คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 8

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 231 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4151/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ามีอุปสรรคที่ไม่อาจก้าวข้ามได้ การล้มละลายของผู้ขายก่อนส่งมอบของไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
โจทก์ส่งมอบสิ่งของที่ขายให้แก่จำเลยล่าช้าเกินกำหนดตามสัญญา โดยอ้างเหตุสุดวิสัยเนื่องจากบริษัทผู้ขายล้มละลาย เมื่อปรากฏว่าโจทก์สั่งซื้อสิ่งของไปยังบริษัทผู้ขายก่อนวันที่บริษัทผู้ขายล้มละลาย การที่บริษัทผู้ขายไม่ส่งสิ่งของมาให้โจทก์เป็นเพราะเหตุใด โจทก์ไม่ได้นำสืบแสดงให้ปรากฏ โจทก์จะมากล่าวอ้างว่าบริษัทผู้ขายได้ล้มละลายในภายหลังต้องรอให้บริษัทอื่นเข้ามาจัดกิจการแทนก่อน จึงไม่สามารถส่งมอบสิ่งของที่ขายให้แก่จำเลยภายในกำหนดตามสัญญาอันเป็นเหตุสุดวิสัยหาได้ไม่ เพราะบริษัทผู้ขายอาจมีสิ่งของตามสัญญาอยู่แล้ว สามารถส่งมอบให้แก่โจทก์ได้ก่อนที่จะล้มละลายแต่ไม่ส่งให้เองทั้งโจทก์มิได้นำสืบว่าสิ่งของเหล่านั้น โจทก์ไม่สามารถที่จะจัดหาจากผู้ขายรายอื่นได้ข้ออ้างของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4056/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยกับการส่งมอบสินค้า: กรณีผู้ผลิตไม่สามารถผลิตสินค้าตามสเปคที่ตกลงกันได้
การที่โจทก์ไม่สามารถส่งมอบเครื่องทดสอบการอัดแน่นให้จำเลยตามสัญญาเพราะบริษัทผู้ผลิตไม่ได้ผลิตเครื่องตามขนาดที่ระบุไว้ในสัญญา แต่ขณะเดียวกันยังมีบริษัทอื่นผลิตเครื่องหมายทดสอบการอัดแน่นซึ่งมีรายละเอียดตามคำเชิญชวนของจำเลยกรณีเช่นนี้จะถือว่าโจทก์ไม่สามารถส่งมอบเครื่องทดสอบการอัดแน่นให้จำเลยเพราะเหตุสุดวิสัยหาได้ไม่ เพราะกรณีเป็นความผิดพลาดของโจทก์เองที่ยื่นคำเสนอขายเครื่องดังกล่าวโจทก์จำเลยโดยมิได้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าจะสามารถจัดหาเครื่องขนาดและชนิดตามที่ระบุไว้ในคำเสนอของโจทก์เองต่อจำเลยได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการขับรถประมาท: ผู้ขับขี่มีหน้าที่ตรวจสภาพรถและขับขี่ปลอดภัย แม้ไฟหน้าดับก็ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์โดยสารมาด้วยความเร็วสูง เมื่อขับขี่เข้าทางโค้งก็ไม่ชะลอความเร็วลง รถจึงเสียการทรงตัวแล่นออกนอกเส้นทางพลิกคว่ำตกข้างถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถได้รับบาดเจ็บและแม้ไฟหน้าส่องทางรถดับมืดลงก่อนเกิดเหตุเนื่องจากไฟลัดวงจรก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ผู้ขับขี่ที่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับขี่ด้วยความปลอดภัย จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการขับรถประมาท แม้ไฟดับก็ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ผู้ขับขี่ต้องตรวจสภาพรถและขับขี่ปลอดภัย
จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์โดยสารมาด้วยความเร็วสูง เมื่อขับขี่เข้าทางโค้งก็ไม่ชะลอความเร็วลง รถจึงเสียการทรงตัวแล่นออกนอกเส้นทางพลิกคว่ำตกข้างถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ขับขี่รถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถได้รับบาดเจ็บและแม้ไฟหน้าส่องทางของรถดับมืดลงก่อนเกิดเหตุเนื่องจากไฟลัดวงจรก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ผู้ขับขี่ที่ต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับขี่ด้วยความปลอดภัย จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถและการประเมินสภาพรถของผู้ขับขี่, เหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถอ้างได้
จำเลยที่ 1 ขับขี่รถยนต์โดยสารมาด้วยความเร็วสูง เมื่อขับขี่เข้าทางโค้งก็ไม่ชะลอความเร็วลง รถจึงเสียการทรงตัวแล่นออกนอกเส้นทางพลิกคว่ำตกข้างถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ขับขี่รถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถได้รับบาดเจ็บและแม้ไฟหน้าส่องทางของรถดับมืดลงก่อนเกิดเหตุเนื่องจากไฟลัดวงจรก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ผู้ขับขี่ที่ต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับขี่ด้วยความปลอดภัย จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัย-ขยายเวลาคำขอรับชำระหนี้: ชื่อจำเลยเปลี่ยนแปลง-ผู้ร้องไม่ทราบ
