คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สถิตย์ สิทธิลักษณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 330 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดศุลกากร: เทียบเคียงราคาต้องเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน
คำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 47/2531 เป็นระเบียบภายในของจำเลยเท่านั้น จะนำมาเป็นหลักเกณฑ์ว่าราคาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้มีหรือประเมินราคาไปนั้น เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดโดยไม่คำนึงถึงบทกฎหมายไม่ได้ เพราะ "ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด" มีบทวิเคราะห์ศัพท์ใน พ.ร.บ.ศุลกากรพ.ศ.2469 มาตรา 2 วรรคสิบสอง เมื่อสินค้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยนำมาเทียบเคียงราคากับสินค้าพิพาทไม่ได้เป็นเหล็กประเภทและชนิดเดียวกัน ขนาดหน้าตัดและความยาวของเหล็กก็ต่างกันมาก ไม่อาจนำมาเทียบเคียงกันได้ ย่อมไม่อาจหักล้างว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าไม่ใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาศุลกากรต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยเทียบเคียงกับสินค้าประเภทเดียวกัน
คำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่47/2531เป็นระเบียบภายในของจำเลยเท่านั้นจะนำมาเป็นหลักเกณฑ์ว่าราคาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้มีหรือประเมินราคาไปนั้นเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดโดยไม่คำนึ่งถึงบทกฎหมายไม่ได้เพราะ"ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด"มีบทวิเคราะห์ศัพท์ในพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469มาตรา2วรรคสิบสองเมื่อสินค้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยนำมาเทียบเคียงราคากับสินค้าพิพาทไม่ได้เป็นเหล็กประเภทและชนิดเดียวกันขนาดหน้าตัดและความยาวของเหล็กก็ต่างกันมาไม่อาจนำมาเทียบเคียงกันได้ย่อมไม่อาจหักล้างว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าไม่ใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำคุกและปรับจากความผิดฐานแปรรูปไม้โดยมีเหตุบรรเทาโทษและรอการลงโทษ
กฎหมายกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำสำหรับความผิดที่จำเลยกระทำแต่ละกระทงไว้ให้จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีและปรับตั้งแต่ห้าพันบาทจึงลงโทษน้อยกว่านี้ไม่ได้ จำเลยมีบุตรที่ต้องอุปการะเลี้ยงดู2คนไม้ของกลางซึ่งจำเลยอ้างว่าอยู่ในที่ดินของบิดาจำเลยมีจำนวนเล็กน้อยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำคุกแต่เพื่อให้หลาบจำสมควรวางโทษปรับจำเลยด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นภาษีการค้าสำหรับกาวและวัตถุดิบอุตสาหกรรม: การตีความคำว่า 'อุตสาหกรรม' และขอบเขตการยกเว้น
ตามบัญชีที่ 1 หมวด 5 เครื่องมือ เครื่องใช้ ของใช้ (26)แห่งบัญชีท้าย พ.ร.ฎ.ออกตามความใน ป.รัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ.2517 บัญญัติว่า "กาวหรือสินค้าอันมีลักษณะทำนองเดียวกัน นอกจากที่ใช้ในการอุตสาหกรรม" ดังนั้นกาวหรือสินค้าอันมีลักษณะทำนองเดียวกันดังกล่าวจึงหมายถึงสิ่งของที่เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ และของใช้ ดังที่ระบุไว้ในตอนต้นของหมวด 5 เมื่อสินค้าโพลีไวนิล อาซิเตด ลาเท็กซ์ ของโจทก์ เป็นกาวหรือสินค้าอันมีลักษณะทำนองเดียวกับกาว หากโจทก์ขายสินค้าของโจทก์ดังกล่าวเพื่อใช้ในกิจการอย่างอื่นที่มิใช่การอุตสาหกรรม โจทก์ย่อมต้องเสียภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าของโจทก์ตามกฎหมาย เพราะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีการค้าตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.ฎ. ดังกล่าวข้างต้น ส่วนโพลีไวนิล อาซิเตด ลาเท็กซ์ที่โจทก์ผลิตและได้นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการอุตสาหกรรมนั้นเป็นสินค้าที่มิได้ระบุไว้ในบัญชีท้าย พ.ร.ฎ.ดังกล่าว และเป็นสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักรทั้งเป็นสินค้าตามประเภทการค้า 1 ชนิด 1 (ก)ของบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายหมวด 4 ลักษณะ2 แห่ง ป.รัษฎากร โจทก์จึงได้รับยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าโพลีไวนิลอาซิเตด ลาเท็กซ์ ของโจทก์ตามมาตรา 5 (8) แห่ง พ.ร.ฎ. ดังกล่าว
