พบผลลัพธ์ทั้งหมด 307 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2640/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว และผลของการสละประเด็นข้อพิพาทด้วยคำท้า
จำเลยเคยยื่นอุทธรณ์มาครั้งหนึ่งซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วและพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งปัญหาดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่แล้วจำเลยอุทธรณ์โต้แย้งในปัญหาเดียวกันนั้นอีกจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144 นอกจากศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ในอุทธรณ์เดิมว่าจำเลยฝ่ายเดียวไม่อาจถอนคำท้าได้ยังวินิจฉัยต่อไปว่าศาลจะต้องพิพากษาไปตามข้อตกลงให้ตรงตามคำท้าทุกประการแม้จำเลยจะแถลงรับว่าลายมือชื่อผู้กู้ในสัญญากู้เป็นของตนก็ไม่ทำให้คำท้าสิ้นผลไปดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นได้ส่งเอกสารที่มีลายมือชื่อของจำเลยไปตรวจพิสูจน์ตามคำท้าและคำพิพากษาใหม่ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาตรงตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้วไม่จำเป็นต้องนำสืบในประเด็นว่าข้อความในสัญญากู้ปลอมหรือไม่อีกต่อไปเพราะจำเลยสละประเด็นข้อพิพาทนี้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2254/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ ทำให้ไม่สามารถขอให้พิจารณาใหม่ได้ แม้จะฎีกาในข้อกฎหมาย
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจไม่อาจขอให้พิจารณาใหม่ได้เป็นการยกคำขอของจำเลยโดยอาศัยข้อเท็จจริงเมื่อคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงฎีกาของจำเลยในข้อกฎหมายที่ว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลหรือไม่จึงไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องจำเลยที่ 1 แล้วส่งผลต่อสิทธิในสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ศาลไม่อาจเพิกถอนนิติกรรมการเช่า
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมการเช่าตึกแถวพิพาทระหว่างจำเลยที่1ผู้ให้เช่ากับจำเลยที่2ผู้เช่าแต่โจทก์ได้ยื่นคำบอกกล่าวถอนฟ้องจำเลยที่1ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่1ผลย่อมเป็นไปตามมาตรา176แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ให้คู่ความกลับเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการฟ้องเลยภายหลังเมื่อถอนฟ้องจำเลยที่1แล้วกรณีหากมีการเพิกถอนนิติกรรมการเช่าผลย่อมเป็นการกระทบต่อสิทธิของจำเลยที่1อันมีอยู่ตามสัญญาเช่าและเป็นบุคคลนอกคดีดังนั้นศาลจึงไม่อาจพิพากษาให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์ที่ให้เพิกถอนนิติกรรมการเช่าระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2ได้ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องจำเลยร่วมกระทบสิทธิของจำเลยอีกคน ทำให้ศาลไม่สามารถพิพากษาเพิกถนนิติกรรมได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมการเช่าตึกแถวระหว่างจำเลยที่1ผู้ให้เช่ากับจำเลยที่2ผู้เช่าและขับไล่จำเลยที่2ออกจากตึกแถวแต่เมื่อโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่1ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีจำเลยที่1ออกจากสารบบความแล้วผลย่อมเป็นไปตามมาตรา176แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ให้คู่ความกลับเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการฟ้องเลยกรณีหากมีการเพิกถอนนิติกรรมการเช่าย่อมเป็นการกระทบต่อสิทธิของจำเลยที่1อันมีอยู่ตามสัญญาเช่าและเป็นบุคคลนอกคดีศาลจึงไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ที่ให้เพิกถอนนิติกรรมการเช่าระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2ได้ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องแล้วกระทบสิทธิบุคคลอื่น ศาลไม่สามารถพิพากษาเพิกถนิติกรรมได้
เมื่อโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่1แล้วคู่ความย่อมกลับสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการฟ้องเลยหากภายหลังถอนฟ้องมีการเพิกถอนนิติกรรมการเช่าระหว่างจำเลยที่1ผู้ให้เช่ากับจำเลยที่2ผู้เช่าย่อมเป็นการกระทบต่อสิทธิของจำเลยที่1อันมีอยู่ตามสัญญาเช่าและเป็นบุคคลนอกคดีศาลไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ที่ให้เพิกถอนนิติกรรมการเช่าระหว่างจำเลยทั้งสองได้ ข้อวินิจฉัยผูกพันบุคคลนอกคดีโดยมิชอบเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องแล้วกระทบสิทธิบุคคลภายนอก: ศาลไม่อาจเพิกถอนนิติกรรมเมื่อถอนฟ้องแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมการเช่าตึกแถวพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่ากับจำเลยที่ 2 ผู้เช่า แต่โจทก์ได้ยื่นคำบอกกล่าวถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1ผลย่อมเป็นไปตามมาตรา 176 แห่ง ป.วิ.พ. ที่ให้คู่ความกลับเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการฟ้องเลย ภายหลังเมื่อถอนฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว กรณีหากมีการเพิกถอนนิติกรรมการเช่า ผลย่อมเป็นการกระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ 1 อันมีอยู่ตามสัญญาเช่าและเป็นบุคคลนอกคดี ดังนั้นศาลจึงไม่อาจพิพากษาให้เป็นไปตามคำขอของโจทก์ที่ให้เพิกถอนนิติกรรมการเช่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์และการลดโทษจากความผิดปกติทางจิต
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัท ช.ขายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยแบบผ่อนชำระราคา เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยทันทีที่ตกลงกัน เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตาม ป.อ. มาตรา 295 ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา 65 วรรคสอง มาประกอบการลงโทษด้วย โทษจำคุกจึงสูงเกินสมควร ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตาม ป.อ. มาตรา 295 ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา 65 วรรคสอง มาประกอบการลงโทษด้วย โทษจำคุกจึงสูงเกินสมควร ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์, ความผิดฐานชิงทรัพย์, ลดโทษโรคจิต, ปัญหาความสงบเรียบร้อย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทช.ขายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยแบบผ่อนชำระราคาเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยทันที่ที่ตกลงกันเมื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์ จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา65วรรคสองแต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา65วรรคสองมาประกอบการลงโทษด้วยโทษจำคุกจึงสูงเกินสมควรปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 พ.ศ. 2536 ได้กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ว่า (1) แอมเฟตามีน 0.500 กรัมและ (5) เมทแอมเฟตามีน 0.500 กรัม ประกอบกับพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 บัญญัติว่าให้ถือว่าวัตถุตำรับรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่ เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วยเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จึงเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 พ.ศ. 2536 การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครองปริมาณเกิน0.500 กรัมจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85พ.ศ.2536ได้กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ไว้ว่า(1)แอมเฟตามีน0.500กรัมและ(5)เมทแอมเฟตรามีน0.500กรัมประกอบกับพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518บัญญัติว่าให้ถือว่าวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วยเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์จึงเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท2ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85พ.ศ.2536การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครองปริมาณเกิน0.500กรัมจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา62วรรคหนึ่ง,106ทวิ