พบผลลัพธ์ทั้งหมด 667 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2871/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง + ประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
จำเลยทั้งสองทำร้ายผู้เสียหายโดยเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายจะเข้าไปลักทรัพย์ในโรงเรียน แต่ผู้เสียหายไม่ใช่คนร้าย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริง แต่ขณะถูกทำร้ายผู้เสียหายได้ร้องบอกว่า"อย่าทำผม" เวลาที่เกิดเหตุไม่ปรากฎว่ามีทรัพย์สินอย่างอื่นนอกจากกองไม้ อีกทั้งผู้เสียหายไม่มีอาวุธติดตัว การไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายไม่ใช่คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์จึงเกิดขึ้นด้วยความประมาทของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดฐานกระทำโดยประมาทสำหรับการกระทำนั้นด้วยตามป.อ. มาตรา 62 วรรคสองเมื่อผู้เสียหายถูกจำเลยทั้งสองทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2871/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง & ประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
จำเลยทั้งสองทำร้ายผู้เสียหายโดยเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายจะเข้าไปลักทรัพย์ในโรงเรียนแต่ผู้เสียหายไม่ใช่คนร้ายการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงแต่ขณะถูกทำร้ายผู้เสียหายได้ร้องบอกว่า"อย่าทำผม"เวลาที่เกิดเหตุไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินอย่างอื่นนอกจากกองไม้อีกทั้งผู้เสียหายไม่มีอาวุธติดตัวการไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายไม่ใช่คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์จึงเกิดขึ้นด้วยความประมาทของจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดฐานกระทำโดยประมาทสำหรับการกระทำนั้นด้วยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา62วรรคสองเมื่อผู้เสียหายถูกจำเลยทั้งสองทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์และฎีกาในคดีมรดก: ทุนทรัพย์, การรับรอง, และประเด็นข้อเท็จจริงที่ยังมิได้ว่ากล่าว
จำเลยฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายสำหรับฎีกาในข้อเท็จจริงมีทุนทรัพย์พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน50,000บาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามมาตรา224วรรคหนึ่งอีกทั้งผู้พิพากษาที่ได้พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมิได้รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงจึงไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ได้ดังนั้นแม้ผู้พิพากษาที่ได้พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นจะได้รับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงคดีก็ไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลฎีกาได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นมาว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าอุทธรณ์ของจำเลยได้โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยชัดแจ้งว่าโจทก์มิใช่บุตรของห.เพราะโจทก์ไม่มีเอกสารหลักฐานใดมาแสดงศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยจึงเป็นการมิชอบนั้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ที่ชัดแจ้งแต่อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเพราะเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลคดีจึงไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ได้ ที่จำเลยฎีกาว่าการอ้างว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายจะต้องมีเอกสารมาแสดงโดยจำเลยยกเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1555ว่าด้วยการฟ้องคดีขอให้รับรองบุตรมาอ้างนั้นเห็นว่าคดีนี้มิใช่เป็นคดีฟ้องขอให้รับรองบุตรจึงนำบทกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับมิได้และที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของห. นั้นจำเลยมิได้ให้การไว้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงเนื่องจากทุนทรัพย์พิพาทน้อยกว่า 50,000 บาท แม้ศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกา
คดีที่มีทุนทรัพย์พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน50,000บาทต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งแม้ผู้พิพากษาที่ได้พิจารณาในศาลชั้นต้นจะรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงก็ไม่อาจฎีกาได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันแล้วในศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง, อุทธรณ์ที่ไม่ชอบ, และการใช้กฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี
คดีนี้จำเลยฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย สำหรับฎีกาในข้อเท็จจริงมีทุนทรัพย์พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามมาตรา 224 วรรคหนึ่ง อีกทั้งผู้พิพากษาที่ได้พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมิได้รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ได้ ดังนั้น ศาลฎีกาแม้ผู้พิพากษาที่ได้พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นจะได้รับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง คดีก็ไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลฎีกาได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นมาว่ากล่าวกันแล้วในศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วย มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า อุทธรณ์ของจำเลยได้โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยชัดแจ้งว่าโจทก์มิใช่บุตรของ ห. เพราะโจทก์ไม่มีเอกสารหลักฐานใดมาแสดงศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยจึงเป็นการมิชอบนั้นเป็นอุทธรณ์ที่ชัดแจ้ง แต่อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเพราะเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานคดี จึงไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายจะต้องมีเอกสารมาแสดงโดยจำเลยยกเอา ป.พ.พ.มาตรา 1555 ว่าด้วยการฟ้องคดีขอให้รับรองบุตรมาอ้างนั้น เห็นว่า คดีนี้มิใช่เป็นคดีฟ้องขอให้รับรองบุตรจึงนำบทกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับมิได้ และที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของ ห. นั้น จำเลยมิได้ให้การไว้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2408/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณโทษทางอาญา: ส่วนเพิ่ม-ลด มิได้อ้างอิงโทษที่คิดแล้ว แต่เป็นส่วนที่ยังไม่ได้คำนวณ
คำว่า ส่วนของการเพิ่มและส่วนของการลด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 มิได้หมายถึงจำนวนของโทษที่คิดคำนวณแล้ว แต่เป็นส่วนที่ยังไม่ได้คิดคำนวณ หากส่วนของการเพิ่มคือกึ่งหนึ่ง ส่วนของการลดคือหนึ่งในสามในกรณีนี้ส่วนของการเพิ่มจึงมากกว่าส่วนของการลด ศาลเห็นสมควรไม่เพิ่ม ไม่ลดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2408/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มลดโทษยาเสพติด: คำนวณจากส่วนที่ยังไม่ได้คิดคำนวณ และหลักการเพิ่มลดโทษ
คำว่าส่วนของการเพิ่มและส่วนของการลดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา54มิได้หมายถึงจำนวนของโทษที่คิดคำนวณแล้วแต่เป็นส่วนที่ยังไม่ได้คิดคำนวณเมื่อส่วนของการเพิ่มตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522มาตรา97คือกึ่งหนึ่งส่วนของการลดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78คือหนึ่งในสามส่วนของการเพิ่มจึงมากกว่าส่วนของการลดและศาลเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2408/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มลดโทษในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด: หลักการคำนวณส่วนเพิ่มลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54
คำว่าส่วนของการเพิ่มและส่วนของการลดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา54มิได้หมายถึงจำนวนของโทษที่คิดคำนวณแล้วแต่เป็นส่วนที่ยังไม่ได้คิดคำนวณหากส่วนของการเพิ่มคือกึ่งหนึ่งส่วนของการลดคือหนึ่งในสามในกรณีนี้ส่วนของการเพิ่มจึงมากกว่าส่วนของการลดศาลเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2395/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในบริษัทจำเลยของผู้ลงทุนต่างด้าว การร้องสอดคดี และการเป็นผู้แทนเฉพาะคดี
การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจาก ฮ.ที่ผู้ร้องอ้างว่าฮ. เป็นผู้ลงทุนในบริษัทจำเลยแต่เพียงผู้เดียว แต่ให้บุคคลอื่นเป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทเนื่องจาก ฮ. ถูกจำกัดสิทธิเพราะเป็นบุคคลต่างด้าว ข้ออ้างของผู้ร้องเป็นเรื่องระหว่าง ฮ.กับจำเลยไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ฮ. มีสิทธิในบริษัทจำเลยเพียงใดคงมีอยู่อย่างนั้น ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามมาตรา 57(1) ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของ ฮ. เพื่อจัดการทรัพย์สินของ ฮ. นั้น การตั้งผู้แทนเฉพาะคดีตามมาตรา 56 วรรคท้ายเป็นเรื่องที่ผู้ไร้ความสามารถไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้ คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้ ฮ.ร่วมรับผิดกับจำเลยเป็นส่วนตัวทั้งฮ. ไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถ หากผู้ร้องเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจาก ฮ.ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะนำไปใช้ในกิจการตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2395/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลภายนอกในคดีบังคับชำระหนี้และจำนอง การร้องสอดและการเป็นผู้แทนเฉพาะคดี
การที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากฮ. ที่ผู้ร้องอ้างว่าฮ.เป็นผู้ลงทุนในบริษัทจำเลยแต่เพียงผู้เดียวแต่ให้บุคคลอื่นเป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทเนื่องจากฮ.ถูกกำจัดสิทธิเพราะเป็นบุคคลต่างด้าวข้ออ้างของผู้ร้องเป็นเรื่องระหว่างฮ. กับจำเลยไม่เกี่ยวกับคดีนี้ฮ. มีสิทธิในบริษัทจำเลยเพียงใดคงมีอยู่อย่างนั้นไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามมาตรา57(1)ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของฮ. เพื่อจัดการทรัพย์สินของฮ. นั้นการตั้งผู้แทนเฉพาะคดีตามมาตรา56วรรคท้ายเป็นเรื่องที่ผู้ไร้ความสามารถไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องบังคับให้ฮ. ร่วมรับผิดกับจำเลยเป็นส่วนตัวทั้งฮ. ไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถหากผู้ร้องเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากฮ. ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะนำไปใช้ในกิจการตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้