คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1516 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2702/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงหลังการทราบข่าวสามีใหม่ และความพิการของจำเลย ไม่ถือเป็นเหตุร้ายแรง
ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยนับแต่อยู่กินฉันสามีภริยากันมาเป็นไปโดยปกติ จำเลยเพิ่งมีความประพฤติเสียหายหลังจากโจทก์ไปทำงานที่ดินแดนไต้หวันและทราบว่าโจทก์จะมีสามีใหม่ ประกอบกับจำเลยอยู่ในสภาพคนพิการต้องสูญเสียดวงตาไปเมื่อครั้งทำงานที่ประเทศบรูไนแล้วประสบอุบัติเหตุทำให้ดวงตาพิการและนายจ้างส่งตัวจำเลยกลับประเทศไทย ไม่สามารถทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ดังก่อนจำเลยย่อมเกิดความกลัดกลุ้มใจยิ่งขึ้น โจทก์จึงควรสงสารให้ความเห็นใจจำเลย มิใช่ซ้ำเติมหรือกระทำการอันเป็นการบั่นทอนสภาพจิตใจจำเลย แม้บางครั้งจำเลยดื่มสุรามากเกินไปจนทำให้มีปากเสียงกระทบกระทั่งกับบุพการีหรือบุคคลในครอบครัวของโจทก์ก็ตาม แต่พฤติกรรมก้าวร้าวของจำเลยเนื่องมาจากความทุกข์ที่เกิดจากการกระทำของโจทก์ที่ส่งจดหมายมาบอกขณะโจทก์อยู่ที่ดินแดนไต้หวันว่าโจทก์มีสามีใหม่แล้วทั้งจำเลยยินยอมแยกตัวออกไปอยู่ที่บ้านบิดามารดาจำเลยตามความประสงค์ของโจทก์เพื่อมิให้เกิดความบาดหมางกับบุพการีของโจทก์ พฤติการณ์ของจำเลยที่ไม่ทำมาหาเลี้ยงครอบครัวหรือดื่มสุราดังกล่าว และไม่ปรากฏว่าจำเลยใช้ถ้อยคำดุด่าบิดาโจทก์ให้รับความเสียหายอย่างไร ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วหรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(2) และ (3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่า: เหตุประพฤติชั่วและละทิ้งร้างต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน ศาลไม่รับฟังเพียงคำเบิกความลอยๆ
การที่จำเลยไปเที่ยวกับผู้ชายในเวลากลางคืนโดยไม่ได้ความชัดว่าจำเลยประพฤติตนเช่นนั้นเป็นปกติวิสัยหรือไม่ ชายที่จำเลยไปด้วยมีความสัมพันธ์กับจำเลยเกินกว่าปกติธรรมดาหรือไม่ และจำเลยไปกับชายดังกล่าวเพียงลำพังสองต่อสองหรือไม่ จึงไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยประพฤติชั่ว อันจะเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(2) โจทก์เป็นฝ่ายขอย้ายไปรับราชการที่ต่างจังหวัดตามความประสงค์ของโจทก์โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยยังคงอยู่ที่บ้านที่เป็นของโจทก์และจำเลยปลูกสร้างตามเดิมจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไป เกินกว่าหนึ่งปี อันจะเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5389/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: การต่อว่าญาติ, การกล่าวถึงบุพการี, และการขับไล่ออกจากบ้าน ไม่ถือเป็นเหตุหย่าโดยตรง
การที่ภริยาต่อว่าญาติและเพื่อนของสามีต่อหน้าสามีว่าทำไมไม่ออกเงินค่าสุราอาหารเองบ้างและการที่ภริยากล่าวว่าตนโตมาได้เพราะพ่อแม่ชุบเลี้ยงไม่ใช่เพราะแม่ของสามียังไม่ถึงขนาดทำให้สามีได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงหรือเป็นการเหยียดหยามบุพการีของสามีอย่างร้ายแรงไม่เป็นเหตุหย่าตามกฎหมาย การที่ภริยาออกจากบ้านที่อยู่กินกับสามีเพราะสามีนำหญิงอื่นมาพักอาศัยในบ้านแล้วขับไล่ภริยาออกจากบ้านถือไม่ได้ว่าภริยาจงใจละทิ้งร้างสามี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5347/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าจากเหตุประพฤติชั่วร้ายแรง: การเข้าร่วมกิจกรรมสังคม, การบริจาคเพื่อการกุศล, และการร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชา ไม่ถือเป็นเหตุหย่า
