คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สละ เทศรำพรรณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,208 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7423/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีเจตนาฆ่า ก็มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายมีเรื่องโต้เถียงกับจำเลยที่6ต่อมาจำเลยที่6กับพวกรวมทั้งจำเลยที่5วิ่งไล่ทำร้ายผู้เสียหายและเข้าทำร้ายผู้ตายโดยเข้าใจว่าเป็นพวกผู้เสียหายการเข้ากลุ้มรุมทำร้ายเช่นนี้มิใช่ต่างคนมาพบและทำร้ายผู้ตายโดยลำพังแต่มีเจตนาวิ่งไล่ตามทำร้ายผู้เสียหายมาด้วยกันตั้งแต่แรกแล้วและเมื่อมีเจ้าพนักงานตำรวจมาพบก็วิ่งหนีไปด้วยกันย่อมฟังว่าจำเลยทุกคนมีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตายเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากการร่วมกันทำร้ายนั้นแม้การกระทำของจำเลยที่5จะไม่อาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ก็ตามจำเลยที่5ก็ย่อมต้องได้รับผลจากการตายของผู้ตายนั้นด้วยจำเลยที่5มิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตายแต่การร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยที่5จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7169/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือ: ประเด็นการนำสืบพยานและข้อจำกัดในการฎีกา
ที่จำเลยฎีกาว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ยอมรับว่าต.ครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว ต้องฟังว่า ต.ครอบครองที่ดินพิพาทเกินกว่า 1 ปีแล้วนั้น ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้ความเพียงแต่ว่าเมื่อ 20 ปีมาแล้ว ต.เคยมาขออนุญาตมารดาโจทก์ปลูกตะไคร้ กล้วย เท่านั้นซึ่งเท่ากับว่า ต.เคยครอบครองที่ดินพิพาทในนามของมารดาโจทก์เท่านั้น ไม่ใช่ครอบครองเพื่อตนเองเกินกว่า 1 ปี
ที่จำเลยฎีกาว่าควรนำข้อเท็จจริงที่โจทก์ยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทมาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่จำเลยขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกมาวินิจฉัยด้วยนั้น แม้จะมีการส่งเอกสารดังกล่าวเข้าสู่สำนวนแล้ว แต่จำเลยก็มิได้นำสืบอ้างถึงเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล อีกทั้งจำเลยมิได้เสียค่าอ้างเอกสารดังกล่าวด้วย จึงไม่อาจนำข้อความในเอกสารดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยได้
จำเลยให้การว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของบิดามารดาจำเลยเมื่อบิดามารดาตาย จำเลยก็ได้ครอบครองต่อมาโดยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์ จึงไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตาม ป.พ.พ.มาตรา 1381 จำเลยไม่อาจอ้างสิทธิตามมาตรา 1375 ได้แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7169/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การพิสูจน์สิทธิโดยพยานหลักฐานและผลของการครอบครองปรปักษ์
ที่จำเลยฎีกาว่าตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ยอมรับว่าต.ครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อประมาณ20ปีมาแล้วต้องฟังว่าต.ครอบครองที่ดินพิพาทเกินกว่า1ปีแล้วนั้นตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้ความเพียงแต่ว่าเมื่อ20ปีมาแล้วต.เคยมาขออนุญาตมารดาโจทก์ปลูกตะไคร้กล้วยเท่านั้นซึ่งเท่ากับว่าต.เคยครอบครองที่ดินพิพาทในนามของมารดาโจทก์เท่านั้นไม่ใช่ครอบครองเพื่อตนเองเกินกว่า1ปี ที่จำเลยฎีกาว่าควรนำข้อเท็จจริงที่โจทก์ยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทมาเป็นเวลา10กว่าปีแล้วตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่จำเลยขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกมาวินิจฉัยด้วยนั้นแม้จะมีการส่งเอกสารดังกล่าวเข้าสู่สำนวนแล้วแต่จำเลยก็มิได้นำสืบอ้างถึงเพื่อให้เข้าสู้กระบวนการพิจารณาของศาลอีกทั้งจำเลยมิได้เสียค่าอ้างเอกสารดังกล่าวด้วยจึงไม่อาจนำข้อความในเอกสารดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยได้ จำเลยให้การว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของบิดามารดาจำเลยเมื่อบิดามารดาตายจำเลยก็ได้ครอบครองต่อมาโดยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์จึงไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1381จำเลยไม่อาจอ้างสิทธิตามมาตรา1375ได้แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7169/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาท: สิทธิครอบครองเดิม, การครอบครองปรปักษ์, และหลักฐานการครอบครอง