ตามบัญชีท้าย พ.ร.ฎ.ออกตามความใน ป.รัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ.2517 มิได้ให้ความหมายของคำว่า"อุตสาหกรรม" ไว้ จึงต้องถือตามความหมายทั่วไปของคำดังกล่าว ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ให้ความหมายของคำว่า "อุตสาหกรรม" ไว้ว่าการทำสิ่งของเพื่อให้เกิดผลประโยชน์เป็นกำไร,การประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องใช้แรงงานและทุนมากอุตสาหกรรมตามความหมายแรกนั้นจึงไม่จำต้องเป็นกิจการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมหรือได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานตามกฎหมาย นอกจากนี้อุตสาหกรรมขนาดย่อม อุตสาหกรรมขนาดกลาง ก็อยู่ในความหมายของคำว่าอุตสาหกรรมด้วย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ขายสินค้าโพลีไวนิลอาซิเตด ลาเท็กซ์ ให้แก่ลูกค้าที่ซื้อไปใช้ในการอุตสาหกรรมทั้งสิ้น โจทก์จึงได้รับยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าของโจทก์ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีอากรสำหรับสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรม และข้อยกเว้นภาษีตามกฎหมาย
ตามบัญชีที่1หมวด5เครื่องมือเครื่องใช้ของใช้(26)แห่งบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า(ฉบับที่54)พ.ศ.2517บัญญัติว่า"กาวหรือสินค้าอันมีลักษณะทำนองเดียวกันนอกจากที่ใช้ในการอุตสาหกรรม"ดังนั้นกาวหรือสินค้าอันมีลักษณะทำนองเดียวกันดังกล่าวจึงหมายถึงสิ่งของที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้และของใช้ดังที่ระบุไว้ในตอนต้นของหมวด5เมื่อสินค้าโพลีไวนิลอาซิเตดลาเท็กซ์ ของโจทก์เป็นกาวหรือสินค้าอันมีลักษณะทำนองเดียวกับกาวหากโจทก์ขายสินค้าของโจทก์ดังกล่าวเพื่อใช้ในกิจการอย่างอื่นที่มิใช่การอุตสาหกรรมโจทก์ย่อมต้องเสียภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าของโจทก์ตามกฎหมายเพราะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีการค้าตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้นส่วนโพลีไวนิลอาซิเตดลาเท็กซ์ ที่โจทก์ผลิตและได้นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการอุตสาหกรรมนั้นเป็นสินค้าที่มิได้ระบุไว้ในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวและเป็นสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักรทั้งเป็นสินค้าตามประเภทการค้า1ชนิด1(ก)ของบัญชีอัตราภาษีการค้าท้ายหมวด4ลักษณะ2แห่งประมวลรัษฎากรโจทก์จึงได้รับยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าโพลีไวนิลอาซิเตคลาเท็กซ์ ของโจทก์ตามมาตรา5(8)แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า(ฉบับที่54)พ.ศ.2517มิได้ให้ความหมายของคำว่า"อุตสาหกรรม"ไว้จึงต้องถือตามความหมายทั่วไปของคำดังกล่าวซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ.2525ให้ความหมายของคำว่า"อุตสาหกรรม"ไว้ว่าการทำสิ่งของเพื่อให้เกิดผลประโยชน์เป็นกำไร,การประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องใช้แรงงานและทุนมากอุตสาหกรรมตามความหมายแรกนั้นจึงไม่จำต้องเป็นกิจการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมหรือได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานตามกฎหมายนอกจากนี้อุตสาหกรรมขนาดย่อมอุตสาหกรรมขนาดกลางก็อยู่ในความหมายของคำว่าอุตสาหกรรมด้วยเมื่อปรากฎว่าโจทก์ได้ขายสินค้าโพลิไวนิลอาซิเตดลาเท็กซ์ให้แก่ลูกค้าที่ซื้อไปใช้ในการอุตสาหกรรมทั้งสิ้นโจทก์จึงได้รับยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าของโจทก์ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด: การประเมินภาษีอากรศุลกากรต้องอ้างอิงราคาซื้อขายจริง ณ วันนำเข้า
ตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469มาตรา2วรรค12บัญญัติว่า"คำว่า"ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด"หรือ"ราคา"แห่งของอย่างใดนั้นหมายความว่าราคาขายส่งเงินสด(ในส่วนของขาเข้าไม่รวมค่าอากร)ซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุนณเวลาและที่นำของเข้าหรือส่งของออกแล้วแต่กรณีโดยไม่หักทอนหรือลดหย่อนราคาอย่างใด"เวลาที่นำสินค้าเข้ามาตามบทบัญญัติดังกล่าวหมายถึงเวลาที่ยานพาหนะที่บรรทุกสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรมิใช่เวลาที่ผู้นำเข้าสั่งซื้อสินค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งเอกสารทางไปรษณีย์โดยชอบต่อบริษัท ที่มีบริษัทแม่มอบหมายให้บริษัทอื่นดูแลและใช้พนักงานร่วมกัน