การที่จำเลยติดต่อทางธุรกิจกับผู้ร้องซึ่งเป็นนิติบุคคลโดยใช้ชื่อว่า นายศุกร์สันต์ เตชะธาดากุล ตลอดมา และชื่อนี้จำเลยได้เปลี่ยนมาจากชื่อเดิมว่านายฉ่งคี้ แซ่แต้ เมื่อประมาณ 20 ปี มาแล้ว จึงเป็นการยากที่ผู้ร้องจะรู้จักชื่อเดิมของจำเลยได้ดังนั้น คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี การโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดีที่ได้กระทำในชื่อของจำเลยว่านายฉ่งคี้ แซ่แต้ แต่เพียงชื่อเดียวผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบได้ว่านายศุกร์สันต์ ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้นแล้วถือว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดได้ และถือว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำขอขยายระยะเวลาหลังจากสิ้นระยะเวลาแล้วได้ แต่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำขอขยายระยะเวลาเสียภายในเวลาอันสมควรที่ผู้ร้องอาจยื่นได้หลังจากที่ทราบเรื่องจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว การที่ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วหลายเดือน โดยมิได้ขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ก่อนแล้วจึงมาขอขยายระยะเวลา ผู้ร้องย่อมไม่อาจขอให้ขยายระยะเวลาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เหตุสุดวิสัยและเจตนาประมาทเลินเล่อ
การที่จำเลยติดต่อทางธุรกิจกับผู้ร้องซึ่งเป็นนิติบุคคลโดยใช้ชื่อว่า นายศุกร์สันต์เตชะธาดากุล ตลอดมา และชื่อนี้จำเลยได้เปลี่ยนมาจากชื่อเดิมว่านายฉ่งคี้แซ่แต้ เมื่อประมาณ20 ปี มาแล้ว จึงเป็นการยากที่ผู้ร้องจะรู้จักชื่อเดิมของจำเลยได้ดังนั้น คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี การโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดีที่ได้กระทำในชื่อของจำเลยว่านายฉ่งคี้แซ่แต้ แต่เพียงชื่อเดียวผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบได้ว่านายศุกร์สันต์ ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้นแล้วถือว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดได้ และถือว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำขอขยายระยะเวลาหลังจากสิ้นระยะเวลาแล้วได้ แต่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำขอขยายระยะเวลาเสียภายในเวลาอันสมควรที่ผู้ร้องอาจยื่นได้หลังจากที่ทราบเรื่องจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว การที่ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วหลายเดือน โดยมิได้ขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ก่อนแล้วจึงมาขอขยายระยะเวลา ผู้ร้องย่อมไม่อาจขอให้ขยายระยะเวลาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัย: น้ำท่วม-น้ำป่า พังสะพาน-น้ำในแม่น้ำสูงขึ้น พิจารณาตามสภาพการณ์และฤดูกาล
เหตุสุดวิสัยหมายถึงเหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นและให้ผลพิบัติโดยไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ การที่น้ำป่าพัดสะพานพัง ถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย แต่กรณีระดับน้ำในแม่น้ำเมยสูงขึ้นเป็นสิ่งที่เป็นไปโดยปกติตามฤดูกาล โดยระดับน้ำในหน้าฝนจะสูงขึ้นเช่นนี้ ทุกปี ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัย: น้ำท่วมฉับพลัน vs. ระดับน้ำสูงตามฤดูกาล และผลกระทบต่อสัญญา
เหตุสุดวิสัยหมายถึงเหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นและให้ผลพิบัติโดยไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ การที่น้ำป่าพัดสะพานพัง ถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยแต่กรณีระดับน้ำในแม่น้ำเมยสูงขึ้นเป็นสิ่งที่เป็นไปโดยปกติตามฤดูกาล โดยระดับน้ำในหน้าฝนจะสูงขึ้นเช่นนี้ทุกปี ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัย: น้ำท่วมฉับพลัน vs. ฤดูกาลปกติ ศาลฎีกาวินิจฉัยขอบเขตเหตุสุดวิสัยในการก่อสร้าง
เหตุสุดวิสัยหมายถึงเหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นและให้ผลพิบัติโดยไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ การที่น้ำป่าพัดสะพานพัง ถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยแต่กรณีระดับน้ำในแม่น้ำเมยสูงขึ้นเป็นสิ่งที่เป็นไปโดยปกติตามฤดูกาล โดยระดับน้ำในหน้าฝนจะสูงขึ้นเช่นนี้ทุกปี ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย.
of 24