คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ทวีชัย เจริญบัณฑิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 689 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6760/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดจำนวนกรรมความผิดฐานรับของโจรโดยพิจารณาจากช่วงเวลาการกระทำความผิดตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่22ตุลาคม2536เวลากลางวันถึงวันที่18มิถุนายน2537เวลากลางคืนหลังเที่ยงกรรมหนึ่งกับกระทำความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่2เมษายน2537เวลากลางวันถึงวันที่18มิถุนายน2537เวลากลางคืนหลังเที่ยงอีกกรรมหนึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรและคดีไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องสืบพยานโจทก์อีกข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจร2กรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6619/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในที่ดินโดยหนังสือแสดงเจตจำนงก่อนเสียชีวิต ไม่ถือเป็นมรดก
แม้ ร. ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ดินพิพาทครบถ้วนแล้วตั้งแต่ปี2510และ ร.มีสิทธิเรียกร้องในที่ดินพิพาทตามสัญญาเช่าซื้ออันถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของ ร.ก็ตามแต่ในระหว่างที่ ร.ยังมีชีวิตอยู่ในปี2513 ร.ได้ทำหนังสือแสดงความจำนงตามข้อบังคับของสหกรณ์ ธ.ว่าหาก ร.ต้องพ้นจากสมาชิกภาพของสหกรณ์ ธ.ขอให้สหกรณ์ ธ.โอนบรรดาสิทธิผลประโยชน์และหนี้สินที่ ร.มีอยู่ในสหกรณ์ ธ.ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาทต่อมา ร. ทำกินในที่ดินพิพาทไม่ไหวในปี2518สหกรณ์ ธ.ได้รับจำนองเข้าเป็นสมาชิกแทน ร.สิทธิในที่ดินพิพาทจึงโอนมาเป็นของจำเลยตามข้อบังคับของสหกรณ์ดังกล่าวต่อมาปี2522 ร.ถึงแก่ความตายสิทธิในที่ดินพิพาทไม่ใช่ทรัพย์สินที่ ร.มีอยู่ขณะถึงแก่ความตายจึงไม่เป็นมรดกของ ร.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1599วรรคหนึ่งการที่จำเลยรับโอนที่ดินพิพาทโดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในปี2531จึงไม่ใช่การรับโอนมรดกของ ร.ในฐานะเจ้าของรวมผู้มีสิทธิรับมรดกร่วมกับโจทก์แต่เป็นเพียงทำให้การได้มาบริบูรณ์ตามกฎหมายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6619/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โอนสิทธิในที่ดินหลังทำสัญญาเช่าซื้อครบถ้วน: ไม่ใช่การรับมรดก แต่เป็นการได้มาตามข้อบังคับสหกรณ์
แม้ ร. ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ดินพิพาทครบถ้วนแล้วตั้งแต่ปี 2510และ ร.มีสิทธิเรียกร้องในที่ดินพิพาทตามสัญญาเช่าซื้ออันถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของ ร.ก็ตาม แต่ในระหว่างที่ ร.ยังมีชีวิตอยู่ในปี 2513 ร.ได้ทำหนังสือแสดงความจำนงตามข้อบังคับของสหกรณ์ ธ.ว่า หาก ร.ต้องพ้นจากสมาชิกภาพของสหกรณ์ ธ.ขอให้สหกรณ์ ธ.โอนบรรดาสิทธิผลประโยชน์และหนี้สินที่ ร.มีอยู่ในสหกรณ์ ธ.ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาท ต่อมา ร.ทำกินในที่ดินพิพาทไม่ไหว ในปี 2518 สหกรณ์ ธ.ได้รับจำเลยเข้าเป็นสมาชิกแทน ร. สิทธิในที่ดินพิพาทจึงโอนมาเป็นของจำเลยตามข้อบังคับของสหกรณ์ดังกล่าว ต่อมาปี 2522 ร.ถึงแก่ความตาย สิทธิในที่ดินพิพาทไม่ใช่ทรัพย์สินที่ ร.มีอยู่ขณะถึงแก่ความตาย จึงไม่เป็นมรดกของ ร.ตามประมวล-กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยรับโอนที่ดินพิพาทโดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในปี 2531 จึงไม่ใช่การรับโอนมรดกของ ร.ในฐานะเจ้าของรวมผู้มีสิทธิรับมรดกร่วมกับโจทก์ แต่เป็นเพียงทำให้การได้มาบริบูรณ์ตามกฎหมายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6320/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารชำระหนี้ที่ไม่ตรงกับฟ้อง ย่อมใช้เป็นหลักฐานการชำระหนี้ไม่ได้ และการเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารเป็นสิ่งต้องห้าม
เอกสารการชำระหนี้ของจำเลย แม้จะมีโจทก์ในฐานะ ผู้ให้กู้ได้ลงลายมือชื่อไว้ แต่เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้วกลับได้ความว่าโจทก์ได้รับเงินจากจำเลยเนื่องในกรณีที่จำเลยค้ำประกันหนี้รายที่ ฉ. เป็นผู้กู้เงินไปจากโจทก์ เท่ากับว่าจำเลยได้ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ฉบับอื่นไม่ใช่ชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ดังนั้นเอกสารดังกล่าวจะรับฟังเป็นหลักฐานการใช้เงินรายนี้ไม่ได้ และจำเลยจะนำสืบว่าเงินที่ชำระแทนฉ. กับเงินที่กู้โจทก์ตามฟ้องเป็นหนี้รายเดียวกันก็เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6320/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารชำระหนี้ที่ไม่ตรงกับข้อฟ้อง ไม่อาจใช้เป็นหลักฐานการชำระหนี้ได้ และการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารเป็นข้อห้าม