ที่จำเลยฎีกาว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ยอมรับว่าต.ครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้วต้องฟังว่า ต.ครอบครองที่ดินพิพาทเกินกว่า 1 ปีแล้วนั้นตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้ความเพียงแต่ว่าเมื่อ 20 ปีมาแล้ว ต.เคยมาขออนุญาตมารดาโจทก์ปลูกตะไคร้กล้วยเท่านั้นซึ่งเท่ากับว่าต.เคยครอบครองที่ดินพิพาทในนามของมารดาโจทก์เท่านั้น ไม่ใช่ครอบครองเพื่อตนเองเกินกว่า 1 ปี ที่จำเลยฎีกาว่าควรนำข้อเท็จจริงที่โจทก์ยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทมาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้วตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่จำเลยขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกมาวินิจฉัยด้วยนั้น แม้จะมีการส่งเอกสารดังกล่าวเข้าสู่สำนวนแล้ว แต่จำเลยก็มิได้นำสืบอ้างถึงเพื่อให้เข้าสู้กระบวนการพิจารณาของศาล อีกทั้งจำเลยมิได้เสียค่าอ้างเอกสารดังกล่าวด้วย จึงไม่อาจนำข้อความในเอกสารดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยได้ จำเลยให้การว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของบิดามารดาจำเลยเมื่อบิดามารดาตาย จำเลยก็ได้ครอบครองต่อมาโดยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์ จึงไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 จำเลยไม่อาจอ้างสิทธิตามมาตรา 1375ได้แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7136/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดเงินปันผลตามส่วนระยะเวลาถือหุ้น และการคืนค่าหุ้นกรณีสมาชิกขาดสภาพ
ระเบียบว่าด้วยหุ้น ฯ ของจำเลยข้อ 12 ระบุว่า การคิดเงินปันผลตามหุ้นให้คิดตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นตามจำนวนเดือนเต็ม และเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับภายในวันที่ 7 ของเดือน สหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้สำหรับเดือนนั้น ส่วนเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับหลังวันที่ 7 ของเดือน สหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้ตั้งแต่เดือนถัดไป หมายความว่าจำเลยจะต้องคิดเงินปันผลตามหุ้นให้แก่สมาชิกตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้น จะจ่ายให้แต่เฉพาะผู้ถือหุ้นอยู่ครบปีหรือจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นที่มีอยู่ ณ วันสิ้นปีทางบัญชีหาได้ไม่
ระเบียบว่าด้วยหุ้น ฯ ของจำเลยข้อ 9.1 ระบุว่า ในกรณีที่สมาชิกขาดสมาชิกภาพเพราะเหตุตาย ลาออก หรือขาดคุณสมบัติ สหกรณ์จะจ่ายคืนค่าหุ้นแก่ผู้มีสิทธิได้รับโดยไม่มีเงินปันผล หมายความว่า ระเบียบนี้ใช้เฉพาะสมาชิกของจำเลยที่ขาดสมาชิกภาพเท่านั้น โจทก์ไม่ได้ขาดสมาชิกภาพ จึงนำมาปรับใช้กับกรณีของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7136/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินปันผลตามสัดส่วนระยะเวลาถือหุ้น สหกรณ์ต้องจ่ายปันผลตามจริง แม้ถือหุ้นไม่ครบปี
ระเบียบว่าด้วยหุ้นฯของจำเลยข้อ12ระบุว่าการคิดเงินปันผลตามหุ้นให้คิดตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นตามจำนวนเดือนเต็มและเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับภายในวันที่7ของเดือนสหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้สำหรับเดือนนั้นส่วนเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับหลังวันที่7ของเดือนสหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้ตั้งแต่เดือนถัดไปหมายความว่าจำเลยจะต้องคิดเงินปันผลตามหุ้นให้แก่สมาชิกตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นจะจ่ายให้แต่เฉพาะผู้ถือหุ้นอยู่ครบปีหรือจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นที่มีอยู่ณวันสิ้นปีทางบัญชีหาได้ไม่ ระเบียบว่าด้วยหุ้นฯของจำเลยข้อ9.1ระบุว่าในกรณีที่สมาชิกขาดสมาชิกภาพเพราะเหตุตายลาออกหรือขาดคุณสมบัติสหกรณ์จะจ่ายคืนค่าหุ้นแก่ผู้มีสิทธิได้รับโดยไม่มีเงินปันผลหมายความว่าระเบียบนี้ใช้เฉพาะสมาชิกของจำเลยที่ขาดสมาชิกภาพเท่านั้นโจทก์ไม่ได้ขาดสมาชิกภาพจึงนำมาปรับใช้กับกรณีของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชื่อจำเลยผิดพลาดในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ทำให้คำพิพากษาเป็นโมฆะ
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตาม แต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้อง และวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชื่อจำเลยพิมพ์ผิดในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ทำให้คำพิพากษานั้นเป็นโมฆะ หากเนื้อหาคำพิพากษาถูกต้อง
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตามแต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้องและวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผิดพลาดในการพิมพ์ชื่อจำเลยในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ทำให้คำพิพากษานั้นเป็นโมฆะ
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตาม แต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้อง และวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์ กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพลาดในการพิมพ์ชื่อจำเลยในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ทำให้คำพิพากษาเป็นโมฆะ
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตามแต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้องและวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่
of 221