คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สละ เทศรำพรรณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,208 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกต้องมีเจตนาและเหตุอันสมควร ศาลยกฟ้องฐานบุกรุกเมื่อไม่มีเหตุอันสมควรและกระทำอนาจารหลังออกจากบ้าน
จำเลยเข้าไปนั่งชมโทรทัศน์ในบ้านผู้เสียหายโดยผู้เสียหาย ยินยอม ต่อมาผู้เสียหายให้จำเลยกลับออกไปโดยผู้เสียหาย เดินมาส่งจำเลยที่ประตูบ้าน เมื่อจำเลยเดินออกประตูบ้าน และผู้เสียหายกำลังจะปิดประตูบ้าน จำเลยกลับดึงบานประตูบ้าน ไว้แล้วใช้กำลังประทุษร้ายและกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหาย ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรและมีเจตนา รบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายเพียงแต่เมื่อจำเลยจะออกจากบ้านผู้เสียหายจึงถือโอกาสกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายเท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 โจทก์บรรยายฟ้องข้อหาบุกรุกแต่เพียงว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยไม่มีเหตุอันสมควรและกระทำการอันเป็นการรวบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุขเท่านั้น ไม่ได้บรรยายถึงเหตุที่จำเลยไม่ยอมออกเมื่อผู้เสียหายไล่ให้ออกแล้วด้วยถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกด้วยเหตุดังกล่าวจึงลงโทษจำเลยฐานบุกรุกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2814/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท ปลอมเอกสารกู้เงินและเช็คเพื่อหวังผลประโยชน์เดียวกัน
แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้อันเป็นการแก้ไขมากแต่ศาลอุทธรณ์ยังลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน2ปีและปรับไม่เกิน40,000บาทย่อมห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา219ดังนี้ที่โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยคดีนี้เป็นคดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายซึ่งโจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยปลอมเอกสารต่างๆเพื่อกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการจำกัดกับการปลอมเช็คเพื่อนำเข้าบัญชีของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันไม่ใช่ความผิดกรรมเดียวกันการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน การที่จำเลยปลอมเอกสารต่างๆเพื่อกู้เงินและปลอมเช็คเพื่อนำเงินเข้าบัญชีของจำเลยเป็นการกระทำต่อเนื่องโดยเจตนาเดียวกันเพื่อให้จำเลยได้เงินกู้จากสหกรณ์ในนามของผู้เสียหายการที่สหกรณ์จ่ายเงินให้เป็นเช็คจำเลยจะยังไม่ได้เงินจนกว่าจะได้รับเงินตามเช็คดังนี้การที่จำเลยปลอมเช็คก็เพื่อให้ได้รับเงินมาเป็นของจำเลยสมดังเจตนาที่วางไว้แต่ต้นทั้งหมดนั่นเองการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2814/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวจากการปลอมเอกสารกู้เงินและเช็ค แม้มีหลายบทกฎหมาย
แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้อันเป็นการแก้ไขมาก แต่ศาลอุทธรณ์ยังลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท ย่อมห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 219 ดังนี้ ที่โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดีนี้เป็นคดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งโจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยปลอมเอกสารต่าง ๆ เพื่อกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกระทรวง-ศึกษาธิการ จำกัด กับการปลอมเช็คเพื่อนำเข้าบัญชีของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ไม่ใช่ความผิดกรรมเดียวกัน การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน
การที่จำเลยปลอมเอกสารต่าง ๆ เพื่อกู้เงินและปลอมเช็คเพื่อนำเงินเข้าบัญชีของจำเลยเป็นการกระทำต่อเนื่องโดยเจตนาเดียวกันเพื่อให้จำเลยได้เงินกู้จากสหกรณ์ในนามของผู้เสียหาย การที่สหกรณ์จ่ายเงินให้เป็นเช็คจำเลยจะยังไม่ได้เงินจนกว่าจะได้รับเงินตามเช็ค ดังนี้ การที่จำเลยปลอมเช็คก็เพื่อให้ได้รับเงินมาเป็นของจำเลยสมดังเจตนาที่วางไว้แต่ต้นทั้งหมดนั่นเองการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองจากการถูกทำร้าย: การใช้อาวุธเพื่อยับยั้งการทำร้ายเป็นเหตุสมควร
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ 1 ศอก ขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าไปหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำ จำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 3 ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไป ไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบ หรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกาย จำเลยแล้วเป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อยับยั้งการทำร้ายร่างกาย แม้ใช้อาวุธ
จำเลยเพียงถือมีดพกเข้าไปหา ล. และผู้เสียหายในลักษณะธรรมดาเท่านั้นโดยไม่ได้แสดงกิริยาอาการรีบร้อนหรือส่อแสดงว่าจะเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแต่อย่างใดยังบ่งบอกไม่ได้ว่าจำเลยจะเจ้าไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหายก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยเอามีดพกของตนไปจึงไปสอบถามทำให้เกิดเหตุทะเลาะกันสาเหตุก็เกิดจากผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อขึ้นก่อนยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุหรือสมัครใจทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายดังนั้นการที่ผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยจะเข้าไปแทงทำร้ายจึงใช้ไม้ท่อนยาว1ศอกขว้างจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งไปหาจำเลยและใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะจำเลยขึ้นจากสระน้ำจึงเป็นพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายก่อเหตุขึ้นก่อนจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและภยันอันตรายที่ใกล้จะถึงได้โดยพอสมควรแก่เหตุได้การที่จำเลยใช้อาวุธแทงผู้เสียหาย3ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไปเมื่อเปรียบเทียบอาวุธที่ใช้แล้วถือว่าจำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเอง: การตอบโต้ด้วยอาวุธเมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ1ศอกขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าไปหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำจำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย3ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไปไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบหรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้างแต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยแล้วเป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองทางอาญา: การใช้กำลังเพื่อยับยั้งการทำร้ายจากผู้ถูกทำร้าย
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ1ศอกขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำจำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย3ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไปไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบหรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้างแต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยแล้วเป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเอง: การตอบโต้ด้วยอาวุธเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายร่างกาย
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ 1 ศอก ขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าไปหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำ จำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 3 ครั้ง เพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไป ไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบ หรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้าง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยแล้ว เป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.อ. มาตรา 68 จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2612/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีไม่มีทุนทรัพย์: คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่กระทบกรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดก
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ป.ผู้ตายโดยอ้างว่าเป็นผู้รับพินัยกรรมผู้คัดค้านคัดค้านว่าพินัยกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้ร้องไม่มีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกดังนี้เป็นเรื่องผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเท่านั้นมิใช่พิพาทกันในเรื่องทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมผลของคดีไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกเปลี่ยนแปลงไปจึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2612/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของพินัยกรรมและการมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดก คดีไม่มีทุนทรัพย์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก โดยอ้างว่าเป็นผู้รับ พินัยกรรม ผู้คัดค้านคัดค้านว่าพินัยกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้ร้องไม่มีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดก ดังนี้เป็นเรื่องผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเท่านั้น มิใช่พิพาทกันในเรื่องทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม ผลของคดีไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกเปลี่ยนแปลงไป จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
of 221