คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมพล สัตยาอภิธาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 421 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7092/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์สินหลังจดทะเบียนสมรส: การแบ่งสินสมรสและสิทธิเจ้าของร่วม
แม้จำเลยที่1จะซื้อที่ดินพิพาทมาภายหลังจดทะเบียนสมรสกับโจทก์แต่โจทก์กับจำเลยที่1ไม่เคยอยู่กินฉันสามีภริยากันเลยจำเลยที่1เป็นผู้ซื้อที่ดินและนำไปจำนองผ่อนชำระหนี้ฝ่ายเดียวส่วนจำเลยที่2อยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยที่1มีส่วนในการชำระเงินดาวน์และผ่อนชำระราคาค่าที่ดินและบ้านพิพาทจึงมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินและบ้านพิพาทด้วยและที่จำเลยที่1ไปเอาเงินจากโจทก์มาไถ่ถอนที่ดินนำไปจำนองใหม่แล้วนำเงินไปปลูกบ้านโจทก์จึงมีส่วนร่วมในที่ดินและบ้านพิพาทด้วยเช่นกันโจทก์และจำเลยทั้งสองต่างเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินและบ้านพิพาทแต่ตามพฤติการณ์ไม่อาจหยั่งทราบได้ว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองมีส่วนเป็นเจ้าของคนละเท่าใดจึงต้องสันนิษฐานว่าแต่ละคนมีส่วนเท่ากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1357จำเลยที่2มีส่วนหนึ่งในสามส่วนส่วนที่เหลืออีกสองในสามส่วนเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่1ซึ่งต้องแบ่งให้ได้ส่วนเท่ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7092/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมที่ดินและบ้าน: สิทธิส่วนแบ่งสินสมรสและสัดส่วนการถือครอง
แม้จำเลยที่ 1 จะซื้อที่ดินพิพาทมาภายหลังจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ แต่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่เคยอยู่กินฉันสามีภริยากันเลย จำเลยที่ 1เป็นผู้ซื้อที่ดินและนำไปจำนองผ่อนชำระหนี้ฝ่ายเดียว ส่วนจำเลยที่ 2 อยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยที่ 1 มีส่วนในการชำระเงินดาวน์และผ่อนชำระราคาค่าที่ดินและบ้านพิพาท จึงมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินและบ้านพิพาทด้วย และที่จำเลยที่ 1ไปเอาเงินจากโจทก์มาไถ่ถอนที่ดินนำไปจำนองใหม่แล้วนำเงินไปปลูกบ้าน โจทก์จึงมีส่วนร่วมในที่ดินและบ้านพิพาทด้วยเช่นกัน โจทก์และจำเลยทั้งสองต่างเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินและบ้านพิพาท แต่ตามพฤติการณ์ไม่อาจหยั่งทราบได้ว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองมีส่วนเป็นเจ้าของคนละเท่าใด จึงต้องสันนิษฐานว่าแต่ละคนมีส่วนเท่ากันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1357 จำเลยที่ 2 มีส่วนหนึ่งในสามส่วนส่วนที่เหลืออีกสองในสามส่วนเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งต้องแบ่งให้ได้ส่วนเท่ากัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7074/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงทะเบียนซ้ำวิชาที่สอบผ่านแล้วในระบบการศึกษานอกโรงเรียน และการวินิจฉัยผลการเรียนตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินผลการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาประเภทบุคคลภายนอก(ฉบับที่2)พ.ศ.2529ข้อ13.4ที่ระบุว่าการลงทะเบียนซ้ำหมวดวิชาที่สอบได้ไว้แล้วจะกระทำมิได้หากพบมีการสอบซ้ำจะตัดสินการสอบที่ได้คะแนนต่ำสุดไว้เป็นผลการศึกษาของนักศึกษามิได้ถูกยกเลิกโดยระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายพ.ศ.2530ข้อ4เพราะระเบียบดังกล่าวมิได้กำหนดในเรื่องลงทะเบียนซ้ำในกรณีที่สอบในวิชานั้นได้แล้วกลับมาลงซ้ำในวิชานั้นๆอีกไว้คงกำหนดแต่ในเรื่องลงทะเบียนซ้ำกรณีสอบได้ระดับ"0"คือสอบตกแล้วจึงมาลงทะเบียนซ้ำเพื่อสอบใหม่ไว้เท่านั้นระเบียบทั้งสองฉบับดังกล่าวไม่ขัดแย้งกันและใช้ประกอบกันได้โจทก์เป็นนักศึกษาของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายการที่โจทก์สอบผ่านวิชาบังคับหมวดภาษาไทยได้แล้วแต่ไปลงทะเบียนสอบซ้ำอีกและสอบได้47คะแนนไม่ถึงร้อยละ50จึงไม่ผ่านการที่จำเลยไม่ให้โจทก์จบการศึกษาปี2533จึงชอบด้วยระเบียบดังกล่าวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7000/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: น.ส.3 ก. และ น.ส.3 ทับซ้อน - ผู้มีสิทธิที่แท้จริง
เมื่อจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน จำเลยย่อมมีสิทธิขอออกน.ส.3 ก. ในที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครองได้ การที่นายอำเภอออก น.ส.3 ก.ในที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่จำเลยจึงตรงกับสิทธิครอบครองที่ดินของจำเลย แม้โจทก์จะมีชื่อเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินใน น.ส.3 ของโจทก์ ซึ่งรวมทั้งที่ดินส่วนที่จำเลยมีสิทธิครอบครองดังกล่าวมาก่อนที่นายอำเภอจะได้ออก น.ส.3 ก. ให้แก่จำเลยก็ตาม แต่โจทก์ก็หาได้เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินส่วนที่นายอำเภอได้ออกน.ส.3 ก. ของจำเลยไม่ การที่โจทก์ยังมีชื่อใน น.ส.3 ของโจทก์ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินส่วนนี้อยู่ด้วยย่อมไม่ถูกต้อง ดังนี้จำเลยย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนน.ส.3 ของโจทก์ในส่วนที่ทับกับที่ดินตาม น.ส.3 ก. ของจำเลยเพื่อให้ถูกต้องกับความเป็นจริงที่จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6871/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีซื้อขายที่ดิน: การไม่ฟ้อง คชก. จังหวัดซึ่งมีคำวินิจฉัยเกี่ยวข้อง ทำให้ศาลไม่อาจเพิกถอนคำวินิจฉัยได้