การเข้าร่วมประชุมสมาคมแม่บ้านมหาดไทยเป็นสิทธิโดยชอบของจำเลยจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องขอความยินยอมจากโจทก์เสียก่อนทั้งวัตถุประสงค์ของสมาคมที่จำเลยเข้าร่วมประชุมก็เพื่อช่วยเหลือสังคมและประกอบการกุศลต่างๆจึงไม่เป็นการประพฤติชั่ว เมื่อจำเลยดำรงตำแหน่งประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมหาสารคามมีอำนาจกระทำการต่างๆเกี่ยวกับการกุศลได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรเหล่ากาชาดซึ่งเป็นองค์กรเกี่ยวกับการกุศลการที่จำเลยในฐานะภริยาโจทก์ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดได้โทรศัพท์ไปยังเสมียนตราจังหวัดมหาสารคามให้บริจากเงินของเหล่ากาชาดจึงน่าจะกระทำได้เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกุศลไม่เป็นการประพฤติชั่ว การกระทำของจำเลยเป็นการทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาของโจทก์โดยเหล่าเหตุการณ์ตามความเป็นจริงเป็นการกล่าวป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยมิให้โจทก์แสดงต่อบุคคลภายนอกว่าจำเลยมิใช่ภริยาโจทก์ดังที่แล้วมาไม่เป็นการใส่ความโจทก์และไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5161/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: การกู้เงินใช้จ่ายครอบครัว, การทะเลาะวิวาท, และความสัมพันธ์ชู้สาว ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้
จำเลยกู้ยืมเงินคนอื่นเพื่อใช้จ่ายในคดีที่โจทก์ถูกจับฐานพกอาวุธปืนและเพื่อใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของบุตรหนี้สินทั้งหมดจึงเกิดจากการนำมาใช้จ่ายในครอบครัวระหว่างโจทก์จำเลยและบุตรมิใช่เกิดขึ้นเพราะจำเลยนำไปเล่นสลากกินรวบดังที่โจทก์อ้างการกระทำของจำเลยไม่ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(2) การที่จำเลยหึงหวงและโกรธที่โจทก์หนีไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจึงด่าโจทก์และบุพการีว่ามึงมันเลวเหมือนโคตรมึงนั้นไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรงเพราะเป็นเพียงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวด้วยความน้อยใจการกระทำของจำเลยต่อโจทก์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะโจทก์เป็นผู้ก่อขึ้นถือว่าเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างสามีภริยาทั่วไปไม่ร้ายแรงถึงกับเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(3) หลังจากทำทัณฑ์บนแล้วโจทก์ยังมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจำเลยจึงดุด่าและทำร้ายโจทก์อีกการกระทำของจำเลยมีสาเหตุจากการกระทำของโจทก์จึงยังไม่ถือว่าเป็นการประพฤติผิดทัณฑ์บนที่ให้ไว้อันจะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าจากพฤติกรรมร้ายแรง: การหมิ่นประมาทและเหยียดหยามอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้
จำเลยด่าโจทก์ต่อหน้าธารกำนัลว่า"อีดอกทองมึงไปประชุมที่โรงแรมก็ไปนอนให้เขาเย็ดๆ""มึงมีชู้จนหีเน่าต้องไปตัดหี"เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาทและเหยียดหยามโจทก์สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่โจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งครูใหญ่และผู้จัดการโรงเรียนจึงเป็นเรื่องร้ายแรงเกินควรแก่สภาพและฐานะของโจทก์อันจะพึงรับได้กรณีมีเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(2)(ค)(3)ที่โจทก์จะฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7061/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่า จำเลยประพฤติชั่วหรือไม่เพียงพอต่อการพิพากษาให้หย่าได้