เอกสารการชำระหนี้ของจำเลยแม้จะมีโจทก์ในฐานะผู้ให้กู้ได้ลงลายมือชื่อไว้แต่เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้วกลับได้ความว่าโจทก์ได้รับเงินจากจำเลยเนื่องในกรณีที่จำเลยค้ำประกันหนี้รายที่ฉ. เป็นผู้กู้เงินไปจากโจทก์เท่ากับว่าจำเลยได้ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ฉบับอื่นไม่ใช่ชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ดังนั้นเอกสารดังกล่าวจะรับฟังเป็นหลักฐานการใช้เงินรายนี้ไม่ได้และจำเลยจะนำสืบว่าเงินที่ชำระแทนฉ. กับเงินที่โจทก์กู้โจทก์ตามฟ้องเป็นหนี้รายเดียวกันก็เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6193/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงคดีเช่า และการเปลี่ยนแปลงแก้ไขพยานเอกสาร
เมื่อค่าเช่าอาคารพิพาทในขณะยื่นคำฟ้องได้กำหนดกันไว้แน่นอนแล้วว่าไม่เกินเดือนละสี่พันบาทจึงไม่มีกรณีที่จะต้องพิจารณาอีกต่อไปว่าอาคารพิพาทดังกล่าวอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเดือนละเท่าใดคดีของโจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคสอง ในกรณีที่จำเลยมีหนังสือโต้แย้งการบอกเลิกสัญญาเช่าอาคารตามเอกสารหมายล.1ไปถึงโจทก์ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงจำเลยจึงนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารหมายล.1ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6193/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีเช่า และการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารในการต่อสู้คดี
เมื่อค่าเช่าอาคารพิพาทในขณะยื่นคำฟ้องได้กำหนดกันไว้แน่นอนแล้วว่าไม่เกินเดือนละสี่พันบาท จึงไม่มีกรณีที่จะต้องพิจารณาอีกต่อไปว่า อาคารพิพาทดังกล่าวอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องเดือนละเท่าใด คดีของโจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224วรรคสอง
ในกรณีที่จำเลยมีหนังสือโต้แย้งการบอกเลิกสัญญาเช่าอาคารตามเอกสารหมาย ล.1 ไปถึงโจทก์ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงจำเลยจึงนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารหมาย ล.1 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6086/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้กฎหมายใหม่กับการอุทธรณ์คดีแพ่ง: ผลกระทบจากพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534
การที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่จะต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่มีการยื่นอุทธรณ์โจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อ20มีนาคม2535จึงต้องใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224ที่แก้ไขใหม่ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่27ตุลาคม2534เป็นต้นไป แม้ว่าจำเลยจะได้เคยยื่นอุทธรณ์มาแล้วและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้พิจารณาและพิพากษาใหม่โดยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ต้องห้ามแต่ก็เป็นการยื่นอุทธรณ์ในขณะที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224ที่แก้ไขใหม่ยังไม่มีผลบังคับเมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224ที่แก้ไขใหม่มีผลบังคับแล้วกรณีจะไม่บังคับใช้แก่กรณีที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยยกเว้นไม่ให้ย้อนหลังหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6086/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายที่บังคับใช้ ณ ขณะยื่นอุทธรณ์ แม้มีการแก้ไขกฎหมายภายหลัง
การที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ จะต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่มีการยื่นอุทธรณ์ โจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อ20 มีนาคม 2535 จึงต้องใช้ ป.วิ.พ. มาตรา 224 ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 27 ตุลาคม 2534 เป็นต้นไป
แม้ว่าจำเลยจะได้เคยยื่นอุทธรณ์มาแล้ว และศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้พิจารณาและพิพากษาใหม่ โดยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ต้องห้าม แต่ก็เป็นการยื่นอุทธรณ์ในขณะที่ ป.วิ.พ. มาตรา 224 ที่แก้ไขใหม่ยังไม่มีผลบังคับ เมื่อ ป.วิ.พ. มาตรา 224 ที่แก้ไขใหม่มีผลบังคับแล้วกรณีจะไม่บังคับใช้แก่กรณีที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยยกเว้นไม่ให้ย้อนหลังหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5940/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้สักแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต: การพิสูจน์การครอบครองและโทษที่เหมาะสม
จำเลยที่1เป็นลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อรับจ้างบรรทุกไม้สักแปรรูปของกลางจากต่างจังหวัดมุ่งหน้าจะเข้ากรุงเทพมหานครโดยมีบุคคลที่จำเลยที่1อ้างว่าเป็นเจ้าของไม้ขับรถยนต์เก๋งนำทางแต่จำเลยที่1ถูกจับกุมระหว่างทางพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่1เป็นผู้ครอบครองไม้สักแปรรูปของกลาง
of 69