พบผลลัพธ์ทั้งหมด 938 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3954/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทกองทัพ: การระบุตัวผู้เสียหายและการตีความข้อความ
ที่จำเลยที่1กล่าวถึงกองทัพบุคคลธรรมดาทั่วไปย่อมไม่อาจเข้าใจว่าเป็นการกล่าวถึงกองทัพใดจะถือว่าจำเลยที่1ใส่ความกองทัพบกโดยเฉพาะหาได้ไม่การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทกองทัพบกกองทัพบกจึงไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา2(4)ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงไม่ใช่คำขอที่จำกัดทุนทรัพย์ ไม่ขัดต่อการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสามและคำขอท้ายฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แม้ว่าถ้ามีการเพิกถอนตามคำขอดังกล่าวแล้วจะมีผลทำให้โจทก์ทั้งสามหรือจำเลยที่3ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอันเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้และที่ดินดังกล่าวมีราคาไม่เกิน50,000บาทก็ตามก็ต้องถือว่าคำขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและคำขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคำขอประธานส่วนที่โจทก์ทั้งสามจะได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือจำเลยที่3จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเป็นผลต่อเนื่องที่ตามมาจึงไม่ต้องห้ามจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง/หนังสือรับรองการทำประโยชน์ แม้มีผลทางทรัพย์สิน ก็เป็นคำขอประธาน ไม่อุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้
คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสามและคำขอท้ายฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสาม ขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แม้ว่าถ้ามีการเพิกถอนตามคำขอดังกล่าวแล้วจะมีผลทำให้โจทก์ทั้งสามหรือจำเลยที่ 3 ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท อันเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และที่ดินดังกล่าวมีราคาไม่เกิน 50,000 บาท ก็ตาม ก็ต้องถือว่าคำขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและคำขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคำขอประธาน ส่วนที่โจทก์ทั้งสามจะได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือจำเลยที่ 3 จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเป็นผลต่อเนื่องที่ตามมา จึงไม่ต้องห้ามจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคำขอประธาน ไม่ขัดขวางการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสามซึ่งขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและคำขอท้ายฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามซึ่งขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสามเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แม้หากมีการเพิกถอนแล้วจะมีผลทำให้โจทก์ทั้งสามหรือจำเลยที่3ได้สิทธิครอบครองหรือได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทและที่ดินดังกล่าวมีราคาไม่เกิน50,000บาทก็ต้องถือว่าคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นคำขอประธานจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงขึ้นดอกเบี้ยในสัญญากู้ มิใช่เบี้ยปรับ แม้ลูกหนี้ไม่ผิดนัด
ข้อตกลงในสัญญากู้เงินที่ผู้กู้ยอมให้กู้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดแม้ผู้กู้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่ข้อตกลงที่เป็นเบี้ยปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงอัตราดอกเบี้ยในสัญญากู้เงินที่ไม่ใช่เบี้ยปรับ
ข้อตกลงในสัญญากู้เงินที่ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด แม้ผู้กู้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ ไม่ใช่ข้อตกลงที่เป็นเบี้ยปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัญญากู้ ไม่ใช่เบี้ยปรับ แม้ลูกหนี้ไม่ผิดนัดชำระหนี้
ข้อตกลงในสัญญากู้เงินที่ผู้กู้ยอมให้กู้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด แม้ผู้กู้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่ข้อตกลงที่เป็นเบี้ยปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราดอกเบี้ยในสัญญากู้เงินและจำนองไม่ใช่เบี้ยปรับ ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาให้ใช้อัตราดอกเบี้ยตามสัญญา
เบี้ยปรับคือสัญญาซึ่งลูกหนี้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรแต่ตามสัญญากู้เงินหรือสัญญาจำนองกำหนดให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้แม้จำเลยผู้เป็นลูกหนี้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ดังนี้ข้อสัญญาที่กำหนดในเรื่องดอกเบี้ยดังกล่าวจึงมิใช่เบี้ยปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัญญากู้ ไม่ใช่เบี้ยปรับ ศาลฎีกายืนตามสัญญาเดิม
ข้อตกลงในสัญญากู้เงินที่ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้มีสิทธิขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดแม้ผู้กู้จะมิได้ผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่ข้อตกลงที่เป็นเบี้ยปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3111/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อไม่เป็นโมฆะแม้โจทก์ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ ทรัพย์สูญหายคืนเงินดาวน์ฐานลาภมิควรได้
ขณะโจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ให้เช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อก็ไม่เป็นโมฆะ
เมื่อทรัพย์ที่เช่าซื้อสูญหายไป อันทำให้สัญญาเช่าซื้อระงับไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 567 เงินค่าเช่าซื้อล่วงหน้าทั้งหมดที่จำเลยที่ 1 จ่ายให้แก่โจทก์เป็นเงินดาวน์ส่วนหนึ่ง และทำเป็นสัญญากู้ให้ไว้แก่โจทก์อีกส่วนหนึ่ง จึงเป็นเงินที่โจทก์ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้หรือโดยเหตุซึ่งมิได้มีได้เป็นขึ้น และเป็นทางให้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบ โจทก์จึงต้องคืนให้แก่จำเลยที่ 1 ฐานลาภมิควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 406
เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้กู้ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันซึ่งต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้ฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) และ 247
เมื่อทรัพย์ที่เช่าซื้อสูญหายไป อันทำให้สัญญาเช่าซื้อระงับไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 567 เงินค่าเช่าซื้อล่วงหน้าทั้งหมดที่จำเลยที่ 1 จ่ายให้แก่โจทก์เป็นเงินดาวน์ส่วนหนึ่ง และทำเป็นสัญญากู้ให้ไว้แก่โจทก์อีกส่วนหนึ่ง จึงเป็นเงินที่โจทก์ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้หรือโดยเหตุซึ่งมิได้มีได้เป็นขึ้น และเป็นทางให้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบ โจทก์จึงต้องคืนให้แก่จำเลยที่ 1 ฐานลาภมิควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 406
เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้กู้ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันซึ่งต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้ฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) และ 247