คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1598/33

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกรับบุตรบุญธรรมเนื่องจากบุตรบุญธรรมประพฤติไม่เคารพผู้รับบุตรบุญธรรม และสิ้นความเคารพยำเกรง
โจทก์อุปการะเลี้ยงดูจำเลยมาตั้งแต่จำเลยอายุได้ 7 วัน ต่อมาโจทก์จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม แสดงว่าโจทก์เมตตารักใคร่จำเลยเสมือนลูก โจทก์ได้ให้การศึกษาที่ดีแก่จำเลยและอุปการะเลี้ยงดูจำเลยตลอดมาจนจำเลยสมรสมีครอบครัวโจทก์ก็ยังมีความรักและความเมตตาต่อจำเลยตั้งใจจะยกทรัพย์สมบัติให้ แต่เมื่อจำเลยเติบใหญ่ขึ้นมากลับไม่มีความเคารพยำเกรงโจทก์ซึ่งเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดและเป็นผู้มีพระคุณ จำเลยด่าว่าโจทก์ด้วยถ้อยคำรุนแรง อันเป็นเรื่องที่บุตรไม่พึงกระทำต่อมารดาทั้งจำเลยมักหาเรื่องระรานโจทก์อยู่ตลอดเวลาและยังนำอาวุธปืนมาขู่จะฆ่าโจทก์ ครั้งสุดท้ายจำเลยด่าว่าโจทก์ต่อหน้าบุคคลอื่นอีก นับว่าจำเลยสิ้นความเคารพยำเกรงโจทก์แล้ว นอกจากนั้นจำเลยยังไม่มีความซื่อสัตย์ต่อโจทก์จะเอาที่ดินของโจทก์เป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียว โดยมิได้เป็นไปตามความประสงค์ของโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร เหยียดหยามโจทก์อันเป็นการทำชั่วอย่างร้ายแรง ไม่สมควรที่จะให้จำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของโจทก์อีกต่อไป โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเลิกรับบุตรบุญธรรมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีขอให้การรับบุตรบุญธรรมเป็นโมฆะ กรณีมีผลกระทบต่อสิทธิรับมรดก
โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกของผ. พี่ร่วมบิดามารดาเดียวกับโจทก์จำเลยที่2บิดาและผู้ใช้อำนาจปกครองของจำเลยที่1บุตรบุญธรรมของผ. ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกดังนี้ย่อมถือได้ว่าสิทธิในการรับมรดกของโจทก์ถูกกระทบกระเทือนเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้ศาลพิพากษาว่าการรับบุตรบุญธรรมระหว่างผ. กับจำเลยที่1เป็นโมฆะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดกและการรับบุตรบุญธรรมกระทบสิทธิรับมรดก
โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกของ ผ.พี่ร่วมบิดามารดาเดียวกับโจทก์ จำเลยที่ 2 บิดาและผู้ใช้อำนาจปกครองของจำเลยที่ 1 บุตรบุญธรรมของ ผ. ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดก ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าสิทธิในการรับมรดกของโจทก์ถูกกระทบกระเทือน เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง ขอให้ศาลพิพากษาว่าการรับบุตรบุญธรรมระหว่าง ผ.กับจำเลยที่ 1 เป็นโมฆะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกการรับบุตรบุญธรรม: การจงใจละทิ้งและการไม่อุปการะเลี้ยงดู ต้องพิเคราะห์ตามพฤติการณ์และเจตนา
จำเลยซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมทำงานอยู่คนละจังหวัดกับภูมิลำเนาของโจทก์แต่ไปมาหาสู่กันเสมอ ต่อมาจำเลยออกจากงานไปอยู่ที่อื่นโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์ไปหาจำเลยก็โดยประสงค์ให้ช่วยส่งเงินเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ เมื่อไม่พบกันจำเลยย่อมไม่ทราบความประสงค์ของโจทก์ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งโจทก์และไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ อันเป็นเหตุที่จะฟ้องขอให้เลิกการรับบุตรบุญธรรมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจพนักงานอัยการในการร้องขอเพิกถอนทะเบียนรับบุตรบุญธรรม: ต้องมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจชัดเจน
พนักงานอัยการจะร้องขอใช้สิทธิทางศาลได้ก็ต่อเมื่อกฎหมายบัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ไว้เท่านั้น การร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมเพราะผู้ให้ความยินยอมใช้สูติบัตรกับสำเนาทะเบียนบ้านปลอมมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่แก้ไขใหม่มิได้บัญญัติ ให้อำนาจแก่พนักงานอัยการไว้ พนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจ ยื่นคำร้องต่อศาล