พบผลลัพธ์ทั้งหมด 667 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การนอกกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดในคดีแพ่ง
แม้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นคดีมโนสาเร่และยังไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งขณะจำเลยยื่นคำร้อง แต่จำเลยยื่น คำให้การเป็นหนังสือไว้แล้วก่อนหน้านั้น เมื่อไม่มีบทบัญญัติ กฎหมายกำหนดเรื่องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การไว้ โดยเฉพาะในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะ 2 หมวดที่ 1 ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่ก็ต้องนำบทบัญญัติ ในคดีสามัญมาใช้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 195 ซึ่งมาตรา 179(3),180 บัญญัติถึงกรณีที่ไม่มี การชี้สองสถานต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันเว้นแต่มีเหตุตามที่ระบุไว้ เมื่อคำร้องขอแก้ไข เพิ่มเติมคำให้การของจำเลยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โดยยื่นในวันเดียวกันกับวันสืบพยานโจทก์ ทั้งไม่ปรากฏเหตุที่ ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อน หรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อย แต่อย่างใด ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะไม่อนุญาตและยกคำร้องของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การในคดีมโนสาเร่ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์คดีสามัญ หากไม่ปฏิบัติตามศาลมีสิทธิไม่อนุญาต
แม้ศาลชั้นต้นจะดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นคดีมโนสาเร่และยังไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งขณะจำเลยยื่นคำร้องแต่จำเลยยื่นคำให้การเป็นหนังสือไว้แล้วก่อนหน้านั้นเมื่อไม่มีบทบัญญัติกฎหมายกำหนดโดยเฉพาะในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะ 2 หมวดที่ 1ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีมโนสาเร่ จึงต้องนำบทบัญญัติในคดีสามัญมาใช้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 195 คือการแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 179(3),180 เมื่อคำร้องขอแก้ไข เพิ่มเติมคำให้การของจำเลยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ แห่งกฎหมายดังกล่าว โดยยื่นในวันเดียวกันกับวันสืบพยานโจทก์ทั้งไม่ปรากฏเหตุที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อน หรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือผิดหลงเล็กน้อย คำสั่ง ศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตและยกคำร้องจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อไม่ปลอดอากรแสตมป์ ทำให้หนี้ไม่บังคับได้ การออกเช็คจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
สัญญาเช่าซื้ออันเป็นมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้ปลอดอากรแสตมป์ จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 และรับฟังไม่ได้ว่ามีการทำ สัญญาเช่าซื้อกันเป็นหนังสือตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ ย่อมไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย แม้โจทก์จะสามารถ นำสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวไปปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องใน ภายหลังและใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ก็ตาม แต่ก็เห็นการทำให้หนี้นั้นมีหลักฐานและสามารถบังคับได้ ในภายหลัง วันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงิน อันเป็นวันที่ จำเลยออกเช็ค ดังนี้ หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยออก เช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้รายนี้จึงยังบังคับตามกฎหมายไม่ได้การออกเช็คของจำเลยจึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ ที่บังคับได้ตามกฎหมาย และการกระทำของจำเลยย่อมขาด องค์ประกอบความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิด จากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 คดีโจทก์จึงไม่มีมูล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อไม่ปิดอากรแสตมป์ ทำให้หนี้ไม่บังคับได้ เช็คเพื่อชำระหนี้จึงไม่มีความผิด
สัญญาเช่าซื้ออันเป็นมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้ปิดอากรแสตมป์จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 และรับฟังไม่ได้ว่ามีการทำสัญญาเช่าซื้อกันเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 572 หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อย่อมไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย แม้โจทก์จะสามารถนำสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวไปปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องในภายหลังและใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ก็ตาม แต่ก็เป็นการทำให้หนี้นั้นมีหลักฐานและสามารถบังคับได้ในภายหลังวันที่เช็คพิพาท ถึงกำหนดใช้เงิน อันเป็นวันที่จำเลยออกเช็ค ดังนี้ หนี้ ตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ รายนี้จึงยังบังคับตามกฎหมายไม่ได้ การออกเช็คของจำเลย จึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมาย และการกระทำของจำเลยย่อมขาดองค์ประกอบความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 คดีโจทก์จึงไม่มีมูล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อไม่ติดอากรแสตมป์ ทำให้หนี้ไม่บังคับได้ การออกเช็คจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
