พบผลลัพธ์ทั้งหมด 404 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4763/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในทางแพ่งของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง: หนังสือกระทรวงมหาดไทยเป็นเพียงแนวปฏิบัติ ไม่ใช่กฎหมาย
หนังสือกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งของเทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยา เป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งเพื่อให้เทศบาลสุขาภิบาลและเมืองพัทยาถือเป็นแนวปฏิบัติเท่านั้นมิใช่กฎหมาย ดังนั้น จะถือว่าผู้บังคับบัญชาทุกชั้นจะต้องร่วมรับผิดเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชากระทำทุจริตโดยเด็ดขาดไม่ได้ จะต้องรับผิดเมื่อกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3738/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ถือว่าหนังสือขอขยายเวลาเป็นอุทธรณ์ ทำให้คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลมีผลผูกพันและโจทก์หมดสิทธิซื้อนา
หนังสือขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาที่โจทก์มีไปถึงประธานคชก.ตำบลบึงคอไห ตามเอกสารหมายจ.8มีข้อความว่าข้าพเจ้านายสอาดพรมกลิ่น ได้รับหนังสือของคชก.ตำบลเมื่อวันที่25กุมภาพันธ์2531ให้ข้าพเจ้านำเงินไปวางมัดจำนากับนางโซมปิ่นทอง มีกำหนด30วันตั้งแต่ได้รับหนังสือนั้นข้าพเจ้ายังไม่พร้อมที่จะนำเงินไปวางมัดจำจึงขอขยายเวลาออกไปอีก1ปีนับตั้งแต่วันที่24มีนาคม2531จนถึงวันที่24มีนาคม2532จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ด้วยข้อความในหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงการขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาตามที่คชก.ตำบลบึงคอไหได้วินิจฉัยไว้เมื่อวันที่25กุมภาพันธ์2531ไม่ใช่เป็นเรื่องคัดค้านคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหหนังสือดังกล่าวจึงมิใช่เป็นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหต่อคชก.จังหวัดปทุมธานีตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา56วรรคหนึ่ง โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหซึ่งให้โจทก์นำเงินไปทำสัญญาซื้อขายกับนางซ. จำนวน1,000,000บาทภายใน30วันนับแต่วันที่ออกหนังสือส่วนที่เหลือให้ชำระราคาทั้งหมดภายใน60วันคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหจึงถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา56วรรคสองเมื่อโจทก์ไม่ได้ไปทำสัญญาซื้อนากับนางซ. ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวโจทก์จึงหมดสิทธิที่จะซื้อนานั้นตามมาตรา53วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3738/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือขอขยายเวลาชำระเงินค่านา ไม่ถือเป็นอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก. ทำให้คำวินิจฉัยถึงที่สุดและโจทก์หมดสิทธิซื้อนา
หนังสือขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาที่โจทก์มีไปถึงประธาน คชก.ตำบลบึงคอไห ตามเอกสารหมาย จ.8 มีข้อความว่า ข้าพเจ้านายสอาด พรมกลิ่น ได้รับหนังสือของ คชก.ตำบลเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2531ให้ข้าพเจ้านำเงินไปวางมัดจำนากับนางโซม ปิ่นทอง มีกำหนด 30 วัน ตั้งแต่ได้รับหนังสือนั้น ข้าพเจ้ายังไม่พร้อมที่จะนำเงินไปวางมัดจำ จึงขอขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2531 จนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2532 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ด้วย ข้อความในหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงการขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาตามที่ คชก.ตำบลบึงคอไหได้วินิจฉัยไว้เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์2531 ไม่ใช่เป็นเรื่องคัดค้านคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลบึงคอไห หนังสือดังกล่าวจึงมิใช่เป็นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลบึงคอไหต่อ คชก.จังหวัดปทุมธานีตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 56 วรรคหนึ่ง
โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบึงคอไหซึ่งให้โจทก์นำเงินไปทำสัญญาซื้อนากับนาง ซ. จำนวน 1,000,000 บาท ภายใน30 วัน นับแต่วันที่ออกหนังสือ ส่วนที่เหลือให้ชำระราคาทั้งหมดภายใน 60 วันคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบึงคอไหจึงถึงที่สุด ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 56 วรรคสอง เมื่อโจทก์ไม่ได้ไปทำสัญญาซื้อนากับนาง ซ. ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะซื้อนานั้นตามมาตรา 53 วรรคสาม
โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบึงคอไหซึ่งให้โจทก์นำเงินไปทำสัญญาซื้อนากับนาง ซ. จำนวน 1,000,000 บาท ภายใน30 วัน นับแต่วันที่ออกหนังสือ ส่วนที่เหลือให้ชำระราคาทั้งหมดภายใน 60 วันคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบึงคอไหจึงถึงที่สุด ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 56 วรรคสอง เมื่อโจทก์ไม่ได้ไปทำสัญญาซื้อนากับนาง ซ. ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะซื้อนานั้นตามมาตรา 53 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3501/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำช่วยเหลือและสนับสนุนการฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่1และที่2ร่วมกันว่าจ้างจำเลยที่3ให้ฆ่าผู้ตายโดยจำเลยที่2จัดหาอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะให้คืนเกิดเหตุจำเลยที่1และที่2ไปนั่งในร้านที่เกิดเหตุใกล้ๆเพื่อคอยช่วยเหลือจำเลยที่3หากมีอันตรายเกิดขึ้นเมื่อจำเลยที่3ยิงผู้ตายแล้วนั่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไปจำเลยที่2ได้เข้าไปแย่งอาวุธปืนจากโจทก์ร่วมซึ่งกำลังจะไล่ติดตามจำเลยที่3แล้วทำทีเป็นวิ่งไล่ตามยิงจำเลยที่3โดยเจตนาจะไม่ให้กระสุนปืนถูกจำเลยที่3ถือว่าจำเลยที่1และ2เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่3กระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3386/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: ผู้คัดค้านอ้างที่ดินไม่เป็นมรดก ย่อมไม่มีสิทธิขอเป็นผู้จัดการมรดก
เมื่อผู้คัดค้านที่1กล่าวอ้างว่าที่พิพาทไม่เป็นทรัพย์มรดกแล้วก็ไม่มีเหตุที่จะร้องขอจัดการเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวได้หากผู้ร้องกระทำการ โต้แย้งสิทธิของผู้คัดค้านที่1ประการใดเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินคดีเอากับผู้ร้องเป็นอีกส่วนหนึ่งจึงไม่มีเหตุที่จะตั้งผู้คัดค้านที่1เป็น ผู้จัดการมรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานเพียงพอ ศาลไม่จำเป็นต้องพิจารณาเอกสารที่มิได้อ้าง/ชำระค่าธรรมเนียม
ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบก็เพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยคดีได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องหยิบยกพยานเอกสารที่โจทก์โต้แย้งว่าจำเลยมิได้อ้างส่งให้ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นการอ้างโดยตรงหรืออ้างประกอบการสืบพยานบุคคลปากใด และจำเลยมิได้ชำระค่าอ้างเอกสารดังกล่าว ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้หมายเอกสารไว้เป็นพยานจำเลยขึ้นประกอบการวินิจฉัย ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระที่จะต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของพยานหลักฐาน: ศาลวินิจฉัยโดยไม่ต้องพิจารณาเอกสารเพิ่มเติมที่ไม่ได้รับการอ้างอย่างถูกต้อง
ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบก็เพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยคดีได้แล้วโดยไม่จำเป็นต้องหยิบยกพยานเอกสารที่โจทก์โต้แย้งว่าจำเลยมิได้อ้างส่งให้ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นการอ้างโดยตรงหรืออ้างประกอบการสืบพยานบุคคลปากใดและจำเลยมิได้ชำระค่าอ้างเอกสารดังกล่าวทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้หมายเอกสารไว้เป็นพยานจำเลยขึ้นประกอบการวินิจฉัยฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระที่จะต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นต่อสู้ในคดีก่อน ไม่ถือเป็นข้อต่อสู้ในคดีใหม่ หากไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้ง
แม้จำเลยได้ยกประเด็นขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การในคดีก่อนซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาเช่นเดียวกับคดีนี้ว่าจำเลยมิใช่เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามฟ้องและจำเลยไม่ได้ก่อสร้างอาคารพิพาทหรือทำละเมิดต่อโจทก์และได้ระบุในคำให้การคดีนี้ว่าขอให้ถือเอาสำเนาคำให้การในคดีก่อนเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การแก้คดีนี้ด้วยแต่จำเลยก็ไม่ได้ยกประเด็นดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้คดีนี้ถือว่าคำให้การของจำเลยไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งในประเด็นที่ยกขึ้นต่อสู้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองจึงไม่มีประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีแบบไม่ชัดเจน: การอ้างคำให้การเดิมในคดีใหม่ไม่ถือเป็นข้อต่อสู้
แม้ในคดีก่อนจำเลยจะเคยให้การต่อสู้คดีว่าจำเลยมิใช่ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามฟ้องและจำเลยไม่ได้ก่อสร้างอาคารพิพาทหรือทำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาเช่นเดียวกับคดีนี้ และจำเลยระบุในให้การคดีนี้ว่าขอถือเอาสำเนาคำให้การดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การแก้คดีนี้ด้วยก็ตาม แต่สำเนาคำให้การดังกล่าวเป็นคำให้การต่อสู้ในคดีอื่นไม่ใช่ข้อต่อสู้คดีนี้ ถือได้ว่าคำให้การของจำเลยคดีนี้ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งในประเด็นที่ยกขึ้นต่อสู้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้ในคดีแพ่ง จำเลยต้องยกประเด็นในคำให้การปัจจุบัน ไม่ใช่จากคำให้การในคดีก่อน
แม้ในคดีก่อนจำเลยจะเคยให้การต่อสู้คดีว่าจำเลยมิใช่ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามฟ้องและจำเลยไม่ได้ก่อสร้างอาคารพิพาทหรือทำละเมิดต่อโจทก์ซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาเช่นเดียวกับคดีนี้และจำเลยระบุในให้การคดีนี้ว่าขอถือเอาสำเนาคำให้การดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การแก้คดีนี้ด้วยก็ตามแต่สำเนาคำให้การดังกล่าวเป็นคำให้การต่อสู้ในคดีอื่นไม่ใช่ข้อต่อสู้คดีนี้ถือได้ว่าคำให้การของจำเลยคดีนี้ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งในประเด็นที่ยกขึ้นต่อสู้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองจึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยให้