คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ผล อนุวัตรนิติการ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 667 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5933/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาแบ่งเงินรางวัลแจ้งเบาะแสการเลือกตั้ง ไม่ขัดศีลธรรม ไม่เป็นโมฆะ
คำมั่นที่จะให้เงินรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส ผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา35(1)มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมดังนั้น ข้อตกลงตามหนังสือสัญญาแบ่งเงินรางวัลจึงไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5933/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาแบ่งเงินรางวัลแจ้งเบาะแสการเลือกตั้ง ไม่ขัดศีลธรรม ไม่เป็นโมฆะ
คำมั่นที่จะให้เงินรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา35(1)มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมดังนั้นข้อตกลงตามหนังสือสัญญาแบ่งเงินรางวัลจึงไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5933/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาแบ่งเงินรางวัลแจ้งเบาะแสการเลือกตั้งไม่ขัดศีลธรรม ไม่เป็นโมฆะ
คำมั่นที่จะให้เงินรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา35(1)มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมดังนั้นข้อตกลงตามหนังสือสัญญาแบ่งเงินรางวัลจึงไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5933/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาแบ่งเงินรางวัลจากการแจ้งเบาะแสการเลือกตั้ง ไม่ขัดต่อศีลธรรมและมีผลผูกพัน
การที่หนังสือพิมพ์ ท. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและองค์กรกลางให้คำมั่นจะให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 เป็นคำมั่นที่ประกาศแก่คนทั่วไป ซึ่งโจทก์ แม้จะได้รับแต่งตั้งจากองค์กรกลางให้เป็นประธานองค์กรกลางอำเภอ หากเป็นผู้แจ้งเบาะแสก็มีสิทธิจะได้รับรางวัลดังกล่าวได้จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะแบ่งเงินรางวัลตามที่จำเลยจะได้รับจากการแจ้งเบาะแสให้แก่โจทก์ในการกล่าวโทษต่อ พนักงานสอบสวนและเป็นผู้ติดต่อประสานงานรับเงินรางวัลในคดีที่จำเลยเป็นผู้แจ้ง การที่โจทก์กล่าวโทษ น.ต่อพนักงานสอบสวนตามที่ตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมดำเนินการแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดกับจำเลยต่อพนักงานสอบสวน ดังนั้นข้อตกลงตามหนังสือสัญญาแบ่งเงินรางวัล จึงไม่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5933/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงแบ่งเงินรางวัลแจ้งเบาะแสการเลือกตั้ง ไม่เป็นโมฆะ หากไม่มีการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม
การที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและองค์กรกลางประกาศให้คำมั่นจะให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสผู้กระทำผิด พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 ก็โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม คำมั่นดังกล่าวเป็นคำมั่นที่ประกาศแก่คนทั่วไป โจทก์แม้จะได้รับแต่งตั้งจากองค์กรกลางให้เป็นประธานองค์กรกลางอำเภอ หากโจทก์เป็นผู้แจ้งเบาะแสผู้กระทำผิด โจทก์ก็มีสิทธิจะได้รับรางวัลดังกล่าวได้ หาได้มีข้อบังคับห้ามไว้แต่อย่างใดไม่ จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะแบ่งเงินรางวัลตามที่จำเลยจะได้รับจากการแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดดังกล่าวให้แก่โจทก์หนึ่งในสามส่วนการที่โจทก์กล่าวโทษ น. ต่อพนักงานสอบสวนตามที่ตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมดำเนินการแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดกับจำเลยต่อพนักงานสอบสวนและการที่จำเลยตกลงให้โจทก์ดำเนินการดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม หรือกระทำการขัดต่อศีลธรรม ให้จำเลยยอมตกลงกับโจทก์ ข้อตกลงตามหนังสือสัญญาแบ่งเงินรางวัลจึงไม่เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5926/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตกทอดแก่ทายาท ผู้ครอบครองแทนไม่มีสิทธิโต้แย้ง และฎีกาเรื่องสิทธิครอบครองซ้ำหากไม่เคยอุทธรณ์
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของอ.มิใช่สิทธิเฉพาะตัวจึงตกได้แก่ทายาทโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของอ. จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองที่เข้าโต้แย้งสิทธิได้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเป็นของอ.ผู้ตายและตกได้แก่ฤ.ทายาทตามพินัยกรรมจำเลยทั้งสองเป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของอ.เท่านั้นไม่มีสิทธิครอบครองแต่อย่างใดจำเลยทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ข้อเท็จจริงจึงฟังยุติแล้วว่าจำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจำเลยที่2จึงหาอาจยกปัญหาเรื่องจำเลยทั้งสองมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์ขึ้นเป็นข้อฎีกาได้ต่อไปไม่เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5926/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินตกได้แก่ทายาท การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกาต้องห้าม