โจทก์ประกอบพาณิชยกิจในประเทศไทย โดยมีสำนักงานอยู่ที่อาคารเลขที่ 2160 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และใช้อาคารเลขที่ดังกล่าวเป็นสำนักงานประกอบพาณิชยกิจตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น การที่จำเลยส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไปยังที่อยู่ของโจทก์ตามอาคารเลขที่ดังที่ระบุไว้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการส่งโดยชอบแล้ว
โจทก์เป็นบริษัทในเครือของบริษัท อ.แต่โจทก์ยังมีพนักงานไม่ครบสมบูรณ์ บริษัทแม่ในประเทศอังกฤษจึงมอบหมายให้บริษัท อ.เป็นผู้ดูแล การที่โจทก์ใช้พนักงานของบริษัท อ.มาโดยตลอดในการปฏิบัติงานจนเป็นปกติ ถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้หรือยอมรับเอาพนักงานของบริษัท อ.เป็นผู้ดำเนินงานเสมือนหนึ่งว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นพนักงานของโจทก์เอง ฉะนั้นการที่พนักงานไปรษณีย์ส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์ที่อาคารเลขที่ 2160 ดังกล่าว โดยมี ค.พนักงานของบริษัท อ.เป็นผู้รับเอกสารดังกล่าวไว้แทน จึงถือได้ว่าเป็นการส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แก่บุคคลซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านหรือสำนักงานที่ปรากฏว่าเป็นของโจทก์แล้ว จึงเป็นการส่งโดยชอบตาม ป.รัษฎากร มาตรา 8

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์โดยชอบตามประมวลรัษฎากร เมื่อผู้รับเป็นผู้ทำงานในสำนักงานของบริษัท แม้ไม่ใช่พนักงานโดยตรง
โจทก์ประกอบพาณิชยกิจในประเทศไทย โดยมีสำนักงานอยู่ที่อาคารเลขที่ 2160แขวงหัวหมากเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และใช้อาคารเลขที่ดังกล่าวเป็นสำนักงานประกอบพาณิชยกิจตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น การที่จำเลยส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไปยังที่อยู่ของโจทก์ตามอาคารเลขที่ดังที่ระบุไว้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการส่งโดยชอบแล้ว
โจทก์เป็นบริษัทในเครือของบริษัท อ. แต่โจทก์ยังมีพนักงานไม่ครบสมบูรณ์ บริษัทแม่ในประเทศอังกฤษจึงมอบหมายให้บริษัท อ. เป็นผู้ดูแล การที่โจทก์ใช้พนักงานของบริษัท อ. มาโดยตลอดในการปฏิบัติงานจนเป็นปกติ ถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้หรือยอมรับเอาพนักงานของบริษัท อ. เป็นผู้ดำเนินงานเสมือนหนึ่งว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นพนักงานของโจทก์เอง ฉะนั้นการที่พนักงานไปรษณีย์ส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์ที่อาคารเลขที่ 2160 ดังกล่าว โดยมี ค. พนักงานของบริษัท อ. เป็นผู้รับเอกสารดังกล่าวไว้แทนจึงถือได้ว่าเป็นการส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แก่บุคคลซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านหรือสำนักงานที่ปรากฏว่าเป็นของโจทก์แล้ว จึงเป็นการส่งโดยชอบตามประมวลรัษฎากร มาตรา 8

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ผ่านพนักงานบริษัทในเครือถือว่าชอบด้วยกฎหมาย และการฟ้องคดีเกินกำหนดอายุความ
การที่จำเลยส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไปยังที่อยู่ของโจทก์และ ค. เป็นผู้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไว้การที่ ค. เป็นพนักงานของบริษัท อ. จำกัดรับจดหมาย2ช่วงคือช่วงเช้าเวลา9ถึง10นาฬิกาช่วงเย็นตั้งแต่16นาฬิกาและโจทก์เป็นบริษัทในเครือของบริษัท อ. จำกัดนอกจากนี้โจทก์ยังมีพนักงานไม่ครบสมบูรณ์จึงอยู่ในความดูแลของบริษัท อ.จำกัดเช่นนี้การส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายณวันที่จำเลยส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์แก่ ค.ตามมาตรา8แห่งประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งบรรจุยาเสพติดเพื่อใช้เอง ไม่ถือเป็นผลิตยาเสพติด หากไม่มีเจตนาจำหน่าย
การผลิตโดยการแบ่งบรรจุตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯมาตรา4ต้องเป็นการแบ่งบรรจุที่เป็นอันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงทำนองเดียวกับการเพาะปลูกทำผสมปรุงแปรสภาพเปลี่ยนรูปหรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เช่นการบรรจุเพื่อจำหน่ายแก่บุคคลโดยทั่วไปการที่จำเลยแบ่งบรรจุเพื่อความสะดวกในการใช้เสพของตนเองไม่เป็นการผลิตตามบทกฎหมายดังกล่าว โจทก์ฟ้องว่าจำเลย ผลิตยาเสพติด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองศาลย่อมลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคท้ายเพราะความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเป็นการกระทำอย่างหนึ่งในความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษ
of 33