คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อรุณ น้าประเสริฐ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 404 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขาย เนื่องจากการยอมรับมอบสินค้าและครอบครองไว้นาน
จำเลยได้ทำผิดสัญญาซื้อขายสิ่งของเนื่องจากไม่นำหนังสือรับรองสินค้าขาเข้า(ImportEmtry)มาแสดงแม้จำเลยได้ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์จนถูกต้องครบถ้วนก่อนกำหนดแล้วก็ตามแต่โจทก์ยังคงครอบครองสิ่งของที่จำเลยส่งมอบให้ตลอดมาโดยมิได้บอกปัดว่าจะไม่รับสิ่งของและให้จำเลยรับสิ่งของนั้นคืนไปหรือดำเนินการบอกเลิกสัญญาในเวลาอันควรเพิ่งมาบอกเลิกสัญญาหลังจากที่จำเลยส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายแล้วถึง6ปีเศษพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ได้สละผลบังคับตามสัญญาซื้อขายสิ่งของโดยปริยายแล้วโจทก์จึงหาอาจยกเอาข้อที่จำเลยไม่นำหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดงมาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องค่าปรับจากจำเลยได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สละสิทธิสัญญาซื้อขาย: การยอมรับสิ่งของและการไม่บอกเลิกสัญญา
จำเลยได้ทำผิดสัญญาซื้อขายสิ่งของเนื่องจากไม่นำหนังสือรับรองสินค้าเข้า (Import Entry) มาแสดง แม้จำเลยได้ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์จนถูกต้องครบถ้วนก่อนกำหนดแล้วก็ตาม แต่โจทก์ยังคงครอบครองสิ่งของที่จำเลยส่งมอบให้ตลอดมา โดยมิได้บอกปัดว่าจะไม่รับสิ่งของ และให้จำเลยรับสิ่งของนั้นคืนไป หรือดำเนินการบอกเลิกสัญญาในเวลาอันควร เพิ่งมาบอกเลิกสัญญาหลังจากที่จำเลยส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายแล้วถึง 6 ปีเศษ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ได้สละผลบังคับตามสัญญาซื้อขายสิ่งของโดยปริยายแล้ว โจทก์จึงหาอาจยกเอาข้อที่จำเลยไม่นำหนังสือรับรองสินค้าเข้ามาแสดง มาเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องค่าปรับจากจำเลยได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความผิดนัดชำระหนี้ ศาลบังคับคดีได้ตามฟ้องเดิม
สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมมีใจความว่าจำเลยยอมชำระเงิน35,000บาทให้แก่โจทก์โดยแบ่งชำระเป็นงวดงวดแรกชำระเป็นเงิน40,000บาทภายใน5เดือนนับแต่วันทำสัญญางวดหลังชำระอีก35,000บาทภายใน4เดือนโดยนับต่อจากงวดแรกหากจำเลยทั้งสองผิดนัดงวดใดให้โจทก์บังคับคดีได้ตามฟ้องทันทีข้อความตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมมีความหมายว่าจำเลยจะต้องชำระเงิน75,000บาทให้โจทก์โดยแบ่งชำระเป็นสองงวดแต่ละงวดจะต้องชำระเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้หากจำเลยผิดนัดชำระเงินไม่ว่าในงวดใดจำเลยจะต้องถูกบังคับให้ชำระเงินตามที่โจทก์ฟ้องจำนวน150,000บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยเมื่อจำเลยผิดนัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความแก่โจทก์ตั้งแต่งวดแรกโจทก์จึงมีสิทธิร้องขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้จำนวน150,000บาทพร้อมดอกเบี้ยแม้ต่อมาจำเลยได้นำเงินไปวางชำระหนี้ให้โจทก์จำนวน78,202บาทแต่เป็นการวางชำระหนี้ยังไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์จึงมีสิทธิร้องขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดียึดบ้านของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลมีสิทธิบังคับคดีตามจำนวนที่ฟ้อง
สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมมีใจความว่า จำเลยยอมชำระเงิน 75,000 บาท ให้แก่โจทก์ โดยแบ่งชำระเป็นงวด งวดแรกชำระเป็นเงิน 40,000 บาท ภายใน 5 เดือน นับแต่วันทำสัญญา งวดหลังชำระอีก 35,000 บาท ภายใน 4 เดือน โดยนับต่อจากงวดแรกหากจำเลยทั้งสองผิดนัดงวดใดให้โจทก์บังคับคดีได้ตามฟ้องทันที ข้อความตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมมีความหมายว่า จำเลยจะต้องชำระเงิน75,000 บาท ให้โจทก์โดยแบ่งชำระเป็นสองงวด แต่ละงวดจะต้องชำระเงินภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ หากจำเลยผิดนัดชำระเงินไม่ว่าในงวดใด จำเลยจะต้องถูกบังคับให้ชำระเงินตามที่โจทก์ฟ้อง จำนวน 150,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย เมื่อจำเลยผิดนัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความแก่โจทก์ตั้งแต่งวดแรก โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 150,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย แม้ต่อมาจำเลยได้นำเงินไปวางชำระหนี้ให้โจทก์จำนวน 78,202 บาทแต่เป็นการวางชำระหนี้ยังไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดียึดบ้านของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อหาลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเป็นรับของโจร