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของ อ.มิใช่สิทธิเฉพาะตัว จึงตกได้แก่ทายาท โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ.จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองที่เข้ามาโต้แย้งสิทธิได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเป็นของ อ.ผู้ตายและตกได้แก่ ฤ.ทายาทตามพินัยกรรม จำเลยทั้งสองเป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ อ.เท่านั้น ไม่มีสิทธิครอบครองแต่อย่างใดจำเลยทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติแล้วว่าจำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยที่ 2 จึงหาอาจยกปัญหาเรื่องจำเลยทั้งสองมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์ขึ้นเป็นข้อฎีกาได้ต่อไปไม่ เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5908/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์และการหักล้างหนี้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์ทำให้โจทก์ฟ้องบังคับหนี้ไม่ได้ และจำเลยมีสิทธิหักล้างได้
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์และเมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์ก็ให้จำเลยทำสัญญากู้ให้เรื่อย ๆ โดยมิได้มีการกู้และรับเงินกันจริงตามสัญญากู้ที่ทำขึ้นสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงไม่สมบูรณ์ โจทก์นำมาฟ้องบังคับจำเลยไม่ได้ และเมื่อหนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์ จำเลยก็มีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5906/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 249 วรรคหนึ่ง เหตุข้อเท็จจริงใหม่ & ข้อกฎหมายที่ศาลล่างมิได้วินิจฉัย
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่าจำเลยขายที่พิพาทให้แก่โจทก์จริงหรือไม่จำเลยมิได้โต้แย้งว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไม่ถูกต้องและศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยขายที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนของจำเลยพร้อมทั้งมอบสิทธิการครอบครองให้แก่โจทก์จริงมิใช่จำเลยกู้ยืมจากโจทก์แล้วมอบที่พิพาทให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยดังที่จำเลยต่อสู้จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงดังกล่าวการที่จำเลยฎีกาว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมรดกของบิดามารดาจำเลยซึ่งมีบุตร6คนจำเลยจึงไม่มีอำนาจขายที่พิพาทให้แก่โจทก์หากจำเลยขายที่พิพาทก็จะต้องถูกกำจัดไม่ให้ได้รับมรดกและนายใหญ่อาจสูงเนิน เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทโจทก์ไม่มีสิทธิในที่พิพาทไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยนั้นเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค1ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งซึ่งเป็นกรณีที่ไม่อาจรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่าที่พิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นหลักฐานทางทะเบียนจำเลยขายให้โจทก์โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การซื้อขายตกเป็นโมฆะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค1มิได้วินิจฉัยถึงเรื่องที่จำเลยยกขึ้นฎีกาดังกล่าวฎีกาจำเลยจึงมิได้โต้แย้งว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค1ไม่วินิจฉัยปัญหาที่จำเลยยกขึ้นฎีกานั้นไม่ชอบเพราะเหตุและจะมีผลอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5895/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละมรดกที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และสิทธิในทรัพย์มรดกที่ต้องแบ่งเท่ากันระหว่างทายาท
เมื่อโจทก์และจำเลยทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์เกี่ยวกับที่ดินโฉนดที่ 2618 และบ้านทรงไทย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่ดินและบ้านทรงไทยดังกล่าวจึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกฟ้องอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 การสละมรดกนั้น กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฏกระทรวงโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 1672 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไว้เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2481 ข้อ 14,15 และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 กำหนดให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจแต่ตามบันทึกถ้อยคำที่โจทก์กับจำเลยทั้งสองทำไว้นั้นได้ทำไว้แก่เจ้าพนักงานที่ดินซึ่งมิใช่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 บันทึกถ้อยคำนั้นจึงมิใช่เอกสารสละมรดก
of 67