คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธีระจิต ไชยาคำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: การส่งมอบเนื้อที่ตามสัญญา, ทางสาธารณะโดยปริยาย, สิทธิบอกปัดสัญญา
สัญญาจะซื้อขายมีข้อความว่าจำเลยทั้งสองผู้ขายตกลงขายที่ดินเนื้อที่ดิน285ตารางวาเป็นเงิน7,267,500บาทแสดงว่าคู่สัญญาได้ระบุที่ดินที่จะซื้อขายมีเนื้อที่285ตารางวาไว้ชัดเจนในหนังสือสัญญาจะซื้อขายซึ่งเป็นสาระสำคัญและยึดถือเป็นหลักในการคิดราคาที่ดินที่ซื้อขายมิใช่เป็นการขายเหมาโดยประมาณจำเลยทั้งสองจึงมีหน้าที่ต้องโอนหรือส่งมอบที่ดินจำนวนเนื้อที่ดังกล่าวให้แก่โจทก์ครบถ้วน การที่เจ้าของที่ดินยอมให้ประชาชนทั่วไปใช้ถนนซอยสัญจรไปมาเป็นเวลาช้านานหลายสิบปีย่อมถือได้ว่าได้อุทิศที่ดินพิพาทส่วนที่เป็นถนนซอยดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้วที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304(2)ทันทีโดยไม่จำต้องจดทะเบียนเป็นทางสาธารณประโยชน์ เมื่อจำเลยเนื้อที่ดินขาดไปจากจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาเกินกว่าร้อยละ5ของเนื้อที่ทั้งหมดที่จะซื้อขายกันโจทก์ผู้ซื้อจึงชอบที่จะขอใช้ราคาลดลงตามส่วนหรือบอกปัดเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา466วรรคแรกเมื่อโจทก์ได้ต่อรองขอลดราคาลงเพื่อใช้ราคาตามส่วนกับจำเลยทั้งสองแล้วแต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมโจทก์จึงมีสิทธิบอกปัดเสียได้จำเลยทั้งสองต้องคืนเงินมัดจำแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ - เหตุไม่ทราบการส่งหมาย ไม่เป็นเหตุให้พิจารณาใหม่
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย อ้างว่าเพิ่งทราบการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องหลังจากพ้นกำหนดยื่นคำให้การแล้ว แต่ตั้งใจที่จะแต่งทนายเพื่อซักค้านพยานโจทก์ เนื่องจากยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้องสูงกว่าความจริงจำเลยมีหลักฐานต่อสู้คดีได้ คำขอดังกล่าวไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลคำขอให้พิจารณาใหม่จึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาและการขอพิจารณาใหม่ จำเลยต้องแสดงเหตุสมควรที่ไม่อาจยื่นคำให้การได้ทัน
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอ้างว่าเพิ่งทราบการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องหลังจากพ้นกำหนดยื่นคำให้การแล้วแต่ตั้งใจที่จะแต่งทนายเพื่อซักค้านพยานโจทก์เนื่องจากยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้องสูงกว่าความจริงจำเลยมีหลักฐานต่อสู้คดีได้คำขอดังกล่าวไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลคำขอให้พิจารณาใหม่จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการขนส่งและการแก้ไขคำฟ้อง
เดิมโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกัน หรือจำเลยที่ 1เชิดจำเลยที่ 2 ออกแสดงเป็นตัวแทนจ้างจำเลยที่ 3 ขับรถยนต์บรรทุกซึ่งมีป้ายชื่อ"โรงสีชัยเจริญ 4" อันเป็นชื่อกิจการค้าโรงสีซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีผลประโยชน์ร่วมกันติดอยู่ที่หลังคาหน้ารถโดยเปิดเผย การที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องโดยเพิ่มข้อความว่า โรงสีชัยเจริญ 4 เป็นโรงสีข้าวในกิจการของห้างหุ้นส่วนโรงสีไฟชัยเจริญซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดพิจิตร ซึ่งจำเลยที่ 1และที่ 2 เป็นหุ้นส่วน โดยจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเข้าไปนั้น ข้อความที่ขอแก้ไขเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ทั้งโจทก์ขอแก้ไขก่อนวันสืบพยาน เป็นกรณีที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 179 และมาตรา 180 โจทก์จึงมีสิทธิแก้ไขคำฟ้องได้
ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องพิการและทนทุกข์ทรมานเป็นความเสียหายที่มิใช่ตัวเงินอย่างหนึ่ง โจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ตามมาตรา 446
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ และจำเลยที่ 1 กับห้างหุันส่วนจำกัดโรงสีไฟชัยเจริญร่วมกันประกอบการขนส่งเพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างและกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไฟชัยเจริญ และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด จึงต้องร่วมรับผิดในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1077 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์, การร่วมรับผิดของเจ้าของรถ, ห้างหุ้นส่วน, และผู้จัดการ
เดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่1และที่2ร่วมกันหรือจำเลยที่1เชิดจำเลยที่2ออกแสดงเป็นตัวแทนจ้างจำเลยที่3ขับรถยนต์บรรทุกซึ่งมีป้ายชื่อ"โรงสีชัยเจริญ4"อันเป็นชื่อกิจการค้าโรงสีซึ่งจำเลยที่1และที่2มีผลประโยชน์ร่วมกันติดอยู่ที่หลังคาหน้ารถโดยเปิดเผยการที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องโดยเพิ่มข้อความว่าโรงสีชัยเจริญ4 เป็นโรงสีข้าวในกิจการของห้างหุ้นส่วนโรงสีไฟชัยเจริญซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดพิจิตรซึ่งจำเลยที่1และที่2เป็นหุ้นส่วนโดยจำเลยที่2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเข้าไปนั้นข้อความที่ขอแก้ไขเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมทั้งโจทก์ขอแก้ไขก่อนวันสืบพยานเป็นกรณีที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา179และมาตรา180โจทก์จึงมีสิทธิแก้ไขคำฟ้องได้ ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องพิการและทนทุกข์ทรมานเป็นความเสียหายที่มิใช่ตัวเงินอย่างหนึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ตามมาตรา446 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่1เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุและจำเลยที่1กับห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไฟชัยเจริญร่วมกันประกอบการขนส่งเพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกันจำเลยที่3เป็นลูกจ้างและกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไฟชัยเจริญ และจำเลยที่2เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดจึงต้องร่วมรับผิดในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1077(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อรั้วเขตที่ดินและบุกรุกเพื่อครอบครองถือเอาที่ดินของผู้อื่นเป็นความผิดทางอาญา
จำเลยสั่งให้ ท. กับพวกรื้อรั้วซึ่งเป็นเครื่องหมายเขตแห่งที่ดินและเข้าไปปิดกั้นรั้วของโจทก์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 7992 โดย ท. กับพวกทำตามคำสั่งของจำเลยโดยไม่มีเจตนาร่วมกระทำความผิดด้วย กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดฐานทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ และเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมเพื่อถือเอาที่ดินบางส่วนตามโฉนดเลขที่ 7992 ของโจทก์ร่วมเป็นของจำเลย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362และ 363 โดยจำเลยใช้ ท. กับพวกเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรบกวนการครอบครองที่ดินโดยทำลายเครื่องหมายเขตและบุกรุก
จำเลยสั่งให้ ท.กับพวกรื้อรั้วซึ่งเป็นเครื่องหมายเขตแห่งที่ดินและเข้าไปปิดกั้นรั้วของโจทก์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 7992 โดย ท.กับพวกทำตามคำสั่งของจำเลยโดยไม่มีเจตนาร่วมกระทำความผิดด้วย กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดฐานทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ และเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมเพื่อถือเอาที่ดินบางส่วนตามโฉนดเลขที่ 7992ของโจทก์ร่วมเป็นของจำเลย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข ตาม ป.อ.มาตรา 362 และ 363 โดยจำเลยใช้ ท.กับพวกเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมสร้างตนเองตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ แม้ครอบครองต่อเนื่องก็ไม่เกิดสิทธิ
ที่พิพาทเป็นที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีข้อกำหนดห้ามโอนภายใน5ปีนับแต่วันได้รับหนังสือดังกล่าวแม้จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาในฐานะผู้ซื้อที่พิพาทก็ตามเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยภายใน5ปีนับแต่วันที่โจทก์ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์จำเลยจึงไม่มีสิทธิครอบครองหรืออาศัยในที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมีสิ่งปลูกสร้าง การบรรยายฟ้องคลาดเคลื่อนไม่ถึงขนาดทำให้ศาลไม่รับคำฟ้อง เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง
คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านเลขที่405-14-15แต่ไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยว่ามีบ้านเลขที่405-14-15ตั้งอยู่ในท้องที่อื่นใดการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าบ้านพิพาทเลขที่405-14-15ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์หมายถึงบ้านเลขที่405/14-15เพียงแต่โจทก์บรรยายฟ้องรายละเอียดผิดพลาดแม้โจทก์จะไม่ได้ขอแก้ไขคำฟ้องให้ถูกต้องก็เป็นเพียงผิดพลาดเล็กน้อยเท่านั้นการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านเลขที่405/14-15จึงไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำฟ้อง การที่จำเลยยอมให้ใส่ชื่อ บ. ในโฉนดที่ดินแทนจำเลยเป็นเรื่องที่จำเลยซึ่งเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้ บ. ผู้เป็นตัวแทนทำการออกนอกหน้าเป็นตัวการว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวจำเลยจึงหาอาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มีต่อ บ. ผู้เป็นตัวแทนและขวนขวายได้กรรมสิทธิ์มาก่อนที่จะรู้ว่า บ. เป็นตัวแทนของจำเลยได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาเรื่องอายุความและประเด็นที่ต้องยกขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่า โจทก์สามารถตรวจสอบทะเบียนรถคันที่ชนรถของโจทก์ได้ว่าเป็นใคร มิใช่โจทก์เพิ่งทราบตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อกลางปี 2530 คดีจึงขาดอายุความ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
เมื่อจำเลยที่ 3 มิได้ยกอายุความเรื่องการเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 882 วรรคแรก ขึ้นต่อสู้ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้ เพราะไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยที่ 3 จึงฎีกาต่อมาไม่ได้ เพราะไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
of 40