พบผลลัพธ์ทั้งหมด 307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5038/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์: ความสัมพันธ์ผู้ดูแลตามกฎหมายและการใช้อำนาจปกครอง
คำว่า"ผู้ปกครอง"ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319หมายถึงผู้ใช้อำนาจปกครองอย่างบิดามารดาผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะน้าและนายจ้างโดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์จึงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองการที่จำเลยพาผู้เยาว์ไปจากผู้เสียหายโดยปราศจากเหตุอันสมควรเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5038/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์และการรบกวนสิทธิในการดูแลจากผู้มีอำนาจปกครอง
ตาม ป.อ.มาตรา 319 คำว่า ผู้ปกครองหมายถึงผู้มีฐานะทางกฎหมายเกี่ยวพันกับเด็ก เช่น เป็นบิดามารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองส่วนผู้ดูแลหมายถึงผู้ควบคุมระวังรักษาเด็กโดยข้อเท็จจริง เช่น ครูอาจารย์นายจ้าง เป็นต้น
ผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะเป็นน้าและนายจ้าง โดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์ด้วย ในขณะที่ผู้เยาว์ทำงานอยู่กับผู้เสียหาย การที่จำเลยขออนุญาตจากผู้เสียหายพาผู้เยาว์ออกไปข้างนอกหรือพาไปดูภาพยนตร์ แต่ผู้เสียหายไม่อนุญาต นับเป็นการใช้อำนาจปกครองและดูแลผู้เยาว์ตามที่ได้รับมอบหมายจากบิดามารดาผู้เยาว์และตามความเป็นจริงเมื่อผู้เสียหายทราบว่าผู้เยาว์ถูกจำเลยพาไปร่วมประเวณี ก็ได้เอาใจใส่ให้ น.ไปตามจำเลยมาเจรจากัน เมื่อได้รับการปฏิเสธก็ได้ติดตามไปพบจำเลย เมื่อเจรจาตกลงกันไม่ได้ก็พาผู้เยาว์ไปแจ้งความ ล้วนเป็นการแสดงตนใช้อำนาจปกครองดูแลผู้เยาว์ตามความเป็นจริง แม้ต่อมาภายหลังผู้เยาว์จะไปทำงานที่อื่น ก็เป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุ แต่ขณะเกิดเหตุผู้เยาว์ยังอยู่ในความดูแลของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่พาผู้เยาว์ไปร่วมประเวณีจึงเป็นการรบกวนสิทธิหรือแยกสิทธิในการควบคุมดูแลผู้เยาว์โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากความดูแลของผู้เสียหาย ตาม ป.อ.มาตรา 319
ผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะเป็นน้าและนายจ้าง โดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์ด้วย ในขณะที่ผู้เยาว์ทำงานอยู่กับผู้เสียหาย การที่จำเลยขออนุญาตจากผู้เสียหายพาผู้เยาว์ออกไปข้างนอกหรือพาไปดูภาพยนตร์ แต่ผู้เสียหายไม่อนุญาต นับเป็นการใช้อำนาจปกครองและดูแลผู้เยาว์ตามที่ได้รับมอบหมายจากบิดามารดาผู้เยาว์และตามความเป็นจริงเมื่อผู้เสียหายทราบว่าผู้เยาว์ถูกจำเลยพาไปร่วมประเวณี ก็ได้เอาใจใส่ให้ น.ไปตามจำเลยมาเจรจากัน เมื่อได้รับการปฏิเสธก็ได้ติดตามไปพบจำเลย เมื่อเจรจาตกลงกันไม่ได้ก็พาผู้เยาว์ไปแจ้งความ ล้วนเป็นการแสดงตนใช้อำนาจปกครองดูแลผู้เยาว์ตามความเป็นจริง แม้ต่อมาภายหลังผู้เยาว์จะไปทำงานที่อื่น ก็เป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุ แต่ขณะเกิดเหตุผู้เยาว์ยังอยู่ในความดูแลของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่พาผู้เยาว์ไปร่วมประเวณีจึงเป็นการรบกวนสิทธิหรือแยกสิทธิในการควบคุมดูแลผู้เยาว์โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากความดูแลของผู้เสียหาย ตาม ป.อ.มาตรา 319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5038/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์จากความดูแลโดยชอบธรรมของผู้ปกครอง/ผู้ดูแล ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319คำว่าผู้ปกครองหมายถึงผู้มีฐานะทางกฎหมายเกี่ยวกันกับเด็กเช่นเป็นบิดามารดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองส่วนผู้ดูแลหมายถึงผู้ควบคุมระวังรักษาเด็กโดยข้อเท็จจริงเช่นครูอาจารย์นายจ้างเป็นต้น ผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะเป็นน้าและนายจ้างโดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์ด้วยในขณะที่ผู้เยาว์ทำงานอยู่กับผู้เสียหายการที่จำเลยขออนุญาตจากผู้เสียหายพาผู้เยาว์ออกไปข้างนอกหรือพาไปดูภาพยนตร์แต่ผู้เสียหายไม่อนุญาตนับเป็นการใช้อำนาจปกครองและดูแลผู้เยาว์ตามที่ได้รับมอบหมายจากบิดามารดาผู้เยาว์และตามความเป็นจริงเมื่อผู้เสียหายทราบว่าผู้เยาว์ถูกจำเลยพาไปร่วมประเวณีก็ได้เอาใจใส่ให้น. ไปตามจำเลยมาเจรจากันเมื่อได้รับการปฏิเสธก็ได้ติดตามไปพบจำเลยเมื่อเจรจาตกลงกันไม่ได้ก็พาผู้เยาว์ไปแจ้งความล้วนเป็นการแสดงตนใช้อำนาจปกครองดูแลผู้เยาว์ตามความเป็นจริงแม้ต่อมาภายหลังผู้เยาว์จะไปทำงานที่อื่นก็เป็นเวลาภายหลังเกิดเหตุแต่ขณะเกิดเหตุผู้เยาว์ยังอยู่ในความดูแลของผู้เสียหายการกระทำของจำเลยที่พาผู้เยาว์ไปร่วมประเวณีจึงเป็นการรบกวนสิทธิหรือแยกสิทธิในการควบคุมดูแลผู้เยาว์โดยปราศจากเหตุผลอันสมควรเป็นการพรากผู้เยาว์ไปจากความดูแลของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4813/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากมูลละเมิด: เริ่มนับแต่วันละเมิด แม้คำฟ้องไม่ระบุวัน
หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ถือว่าจำเลยผิดนัดนับแต่เวลาที่ทำละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 206 โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันละเมิดเป็นต้นไป แม้ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ระบุชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำละเมิดในวันใดแน่ แต่โจทก์ขอดอกเบี้ยก่อนวันฟ้องในจำนวนน้อยกว่าสิทธิที่โจทก์ควรได้รับนับแต่วันที่จำเลยกระทำละเมิดวันสุดท้ายถึงวันฟ้อง ศาลย่อมกำหนดดอกเบี้ยก่อนวันฟ้องให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4813/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากละเมิด: สิทธิคิดดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิด แม้ฟ้องไม่ระบุวัน แต่ดอกเบี้ยที่เรียกน้อยกว่าสิทธิ
หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดถือว่าจำเลยผิดนัดนับแต่เวลาที่ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา206โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5ต่อปีนับแต่วันละเมิดเป็นต้นไปแม้ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ระบุชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำละเมิดในวันใดแน่แต่โจทก์ขอดอกเบี้ยก่อนวันฟ้องในจำนวนน้อยกว่าสิทธิที่โจทก์ควรได้รับนับแต่วันที่จำเลยกระทำละเมิดวันสุดท้ายถึงวันฟ้องศาลย่อมกำหนดดอกเบี้ยก่อนวันฟ้องให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4784/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์ฟ้องร้องแยกรายบุคคล, ข้อจำกัดการฎีกาข้อเท็จจริง, จำนวนทุนทรัพย์เกินกำหนด
โจทก์ทั้งสี่ต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวฟ้องให้จำเลยที่ 4 กับพวก ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิดให้แก่โจทก์ทั้งสี่แม้จะฟ้องรวมกันมา ก็ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกันเป็นราย ๆ ไป โจทก์ทั้งสี่ฟ้องเรียกค่าปลงศพ 20,000 บาท และฟ้อง เรียกค่าขาดไร้อุปการะโดยโจทก์ที่ 1 เรียกมา 50,000 บาท โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 เรียกมา 400,000 บาท โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 แต่ละคนเรียกร้องจำนวนเท่าใด แต่โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 ต่างก็เป็น บุตรผู้เยาว์ของผู้ตาย ค่าขาดไร้อุปการะของโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 แต่ละคนคงไม่แตกต่างกันมาก จึงพออนุมานได้ว่าค่าขาดไร้อุปการะ ที่โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 เรียกร้องมารวมกับค่าปลงศพ ที่แต่ละคนเรียกร้องมามีจำนวนไม่เกินคนละสองแสนบาทและค่าเสียหายที่โจทก์ที่ 1 เรียกร้องมาไม่เกินสองแสนบาทเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4711/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องสงบต่อเนื่อง ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด การครอบครองระหว่างคดีไม่นับรวม
ผู้ครอบครองที่ดินจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ในระหว่างระยะเวลาที่กำลังพิพาทเป็นคดีหาอยู่ได้ไม่เพราะการครอบครองทรัพย์ในระหว่างคดีมิใช่การครอบครองโดยความสงบตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382จะนับเวลาในช่วงนี้มารวมกับเวลาก่อนนั้นเพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4711/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ระหว่างคดีความ: ระยะเวลาดังกล่าวไม่นับรวม
ผู้ครอบครองที่ดินจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ในระหว่างระยะเวลาที่กำลังพิพาทเป็นคดีอยู่หาได้ไม่ เพราะการครอบครองทรัพย์ในระหว่างคดีมิใช่การครอบครองโดยความสงบตามความหมายแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1382จะนับเวลาในช่วงนี้มารวมกับเวลาก่อนนั้นเพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4659/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์หลังมีคำพิพากษาและการเพิกถอนคำสั่งอายัดโดยศาลที่ชอบด้วยกฎหมาย
