที่1เป็นคนยากจนนั้นปรากฏในคำร้องว่าเป็นเหตุอันเดียวกับที่ได้อ้างและศาลชั้นต้นไต่สวนไว้เดิมแล้วไม่มีเหตุที่พอจะหักล้างคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นได้ถึงแม้จำเลยที่1จะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใดก็ไม่พอที่จะแสดงให้เห็นฐานะของจำเลยที่1นอกเหนือไปจากเดิมที่ศาลชั้นต้นได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้วจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่1แล้วมีคำสั่งใหม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่1ที่ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค2มีคำสั่งว่าที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่1ชอบแล้วเป็นเรื่องต่อเนื่องกันกับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค2ซึ่งยกอุทธรณ์ของจำเลยที่1ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยที่1ในชั้นอุทธรณ์ใหม่และเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค2สั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23ในฐานะเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์ภาค2โดยเฉพาะศาลฎีกาไม่พึงก้าวล่วงเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค2ดังกล่าว