คำฟ้องโจทก์เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดที่วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิซื้อที่นาพิพาทคืน แต่ปรากฏว่า โจทก์ฟ้องจำเลยโดยมิได้ฟ้อง คชก. จังหวัดซึ่งมีคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นจำเลยร่วมด้วย ศาลจึงไม่อาจเพิกถอนคำวินิจฉัยดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การยกฟ้องคดีนี้เป็นการยกฟ้องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์ยกขึ้นอ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในการฟ้องคดีของโจทก์ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ศาลเห็นสมควรไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ฟ้องใหม่ภายใน 30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6871/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีซื้อขายที่ดิน: ต้องฟ้องคชก.จังหวัดหากโต้แย้งคำวินิจฉัย
คำฟ้องโจทก์เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดที่วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิซื้อที่นาพิพาทคืนแต่ปรากฏว่าโจทก์ฟ้องจำเลยโดยมิได้ฟ้องคชก.จังหวัดซึ่งมีคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นจำเลยร่วมด้วยศาลจึงไม่อาจเพิกถอนคำวินิจฉัยดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การยกฟ้องคดีนี้เป็นการยกฟ้องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์ยกขึ้นอ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในการฟ้องคดีของโจทก์ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ศาลเห็นสมควรไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ฟ้องใหม่ภายใน30วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6871/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเช่าที่ดิน: จำเป็นต้องฟ้อง คชก.จังหวัด หากโต้แย้งคำวินิจฉัย
คำฟ้องโจทก์เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดที่วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิซื้อที่นาพิพาทคืนแต่ปรากฏว่าโจทก์ฟ้องจำเลยโดยมิได้ฟ้องคชก.จังหวัดซึ่งมีคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นจำเลยร่วมด้วยศาลจึงไม่อาจเพิกถอนคำวินิจฉัยดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การยกฟ้องคดีนี้เป็นการยกฟ้องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์ยกขึ้นอ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในการฟ้องคดีของโจทก์ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ศาลเห็นสมควรไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ฟ้องใหม่ภายใน30วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6871/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีโดยไม่ฟ้องจำเลยร่วมที่มีคำวินิจฉัยเกี่ยวข้อง ทำให้ศาลไม่อาจเพิกถอนคำวินิจฉัยได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำฟ้องโจทก์เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดที่วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิซื้อที่นาพิพาทคืน แต่ปรากฏว่า โจทก์ฟ้องจำเลยโดยมิได้ฟ้อง คชก.จังหวัดซึ่งมีคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นจำเลยร่วมด้วย ศาลจึงไม่อาจเพิกถอนคำวินิจฉัยดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การยกฟ้องคดีนิ้เป็นการยกฟ้องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์ยกขึ้นอ้างอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในการฟ้องคดีของโจทก์ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ศาลเห็นสมควรไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ฟ้องใหม่ภายใน30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6736/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีชดใช้ราคารถหาย เมื่อรถคืนสภาพเดิม คดีสิ้นสุด ไม่ต้องชดใช้
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยผู้รับฝากชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายจำนวน383,700บาทเท่านั้นเมื่อปรากฎว่าขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาโจทก์ได้รับรถยนต์ตามฟ้องกลับคืนมาแล้วดังนั้นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ทีว่ารถยนต์ของโจทก์ที่ฝากไว้แก่จำเลยทั้งสองสูญหายย่อมหมดไปคดีจึงไม่เป็นประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไปแต่หากจะจำหน่ายคดีโดยให้คงคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองที่พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ก็จะเป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ได้รับรถยนต์กลับคืนแล้วและไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไปศาลฎีกาพิพากษาศาลล่างทั้งสองและให้จำหน่ายคดีเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6736/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขาดประโยชน์เมื่อได้ทรัพย์สินคืน – จำหน่ายคดี
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยผู้รับฝากชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายจำนวน 383,700 บาท เท่านั้น เมื่อปรากฏว่า ขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาโจทก์ได้รับรถยนต์ตามฟ้องกลับคืนมาแล้ว ดังนั้นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่ารถยนต์ของโจทก์ที่ฝากไว้แก่จำเลยทั้งสองสูญหายย่อมหมดไปคดีจึงไม่เป็นประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไป แต่หากจะจำหน่ายคดีโดยให้คงคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองที่พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ก็จะเป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ได้รับรถยนต์กลับคืนแล้ว และไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไปศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองและให้จำหน่ายคดีเสีย
of 43