สัญญาเช่าซื้ออันเป็นมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้ปิดอากรแสตมป์ จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 และรับฟังไม่ได้ว่ามีการทำสัญญาเช่าซื้อกันเป็นหนังสือตาม ป.พ.พ.มาตรา 572 หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อย่อมไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย แม้โจทก์จะสามารถนำสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวไปปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องในภายหลังและใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ก็ตาม แต่ก็เป็นการทำให้หนี้นั้นมีหลักฐานและสามารถบังคับได้ในภายหลัง วันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงิน อันเป็นวันที่จำเลยออกเช็ค ดังนี้ หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้รายนี้จึงยังบังคับตามกฎหมายไม่ได้ การออกเช็คของจำเลยจึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมาย และการกระทำของจำเลยย่อมขาดองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 คดีโจทก์จึงไม่มีมูล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่ฟ้องทางอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนประกันภัยและการรับช่วงสิทธิ
แม้จะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องจำเลยในทางอาญา ก็เป็นเรื่องที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งสำนวนไปตาม พยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนจะนำมารับฟังเป็นที่ยุติในชั้นพิจารณาของศาลในคดีแพ่งไม่ได้ว่าจำเลย ไม่ได้กระทำละเมิด เมื่อพยาน หลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐาน ของจำเลย โจทก์ย่อมเป็นฝ่ายชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิจากผู้รับประกันภัย กรณีรถยนต์ถูกลักโจทก์จ่ายค่าสินไหมทดแทน แม้คำสั่งไม่ฟ้องในทางอาญา ศาลแพ่งยังคงพิพากษาได้
คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องจำเลยในทางอาญา เป็นเรื่อง ที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งสำนวนไปตามพยานหลักฐาน เท่าที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนจะนำมารับฟังเป็นที่ยุติ ในชั้นพิจารณาของศาลในคดีแพ่งว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิด มิได้ และเมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักดีกว่า พยานหลักฐานของจำเลย โจทก์ย่อมเป็นฝ่ายชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่ฟ้องทางอาญา ไม่ยุติการละเมิดในคดีแพ่ง พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มีน้ำหนักมากกว่า
แม้จะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องจำเลยในทางอาญา ก็เป็นเรื่องที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งสำนวนไปตามพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนจะนำมารับฟังเป็นที่ยุติในชั้นพิจารณาของศาลในคดีแพ่งไม่ได้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิด
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย โจทก์ย่อมเป็นฝ่ายชนะคดี
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย โจทก์ย่อมเป็นฝ่ายชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัย: เงื่อนไขการแจ้งความเสียหายเป็นสาระสำคัญสัญญา ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งภายในเวลา หากไม่แจ้งสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอาจหมดไป
กรมธรรม์ประกันภัยที่กำหนดเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบถึงการสูญหายหรือเสียหายในทันทีและภายใน 15 วัน นับแต่วันเกิดการสูญเสียหรือเสียหาย มิฉะนั้นผู้รับประกันภัยจะไม่รับพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ถือว่าเป็นข้อสาระสำคัญแห่งสัญญา แม้บริษัทผู้รับประกันภัยจำเลยจะไม่ยกเงื่อนไขเป็นข้อต่อสู้ในการเจรจาประนีประนอม แต่ก็หาได้ตัดสิทธิจำเลยที่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลไม่ เมื่อโจทก์มีหนังสือแจ้งค่าเสียหายให้จำเลยทราบเพียงครั้งเดียว โดยค่าเสียหายก่อนหน้านั้นโจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบ กรณีจึงมิได้เป็นตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยมีสิทธิที่จะไม่รับพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน ๆ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยเป็นสาระสำคัญสัญญา การแจ้งเหตุล่าช้ามีผลต่อการพิจารณาค่าสินไหม
กรมธรรม์ประกันภัยที่กำหนดเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบถึงการสูญหายหรือเสียหายในทันทีภายใน 15 วัน นับแต่วันเกิดการสูญเสียหรือสูญหาย มิฉะนั้นผู้รับประกันภัยจะไม่รับพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ถือว่าเป็นข้อสาระสำคัญแห่งสัญญา แม้บริษัทผู้รับประกันภัยจำเลยจะไม่ยกเงื่อนไขเป็นข้อต่อสู้ในการเจรจาประนีประนอม แต่ก็หาได้ตัดสิทธิจำเลยที่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลไม่ เมื่อโจทก์มีหนังสือแจ้งค่าเสียหายให้จำเลยทราบเพียงครั้งเดียว โดยค่าเสียหายก่อนหน้านั้นโจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบ กรณีจึงมิได้เป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยมีสิทธิที่จะไม่รับพิจารณาใช้ค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน ๆ ได้