ศาลมีอำนาจลงโทษได้หากโจทก์ไม่โต้แย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธและนำสืบอ้างฐานที่อยู่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานลักทรัพย์แต่มิได้วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่เมื่อโจทก์เห็นว่าข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่นำสืบจำเลยที่1ถึงที่3มีความผิดฐานรับของโจร ก็ชอบจะอุทธรณ์ให้ศาลลงโทษจำเลยที่1ถึงที่3ในความผิดฐานดังกล่าวได้ โจทก์นำสืบพยานหลักฐานว่าจำเลยทั้งสี่กระทำผิดฐานลักทรัพย์ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่ามีคนร้ายลักทรัพย์จริงแต่พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์โจทก์ไม่อุทธรณ์ในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ต้องถือว่าจำเลยทั้งสี่มิได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์คงมีปัญหาในชั้นอุทธรณ์ตามที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่1ถึงที่3กระทำผิดฐานรับของโจรหรือไม่เท่านั้นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค2พิจารณาว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่1ถึงที่3ฟังได้ว่าเป็นการช่วยพาเอาไปเสียซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์และพิพากษาลงโทษฐานรับของโจรจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสามแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ขยายข้อกล่าวหาจากลักทรัพย์เป็นรับของโจร ศาลมีอำนาจลงโทษได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานลักทรัพย์จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธและนำสืบอ้างฐานที่อยู่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานลักทรัพย์แต่มิได้วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่เมื่อโจทก์เป็นว่าข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่นำสืบจำเลยที่1ถึงที่3มีความผิดฐานรับของโจรซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสามโจทก์จึงอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยที่1ถึงที่3ในความผิดฐานรับของโจรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูตาม ป.พ.พ. มาตรา 443 วรรคสาม เกิดขึ้นได้แม้ไม่มีการจ่ายจริง
สิทธิที่จะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นสิทธิที่มีตาม ป.พ.พ. มาตรา443 วรรคสาม โดยไม่ต้องอาศัยข้อเท็จจริงว่ามีการจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจริงหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูเกิดขึ้นได้แม้ไม่มีการจ่ายจริง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สิทธิที่จะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นสิทธิที่มีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา443วรรคสามโดยไม่ต้องอาศัยข้อเท็จจริงว่ามีการจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจริงหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเข้าเป็นคู่ความแทนผู้มรณะ และการลงลายมือชื่อในคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะในขณะที่คดียังไม่พ้นเวลาที่โจทก์จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ซึ่งพิพากษายกฟ้องโจทก์ ประกอบกับคดียังสามารถฎีกาต่อไปได้ คดีจึงยังไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง ถือได้ว่าคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลฎีกา ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะได้ตามมาตรา 42 วรรคแรก
ผู้ร้องไม่ได้เรียงคำร้องเอง แต่ก็ได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้ร้องและช่องผู้เรียงด้วยตนเอง แสดงว่าผู้ร้องยอมรับเอาคำร้องซึ่งผู้อื่นเรียบเรียงว่าเป็นของตนโดยชอบ การลงลายมือชื่อในฐานะเป็นผู้เรียงถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้เรียงโดยนิตินัยแล้ว คำร้องของผู้ร้องไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติทนายความ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ไม่ถูกต้อง เพราะในชั้นนี้เป็นกรณีพิพาทระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเท่านั้น ทั้งผู้ร้องเป็นผู้แก้อุทธรณ์ หาใช่โจทก์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเข้าเป็นคู่ความแทนผู้มรณะในคดีที่ยังไม่ถึงที่สุด และการยอมรับคำร้องของผู้ร้อง
โจทก์ถึงแก่ความตายภายหลังวันที่ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ยังไม่พ้นเวลายื่นฎีกาและคดีสามารถฎีกาต่อไปได้คดีจึงยังไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา147วรรคสองถือว่าเป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลระหว่างฎีกาผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา42วรรคแรก แม้ผู้ร้องจะมิได้เรียงคำร้องเองก็ตามแต่ผู้ร้องก็ลงชื่อในช่องผู้ร้องและช่องผู้เรียงด้วยตนเองแสดงว่าผู้ร้องยอมรับเอาคำร้องเป็นของตนโดยชอบถือว่าผู้ร้องเป็นผู้เรียงโดยนิตินัยแล้วคำร้องของผู้ร้องไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติทนายความพ.ศ.2528มาตรา33
of 41