พบผลลัพธ์ทั้งหมด 193 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิง แม้ไม่ใช่ครูผู้ดูแลโดยตรง แต่ยังคงมีความผิดตามมาตรา 277
จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงอ.ผู้เสียหายซึ่งอายุยังไม่เกิน13ปีแต่จำเลยไม่เคยสอนในชั้นที่ผู้เสียหายเรียนจำเลยสอนเด็กเล็กทั้งจำเลยมิได้เป็นครูใหญ่ซึ่งโดยหน้าที่แล้วมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบนักเรียนทั้งโรงเรียนหรือเป็นครูเวรหรือได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ดูแลผู้เสียหายในขณะเกิดเหตุจึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเป็นศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลยอันจะเป็นผลให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลมาตรา285จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277วรรคสองเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดชำเราเด็กหญิง: ไม่เข้าข่ายความรับผิดฐานครูดูแลศิษย์
จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิง อ. ผู้เสียหาย ซึ่งอายุยังไม่เกิน13 ปี แต่จำเลยไม่เคยสอนในชั้นที่ผู้เสียหายเรียน จำเลยสอนเด็กเล็ก ทั้งจำเลยมิได้เป็นครูใหญ่ซึ่งโดยหน้าที่แล้วมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบนักเรียนทั้งโรงเรียน หรือเป็นครูเวรหรือได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ดูแลผู้เสียหายในขณะเกิดเหตุ จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเป็นศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลยอันจะเป็นผลให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นตาม ป.มาตรา 285 จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา277 วรรคสอง เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2344/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากราคาทรัพย์สินพิพาทต่ำกว่าสองแสนบาท และข้อโต้แย้งเป็นเรื่องข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนและขนย้ายท่อส่งน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องออกไปจากที่พิพาทของโจทก์จำเลยทั้งสามให้การว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณะขอให้ยกฟ้องประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณะซึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันเมื่อมีราคาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ซื้อขายสินค้า: องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรไม่ใช่พ่อค้า, ใช้ อายุความ 10 ปี
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรจัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรพ.ศ.2517มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหาใช่ประกอบการค้าโดยซื้อสินค้ามาแล้วนำออกขายเป็นปกติธุระไม่จึงมิใช่เป็นพ่อค้าจะนำอายุความ2ปีมาใช้บังคับกรณีขอให้ลูกหนี้ชำระค่าอาหารสุกรไม่ได้ต้องใช้อายุความ10ปี จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยซื้อเชื่ออาหารสุกรจากโจทก์แต่เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีการซื้อขายอาหารสุกรด้วยจริงหรือไม่เพื่อนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่จำเลยได้แถลงรับว่าจำเลยได้ซื้อและรับมอบสินค้าจากโจทก์ไปจริงเท่ากับได้ สละประเด็นข้อต่อสู้เรื่องนี้แล้วการที่ศาลอุทธรณ์ภาค3วินิจฉัยคดีโดยมิได้ส่งสำนวนคืนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยเรื่องนี้ก่อนแล้วพิพากษาใหม่จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา: การยอมความไม่สมบูรณ์ ไม่ระงับการฟ้องคดี
คดีข่มขืนกระทำชำเราเมื่อผู้เสียหายยืนยันว่าได้ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่และยังได้บอกให้บิดาทราบในทันทีที่บิดากลับบ้านหลังเกิดเหตุเพียง2ชั่วโมงประกอบกับในการเจรจาระหว่างญาติฝ่ายผู้เสียหายกับฝ่ายจำเลยจำเลยก็ยอมรับว่าได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจริงพยานหลักฐานโจทก์จึงฟังลงโทษจำเลยได้ ฝ่ายผู้เสียหายตกลงกับจำเลยและญาติจำเลยว่าฝ่ายจำเลยจะดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายและสู่ขอแต่งงานกับผู้เสียหายใน10วันโดยไม่ให้มีการแจ้งความดำเนินคดีแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงกรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การยินยอมของเจ้าของรวม, ผลของการบอกเลิกสัญญา, และการคืนเงินมัดจำ
