พบผลลัพธ์ทั้งหมด 352 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำท้าคดีสืบพยานไม่สมบูรณ์ ศาลต้องดำเนินการสืบพยานต่อไป
คู่ความตกลงท้ากันว่า โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน แต่ขอให้พระภิกษุ ส. มาแถลงต่อศาลว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่ หากพระภิกษุส. แถลงต่อศาลเช่นใด คู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุ ส.แถลงต่อศาลเพียงว่าพระภิกษุส. เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายกับโจทก์กับจำเลยแต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่ และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่ พระภิกษุ ส.ไม่ทราบคำแถลงพระภิกษุส. ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าคดีสืบพยานและผลของการแถลงไม่ครบถ้วน ศาลต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป
คู่ความตกลงท้ากันว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานแต่ขอให้พระภิกษุส.มาแถลงต่อศาลว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่หากพระภิกษุส.แถลงต่อศาลเช่นใดคู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุส.แถลงต่อศาลเพียงว่าพระภิกษุส. เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายโจทก์กับจำเลยแต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่พระภิกษุส.ไม่ทราบคำแถลงพระภิกษุส. ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าคดีสืบพยานและผลของการแถลงไม่ครบถ้วน ศาลต้องสืบพยานเพื่อพิพากษาตามรูปคดี
คู่ความตกลงท้ากันว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานแต่ขอให้พระภิกษุส. มาแถลงต่อศาลว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทแน่หากพระภิกษุส. แถลงต่อศาลเช่นใดคู่ความก็ยอมรับและไม่ติดใจคัดค้านแต่พระภิกษุส.แถลงต่อศาลเพียงว่าพระภิกษุส. เป็นผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างพี่ชายกับโจทก์กับจำเลยแต่เงินที่ซื้อเป็นของจำเลยหรือไม่และจำเลยซื้อแทนใครหรือไม่พระภิกษุส. ไม่ทราบคำแถลงพระภิกษุส. ไม่ครบถ้วนตามคำท้าคดีจึงต้องสืบพยานโจทก์จำเลยกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5473/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมโมฆะ: สิทธิเรียกร้องทรัพย์สินพิจารณาจากลาภมิควรได้
นิติกรรมที่เป็นโมฆะนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติถึงการให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม คู่กรณีจะมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งนิติกรรมหรือสัญญาอย่างใดเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตามลักษณะลาภมิควรได้อีกชั้นหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5473/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะของสัญญาซื้อขาย: สิทธิเรียกร้องนอกเหนือจากคืนสู่ฐานะเดิม พิจารณาตามลาภมิควรได้
นิติกรรมที่เป็นโมฆะนั้นกฎหมายมิได้บัญญัติถึงการให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมคู่กรณีจะมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งนิติกรรมหรือสัญญาอย่างใดเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตามลักษณะลาภมิควรได้อีกชั้นหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5309/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อเท็จจริงนอกเหนือคำให้การ และสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพจากผู้ละเมิด
จำเลยที่2ไม่ได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องที่โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้ อ. ไปทำความตกลงเรื่องชดใช้ค่าเสียหายไว้การที่จำเลยที่2นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225วรรคหนึ่งจึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่2ในเรื่องดังกล่าว ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่1ประมาทเพียงฝ่ายเดียวจำเลยที่3ไม่ได้ประมาทด้วยจำเลยที่2กลับยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลยที่1มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียวแต่จำเลยที่3เป็นฝ่ายประมาทร่วมด้วยโดยกล่าวลอยๆเพียงเท่านี้ มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่2จะต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่1เพียงไรและจำเลยที่3มีส่วนจะต้องแบ่งความรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงไรดังนั้นการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่3ประมาทด้วยหรือไม่ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่2ในข้อนี้จึงชอบแล้ว โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทซึ่งมีหน้าที่จัดการศพของผู้ตายทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1649จึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากผู้กระทำละเมิดแม้ว่าจะมีผู้อื่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพให้ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5309/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อเท็จจริงนอกเหนือคำให้การ และสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพของผู้เสียหาย
จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องที่โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้ อ. ไปทำความตกลงเรื่องชดใช้ค่าเสียหายไว้ การที่จำเลยที่ 2 นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การ ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในเรื่องดังกล่าว
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ประมาทเพียงฝ่ายเดียว จำเลยที่ 3 ไม่ได้ประมาทด้วย จำเลยที่ 2 กลับยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียว แต่จำเลยที่ 3 เป็นฝ่ายประมาทร่วมด้วย โดยกล่าวลอย ๆ เพียงเท่านี้ มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 เพียงไร และจำเลยที่ 3 มีส่วนจะต้องแบ่งความรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงไร ดังนั้น การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ประมาทด้วยหรือไม่ ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้จึงชอบแล้ว
โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทซึ่งมีหน้าที่จัดการศพของผู้ตายทั้งสองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1649 จึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากผู้กระทำละเมิดแม้ว่าจะมีผู้อื่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพให้ก็ตาม
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ประมาทเพียงฝ่ายเดียว จำเลยที่ 3 ไม่ได้ประมาทด้วย จำเลยที่ 2 กลับยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1มิได้ประมาทเพียงฝ่ายเดียว แต่จำเลยที่ 3 เป็นฝ่ายประมาทร่วมด้วย โดยกล่าวลอย ๆ เพียงเท่านี้ มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 เพียงไร และจำเลยที่ 3 มีส่วนจะต้องแบ่งความรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองเพียงไร ดังนั้น การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ประมาทด้วยหรือไม่ ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้จึงชอบแล้ว
โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทซึ่งมีหน้าที่จัดการศพของผู้ตายทั้งสองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1649 จึงมีสิทธิเรียกค่าปลงศพจากผู้กระทำละเมิดแม้ว่าจะมีผู้อื่นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลงศพให้ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4891/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ถือประทานบัตรฟ้องแย้งการโต้แย้งสิทธิทำเหมืองแร่ – การบุกรุกพื้นที่ประทานบัตร
ตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ.2510มาตรา73(4)ได้บัญญัติให้สิทธิผู้ถือประทานบัตรมีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาลในกรณีที่มีผู้โต้แย้งหรือขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองแร่ดังนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องว่าบริเวณที่ดินที่อยู่ในเขตประทานบัตรของจำเลยบางส่วนเป็นทางสาธารณะเท่ากับเป็นการโต้แย้งสิทธิในการทำเหมืองแร่ของจำเลยแล้วจำเลยจึงมีอำนาจฟ้องแย้งขอให้ศาลบังคับตามคำขอในปัญหานี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4891/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ถือประทานบัตรฟ้องแย้ง กรณีถูกโต้แย้งสิทธิทำเหมืองแร่
ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 73(4) ได้บัญญัติให้สิทธิผู้ถือประทานบัตรมีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาลในกรณีที่มีผู้โต้แย้งหรือขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองแร่ ดังนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องว่าบริเวณที่ดินที่อยู่ในเขตประทานบัตรของจำเลยบางส่วนเป็นทางสาธารณะเท่ากับเป็นการโต้แย้งสิทธิในการทำเหมืองแร่ของจำเลยแล้ว จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องแย้ง ขอให้ศาลบังคับตามคำขอในปัญหานี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้แทนโจทก์โดยตัวแทนและบุคคลที่เกี่ยวข้อง: การชำระหนี้โดยชอบ
โจทก์ได้ยินยอมให้นายแช่มเป็นตัวแทนของโจทก์ในการควบคุมการก่อสร้าง รวมตลอดถึงรับเงินค่าจ้างได้ด้วย ดังนี้ การที่จำเลยชำระเงินค่าก่อสร้างให้แก่นายแช่ม จึงเป็นการชำระให้แก่ผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ ถึงแม้จำเลยจะชำระเงินค่าก่อสร้างบางส่วนให้แก่ บ. ช. และ อ. แต่เนื่องจาก บ.เป็นภริยาของนายแช่ม ช.เป็นน้องชายของนายแช่ม และ อ.เป็นผู้ร่วมทำการก่อสร้างกับนายแช่ม ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทักท้วงการกระทำดังกล่าวของจำเลย กรณีจึงถือได้ว่า บุคคลดังกล่าวกระทำการรับชำระหนี้ร่วมกับนายแช่มแทนโจทก์ เป็นการชำระหนี้โดยชอบเช่นเดียวกัน