คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 208 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 178 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์ไม่พิจารณาอุทธรณ์จำเลยครบถ้วน ศาลฎีกาย้อนสำนวนเพื่อให้ถูกต้องตามกระบวนการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยไม่เต็มตามฟ้อง โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาเฉพาะอุทธรณ์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาและเพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นตามลำดับศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2), 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง และการลงโทษในเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษ เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกับพวกกลั่นแกล้งจับกุมผู้เสียหาย กล่าวหาว่าผู้เสียหายกับพวกลักรถจักรยานยนต์ของญาติจำเลยได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหาย ทำทีว่าจะจับกุมผู้เสียหายส่งพนักงานสอบสวน แต่แล้วได้ร่วมกันกรรโชกทรัพย์โดยเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องและประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในเรื่องจำเลยทราบว่าพวกของจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายแล้วไม่แจ้งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทราบ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในข้อเท็จจริงที่ว่า จำเลยทราบว่าพวกของจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายแล้วไม่แจ้งเหตุให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทราบจึงเป็นการพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง และเป็นการลงโทษในเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษ จำเลยอุทธรณ์ว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่ กลับนำข้อเท็จจริงอีกตอนหนึ่งที่โจทก์มิได้กล่าวไว้ในฟ้องมาฟังลงโทษจำเลย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงมิชอบเพราะเป็นการพิพากษาในเรื่องที่โจทก์จำเลยมิได้อุทธรณ์ ส่วนการจะนำข้อเท็จจริงอย่างอื่นซึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์มาฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยนั้นก็เป็นการไม่ชอบอีกเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้อง ถือเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกับพวกกลั่นแกล้งจับกุมผู้เสียหายกล่าวหาว่าผู้เสียหายกับพวกลักรถจักรยานยนต์ของญาติจำเลยได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายทำทีว่าจะจับกุมผู้เสียหายส่งพนักงานสอบสวนแต่แล้วได้ร่วมกันกรรโชกทรัพย์โดยเรียกเอาเงินจากผู้เสียหายโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องและประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในเรื่องจำเลยทราบว่าพวกของจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายแล้วไม่แจ้งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทราบที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 ในข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยทราบว่าพวกของจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายแล้วไม่แจ้งเหตุให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทราบจึงเป็นการพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องและเป็นการลงโทษในเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยอุทธรณ์ว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่กลับนำข้อเท็จจริงอีกตอนหนึ่งที่โจทก์มิได้กล่าวไว้ในฟ้องมาฟังลงโทษจำเลยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงมิชอบเพราะเป็นการพิพากษาในเรื่องที่โจทก์จำเลยมิได้อุทธรณ์ส่วนการจะนำข้อเท็จจริงอย่างอื่นซึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์มาฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยนั้นก็เป็นการไม่ชอบอีกเช่นกันไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในคดีอาญา: การมีทนายก่อนการพิจารณาคดีและการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 76 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูง 15 ปี เมื่อศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณา แต่ดำเนินการพิจารณาไปโดยจำเลยไม่มีทนาย แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จึงเป็นการพิจารณาฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุจำเลยเป็นข้อเท็จจริงสำคัญ ศาลอุทธรณ์รับฟังเอกสารยืนยันอายุเพื่อแก้ไขคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นจดคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้ และจดอายุของจำเลย 19 ปี แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยอายุ 15 ปีเศษ ขอให้ลดมาตราส่วนโทษให้ด้วย ศาลอุทธรณ์รับฟังสำเนาภาพถ่ายเอกสารสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านที่จำเลยเสนอมาพร้อมอุทธรณ์ เชื่อว่าจำเลยมีอายุ 15 ปีเศษ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายไว้ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยเรื่องทนาย แล้วทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุจำเลยสำคัญต่อการพิจารณาโทษคดีป่าไม้ ศาลอุทธรณ์รับฟังเอกสารยืนยันอายุได้ แม้ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นศาล
ศาลชั้นต้นจดคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้ และจดอายุของจำเลย 19 ปี แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยอายุ 15 ปีเศษ ขอให้ลดมาตราส่วนโทษให้ด้วย ศาลอุทธรณ์รับฟังสำเนาภาพถ่ายเอกสารสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านที่จำเลยเสนอมาพร้อมอุทธรณ์ เชื่อว่าจำเลยมีอายุ 15 ปีเศษ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายไว้ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยเรื่องทนายแล้วทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์: ศาลต้องพิจารณาประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ตามลำดับชั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรไก่ของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ส่วนข้อหาฐานรับของโจรให้ยกจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์ตั้งประเด็นวินิจฉัยว่าจำเลยรับของโจรไก่ของกลางหรือไม่แล้วพิพากษากลับให้ยกฟ้องหาได้วินิจฉัยถึงความผิดฐานลักทรัพย์ตามอุทธรณ์ของจำเลยไม่ดังนี้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์จำเป็นที่จะต้องย้อนสำนวนเนื่องจากศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาและเพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นไปตามลำดับศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2),225 ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์ในคดีลักทรัพย์/รับของโจร ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อย้อนสำนวน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรไก่ของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ ส่วนข้อหาฐานรับของโจรให้ยกจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลอุทธรณ์ตั้งประเด็นวินิจฉัยว่าจำเลยรับของโจรไถ่ของกลางหรือไม่ แล้วพิพากษากลับให้ยกฟ้อง หาได้วินิจฉัยถึงความผิดฐานลักทรัพย์ตามอุทธรณ์ของจำเลยไม่ ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์ จำเป็นที่จะต้องย้อนสำนวนเนื่องจากศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา และเพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นไปตามลำดับศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2), 225 ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการมีทนายแก้ต่างคดีอัตราโทษสูง แม้แถลงหาเอง ศาลต้องตั้งทนายให้หากหาไม่ได้
ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปนั้นแม้ในวันสอบถามคำให้การจำเลยได้แถลงว่าจะหาทนายเองแต่เมื่อถึงวันสืบพยานโจทก์จำเลยหาทนายไม่ได้ แถลงขอให้ศาลหาทนายให้และขอเลื่อนการพิจารณาไปศาลก็ชอบที่จะตั้งทนายให้จำเลยและสั่งเลื่อนการพิจารณาไปก่อนการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีแล้วสืบพยานโจทก์จำเลยไปจนเสร็จสิ้น โดยจำเลยไม่มีทนายแก้ต่างนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ส่วนได้เสียของรัฐในการกระทำความผิดต่อเอกสารต่างประเทศเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องสืบก่อนวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลอมหนังสือเดินทางของรัฐบาลโปรตุเกสอันเป็น เอกสารเกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐในการระหว่างประเทศโจทก์สืบพยานได้ 2 ปาก ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยกระทำต่อเอกสารของรัฐบาลโปรตุเกสไม่ใช่ของรัฐบาลไทย ไม่เกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐบาลไทยโดยตรงพิพากษายกฟ้องโจทก์เอกสารตามฟ้องรัฐบาลไทยจะมีส่วนได้เสียในการระหว่างประเทศหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ เมื่อโจทก์ยังมิได้นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้เสร็จสิ้น ศาลชั้นต้นสั่งงดเสียก่อน จึงมิชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาความ
of 18