ระหว่างส. ยังมีชีวิตได้ซื้อที่ดินจากจำเลยและว่าจ้างจำเลยสร้างตึกแถว6ห้องบนที่ดินเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนส.ได้ชำระค่าที่ดินและค่าจ้างให้จำเลยครบถ้วนแล้วระหว่างรอโอนขายให้ลูกค้าโดยตรงส.ถึงแก่ความตายจำเลยโอนขายที่ดินและตึกแถว2ห้องให้แก่บุคคลภายนอกส่วนที่ดินและตึกแถวที่เหลือจำเลยกำลังจะขายให้โจทก์ผู้ร้องในฐานะเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกของส. จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวไว้ชั่วคราวศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดีระหว่างผู้ร้องดำเนินการบังคับคดีศาลชั้นต้นคดีนี้มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวและให้จดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ดังนี้ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่อาจยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้เพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมและเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาลศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่งถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้วเพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้ คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอนเพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราวและมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิมเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4659/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอน/แก้ไขคำสั่งอายัดทรัพย์ชั่วคราวในคดีที่เกี่ยวข้องกับมรดกและสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ระหว่าง ส.ยังมีชีวิตได้ซื้อที่ดินจากจำเลยและว่าจ้างจำเลยสร้างตึกแถว 6 ห้อง บนที่ดินเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชน ส.ได้ชำระค่าที่ดินและค่าจ้างให้จำเลยครบถ้วนแล้ว ระหว่างรอโอนขายให้ลูกค้าโดยตรง ส.ถึงแก่ความตาย จำเลยโอนขายที่ดินและตึกแถว 2 ห้อง ให้แก่บุคคลภายนอก ส่วนที่ดินและตึกแถวที่เหลือจำเลยกำลังจะขายให้โจทก์ ผู้ร้องในฐานะเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกของ ส.จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวไว้ชั่วคราว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี ระหว่างผู้ร้องดำเนินการบังคับคดี ศาลชั้นต้นคดีนี้มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าว และให้จดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ดังนี้ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่อาจยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้ เพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม และเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาล ศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่ง ถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้ว เพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้
คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอน เพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว เมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้ การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราว และมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิม เป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 27 แล้ว
การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม และเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาล ศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่ง ถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้ว เพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้
คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอน เพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว เมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้ การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราว และมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิม เป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 27 แล้ว