พบผลลัพธ์ทั้งหมด 178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259-260/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกง vs ลักทรัพย์: การสละการครอบครองทรัพย์สิน
จำเลยใช้อุบายหลอกลวงให้เจ้าทุกข์มอบทรัพย์ให้แล้วจำเลยพาทรัพย์หนีไปในขณะที่เจ้าทุกข์ไม่ได้ควบคุมยึดถือ และไม่อาจติดตามได้ดังนี้ ถือได้ว่าเจ้าทุกข์ได้สละการครอบครองแล้ว จำเลยต้องมีผิดฐานฉ้อโกงไม่ใช่ลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามคำพยานโจทก์ แล้วชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ใช่ข้อที่โจทก์ประสงค์จะลงโทษดังนี้ หากศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องก็มีอำนาจพิพากษาได้ ไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นฟังพยานจำเลยด้วย
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามคำพยานโจทก์ แล้วชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ใช่ข้อที่โจทก์ประสงค์จะลงโทษดังนี้ หากศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องก็มีอำนาจพิพากษาได้ ไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นฟังพยานจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: ความผิดฐานรับของโจรเนื้อโค แม้ฟ้องระบุเป็นโค
ฟ้องว่าจำเลยรับของโจรโคเป็น พิจารณาได้ความว่ารับของโจรเนื้อโคก็ลงโทษได้ ไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับฟ้อง
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคำชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกและยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นสำคัญอื่น ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคำชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกและยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นสำคัญอื่น ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: การขยายผลจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ แม้ต่างจากฟ้องเดิม
ฟ้องว่าจำเลยรับของโจรโคเป็นพิจารณาได้ความว่ารับของโจรเนื้อโคก็ลงโทษได้ ไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฎในการพิจารณาต่างกับฟ้อง
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคำชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกและยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นสำคัญอื่น ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่.
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคำชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกและยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นสำคัญอื่น ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยานในคดีรับจ้างกระทำชำเราสำส่อน: ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับจ้างกระทำชำเราสำส่อน จำเลยให้การปฏิเสธเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่าจำเลยรับจ้างกระทำชำเราสำส่อนคือเป็นหญิงนครโสเภณีแล้ว ส่วนข้อที่ไม่ได้รับอนุญาตเป็นหน้าที่จำเลยจะต้องนำสืบ เมื่อศาลล่างยังไม่ได้พิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อใด ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริงและพิพากษาใหม่ตามรูปความได้ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2486
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๗๒ จำเลยให้การรับตามคำร้อง แต่ศาลไม่พิจารณาเพิ่มโทษ
โจทยื่นคำร้องขอเพิ่มโทสก่อนมีคำพิพากสา สาลจดคำแถลงของจำเลยที่ไห้การรีบ แต่ปรากตว่าได้อ่านข้อความเหล่านั้นไห้จำเลยฟัง และไห้จำเลยลงลายมือชื่อ สาลดีกามีอำนาดย้อนสำนวนไปไห้สาลชั้นต้นปติบัติการไห้ถูกต้องตามกะบวนพิจารนาโดยไห้พิจารนาพิพากสาไหม่ ฉเพาะประเด็นข้อที่โจทขอไห้เพิ่มโทสได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระบวนการพิจารณา - การอ่านคำให้การและลงลายมือชื่อ - อำนาจย้อนสำนวน
โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มโทษก่อนมีคำพิพากษา ศาลจดคำแถลงของจำเลยที่ให้การรับ แต่ไม่ปรากฏว่าได้อ่านข้อความเหล่านั้นให้จำเลยฟัง และให้จำเลยลงลายมือชื่อ ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาโดยให้พิจารณาพิพากษาใหม่ เฉพาะประเด็นข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องเป็นลำดับ หากศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเองโดยที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัย ถือเป็นการละเมิดสิทธิอุทธรณ์
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องในข้อกฎหมายแต่มิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงดังนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงมิได้รับการวินิจฉัยมาเป็นลำดับ ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงมาใหม่ตามลำดับ