โจทก์ทราบดีก่อนสมรสกับจำเลยว่า จำเลยชอบดื่มสุราและไปตกปลาแต่จำเลยดื่มสุราแล้วไม่เคยก่อความเสียหาย ส่วนการไปตกปลาและนอนค้างที่บ่อปลาจำเลยก็มิได้ไปค้างทุกวัน จำเลยอยู่บ้านสัปดาห์ละ2-3 วัน แม้โจทก์ย้ายไปอยู่กับบิดามารดาแล้ว จำเลยยังไปหาโจทก์และช่วยออกเงินต่อเติมห้องเพื่อใช้หลับนอนและไปเยี่ยมเยียนร่วมหลับนอนกับโจทก์ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยร่วมประเวณีกับหญิงอื่นทำให้โจทก์เดือดร้อนเกินควรเพราะเกรงว่าจำเลยจะนำโรคร้ายมาแพร่แก่โจทก์ ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยได้รับโรคร้ายจากจำเลยทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7061/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุฟ้องหย่า: พฤติกรรมจำเลยไม่ถึงขั้นเป็นเหตุให้หย่าได้ แม้มีพฤติกรรมดื่มสุรา ตกปลา และอ้างว่ามีชู้
โจทก์ทราบดีก่อนสมรสกับจำเลยว่า จำเลยชอบดื่มสุราและไปตกปลา แต่จำเลยดื่มสุราแล้วไม่เคยก่อความเสียหาย ส่วนการไปตกปลาและนอนค้างที่บ่อปลาจำเลยก็มิได้ไปค้างทุกวัน จำเลยอยู่บ้านสัปดาห์ละ 2 - 3 วัน แม้โจทก์ย้ายไปอยู่กับบิดามารดาแล้ว จำเลยยังไปหาโจทก์และช่วยออกเงินต่อเติมห้องเพื่อใช้หลับนอนและไปเยี่ยมเยียนร่วมหลับนอนกับโจทก์ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยร่วมประเวณีกับหญิงอื่นทำให้โจทก์เดือดร้อนเกินควรเพราะเกรงว่าจำเลยจะนำโรคร้ายมาแพร่แก่โจทก์ ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยได้รับโรคร้ายจากจำเลย ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2321/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่า: พฤติกรรมสามีไม่ถึงขั้นประพฤติชั่วเป็นเหตุหย่า แม้มีพฤติกรรมหึงหวง ควบคุม และทำร้ายร่างกาย
การที่จำเลยสืบทราบว่าโจทก์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหญิงอื่นจึงเสพสุรา สูบบุหรี่ ทะเลาะวิวาท และติดตามควบคุมโจทก์ในวิทยาลัยที่โจทก์ทำงานอยู่นั้น แม้พฤติการณ์ของจำเลยจะก่อให้โจทก์เกิดความเบื่อหน่ายอับอายในหมู่เพื่อนอาจารย์และนักศึกษา แต่ก็เกิดจากความรักหึงหวงหวาดระแวงของจำเลยตามวิสัยสตรีเพศที่เป็นภริยาซึ่งอาจปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ถ้าโจทก์ไม่แสดงความรำคาญใจและฝักใฝ่ในสตรีอื่นให้ปรากฏ ทั้งจำเลยเองก็ไม่สมัครใจหย่าตัดความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับโจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยจึงยังไม่ถึงขั้นประพฤติชั่วที่เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงหรือได้รับความดูถูกเกลียดชังเดือดร้อนเกินควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนพฤติกรรมชู้สาวของคู่สมรสไม่ถือเป็นเหตุฟ้องหย่า
การที่จำเลยร้องเรียนกล่าวโทษโจทก์ต่อผู้บังคับบัญชาว่าโจทก์กับหญิงอื่นมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ต่อกันเป็นเหตุให้โจทก์ถูกลงโทษทางวินัยนั้น เห็นว่าจำเลยซึ่งเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ ย่อมมีความชอบธรรม ที่จะป้องกันหรือขัดขวางมิให้โจทก์กับหญิงอื่นมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ต่อกันอันเป็นเหตุให้ครอบครัวเดือดร้อนได้ การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516(2).
of 2