ที่ดินพิพาทตามโฉนดมีชื่อ ผ. ภรรยาจำเลยเป็นเจ้าของแต่ ผ.ได้ถึงแก่ความตายแล้วจำเลยและบุตรทุกคนจึงเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทการที่จำเลยแต่ผู้เดียวทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาททั้งแปลงให้โจทก์โดยไม่ปรากฏว่าพวกบุตรจำเลยยินยอมให้ขายจึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1361วรรคสองสัญญาจะซื้อขายไม่ผูกพันบุตรของจำเลยโจทก์จะฟ้องบังคับตามสัญญามิได้ การที่ต่อมาจำเลยไม่สามารถโอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ได้เพราะบุตรจำเลยทุกคนไม่ตกลงขายให้นั้นจะถือว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ได้เพราะจำเลยได้บอกโจทก์ในวันทำสัญญาแล้วว่าหากบุตรจำเลยตกลงขายด้วยจึงจะไปจดทะเบียนซื้อขายที่ดินพิพาทตามสัญญาแต่หากบุตรจำเลยไม่ขายก็จะไม่ขายให้จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เมื่อฝ่ายจำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโอนที่พิพาทแก่โจทก์ไม่ได้และให้โจทก์มารับมัดจำคืนตามพฤติการณ์ที่โจทก์จำเลยได้ร่วมรู้กันดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391มีผลว่าคู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิมจำเลยต้องคืนเงินมัดจำให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่รับเงินมัดจำไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนซื้อขายที่ดิน & อำนาจฟ้อง: โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่เป็นหุ้นส่วนหรือไม่ และผลของการรอนสิทธิ
จำเลยทั้งสามเป็นหุ้นส่วนกันในการซื้อขายที่ดินพิพาทแม้จำเลยที่2และที่3มิได้เป็นคู่สัญญาในสัญญาจะซื้อจะขายโดยมีจำเลยที่1เพียงผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นผู้จะขายและโจทก์ที่1เป็นผู้จะซื้อสัญญาดังกล่าวก็ผูกพันจำเลยที่2และที่3ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1050ส่วนโจทก์ที่2ถึงที่8นั้นไม่ปรากฏชื่อหรือได้ลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาด้วยทั้งไม่มีหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุนว่าเป็นหุ้นส่วนหรือตัวแทนตัวการกันสัญญาดังกล่าวใช้บังคับกันได้ระหว่างโจทก์ที่1กับจำเลยที่1ถึงที่3เท่านั้นโจทก์ที่2ถึงที่8จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่1ถึงที่3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิยึดถือใช้สอยและการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แม้ที่ดินถูกเวนคืน สิทธิของผู้เช่ายังคงมีอยู่
แม้ที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทถูกเวนคืนเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับระหว่างรัฐกับราษฎรแต่ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกันโจทก์มีสิทธิยึดถือและใช้สอยบ้านพิพาทกับมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้ใดเกี่ยวข้องในสถานะเช่นเดียวกับเจ้าของเมื่อจำเลยเป็นคู่สัญญาผู้เช่าบ้านพิพาทยอมรับสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าและได้รับประโยชน์ในบ้านพิพาทที่เช่าจำเลยจะเถียงว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทไม่มีอำนาจฟ้องหาได้ไม่เมื่อการเช่าสิ้นสุดลงเพราะจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซึ่งโจทก์บอกเลิกการเช่าโดยชอบแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระได้และการที่จำเลยอยู่ต่อมาได้ชื่อว่าอยู่โดยละเมิดสิทธิโจทก์จึงต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย คดีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงโจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายตามที่ฟ้องปัญหาเรื่องค่าเสียหายจึงเป็นประเด็นโดยตรงที่ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยแม้ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยแต่เมื่อโจทก์และจำเลยต่างก็นำสืบจนคดีเสร็จสำนวนแล้วศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องสัญญาเช่า: ข้ออ้างวัตถุประสงค์เมตตาการุณไม่อาจบังคับให้ต่อสัญญาได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทเพราะเหตุสัญญาเช่าได้หมดอายุการเช่าแล้วและโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าอีกต่อไปการที่จำเลยฟ้องแย้งโดยอ้างว่าโจทก์มีวัตถุประสงค์ในทางเมตตาการุณและประกอบการกุศลขอให้โจทก์ให้จำเลยเช่าห้องพิพาทต่อไปอีกเป็นเวลา10ปีหรือมากกว่าโดยไม่ปรากฏว่ามีข้อกำหนดไว้ในสัญญาเช่าหรือโจทก์จำเลยมีนิติสัมพันธ์กันประการอื่นอันจะทำให้จำเลยมีสิทธิบังคับโจทก์ให้ทำสัญญาเช่าต่อไปได้ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากหนี้ค่าปุ๋ย: อายุความและประเภทดอกเบี้ย
จำเลยเป็นหนี้เงินโจทก์ค่าซื้อปุ๋ยตามฟ้อง แต่เมื่อไม่ปรากฎตามสัญญา และหนังสือขอซื้อปุ๋ยเชื่อว่า ในกรณีที่จำเลยค้างชำระหนี้ค่าปุ๋ยส่วนใดส่วนหนึ่ง โจทก์ผู้ขายมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่ค้างชำระแล้ว ดอกเบี้ยซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกจากจำเลย เพราะเหตุที่จำเลยค้างชำระหนึ้ค่าปุ๋ยจำนวน11,900 บาท นับแต่วันที่จำเลยผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา224 วรรคแรก จึงไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตาม มาตรา 166 (เดิม) หากเป็นดอกเบี้ยที่กำหนดทดแทนค่าเสียหายภายหลังเมื่อศาลพิพากษาคดีอันไม่มีกฎหมาย-บัญญัติอายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายเช่นนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 (เดิม) ซึ่งมีกำหนด 10 ปี