คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 387

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: การบังคับสัญญา, การผิดสัญญา, และกลฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนการซื้อขายตามสัญญาซื้อขายที่ดิน ถ้าศาลบังคับให้ตามฟ้อง ก็จะมีผลให้โจทก์ได้ที่ดินราคา 3,000 บาทตามสัญญาซื้อขายนั้น คดีเช่นนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ 3,000 บาท
เมื่อจำเลยยอมลงนามในสัญญาซื้อขายไปทั้งๆ ที่ทราบความจริงว่าโจทก์มิได้เขียนข้อกำหนดลงไว้ในสัญญา ว่าโจทก์ผู้ซื้อที่ดินจะต้องปลูกสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัย เช่นนี้ จำเลยจะนำสืบแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายเกี่ยวกับข้อกำหนดเช่นว่านั้นไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยรับเงินค่าซื้อขายที่ดินจากโจทก์ไว้เสร็จสิ้นแล้ว ไม่ยอมไปจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินให้โจทก์ และโจทก์เตือนให้ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว จำเลยกลับบอกเลิกสัญญาโดยพลการเพื่อจะได้ไม่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ เช่นนี้ จำเลยเป็นฝ่ายกระทำการไม่ชอบ โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้ต่อกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายไม้: หน้าที่ผู้ซื้อก่อนส่งมอบ และผลของการผิดสัญญา
ในสัญญาบ่งว่าก่อนที่จำเลยจะส่งไม้ลงเรือเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องไปทำการรังวัดตรวจไม้กำหนดเครื่องหมายก่อน.เมื่อโจทก์ไม่อาจพิสูจน์ว่าตนได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนแล้วและจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่กลับปรากฏว่าจำเลยเตรียมเลื่อยไม้ไว้ตามสัญญาแล้วหากโจทก์ไม่ส่งคนไปวัดไม้จนกระทั่งจำเลยได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำแล้วโจทก์ยังมีหนังสือขอความเห็นใจให้จำเลยผ่อนผันยืดอายุสัญญาต่อไปอีกเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเองจำเลยจึงไม่ชำระหนี้ เป็นพฤติการณืที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบหาตกเป็นผู้ผิดนัดไม่
ม.204 เป็นเรื่องลูกหนี้ผิดนัดเป็นคนละเรื่องกับการบอกเลิกสัญญาซึ่งจะต้องปฏิบัติตาม ม.387.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขายไม้: หน้าที่ของคู่สัญญาและการพิสูจน์การปฏิบัติตามสัญญา
ในสัญญาบ่งว่าก่อนที่จำเลยจะส่งไม้ลงเรือเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องไปทำการวัดตรวจไม้กำหนดเครื่องหมายก่อนเมื่อโจทก์ไม่อาจพิสูจน์ว่าตนได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนแล้วและจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาแต่กลับปรากฏว่าจำเลยเตรียมเลื่อยไม้ไว้ตามสัญญาแล้วหากโจทก์ไม่ส่งคนไปวัดไม้จนกระทั่งจำเลยได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำแล้วโจทก์ยังมีหนังสือขอความเห็นใจให้จำเลยผ่อนผันยืดอายุสัญญาต่อไปอีกเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเองจำเลยจึงไม่ชำระหนี้ เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบหาตกเป็นผู้ผิดนัดไม่
มาตรา 204 เป็นเรื่องลูกหนี้ผิดนัดเป็นคนละเรื่องกับการบอกเลิกสัญญาซึ่งจะต้องปฏิบัติตาม มาตรา387

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายยังไม่เด็ดขาด ต้องบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อนเลิกสัญญา
หลักการแปลสัญญานั้นควรแปลความให้มีผลบังคับดีกว่าจะแปลให้ไร้ผล
หนังสือสัญญาซื้อขายเรือนใช้คำว่า สัญญาซื้อขาย แต่ปรากฎตามข้อสัญญาว่ายังไม่ได้ชำระราคากันแสดงอยู่ว่า สัญญารายนี้ยังไม่เด็ดขาด มีการที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาต่อไปอีกและเมื่อยังไม่ชำระราคากัน ก็จะเรียกร้องให้โอนเรือนกันก็ยังไม่ได้ คู่กรณีก็มีเจตนาจะให้มีการผูกพันต่อกันตามสัญญาดังนี้ ควรฟังว่า สัญญาเช่นนี้เป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ใช่สัญญาซื้อขายเด็ดขาด
ทำสัญญาขายเรือนกันฝ่ายผู้ซื้อขอผัดชำระเงินภายใน 2 เดือน ครั้นครบกำหนดแล้ว ผู้ซื้อก็ยังมิได้ชำระเงิน ดังนี้ผู้ขายจะบอกเลิกสัญญานั้นเสียทีเดียวยังไม่ได้ จะต้องบอกกล่าวให้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาอันสมควรตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 387 เสียก่อน เว้นแต่จะปรากฎว่าคู่สัญญาถือกำหนดเวลาดังกล่าวเป็นสาระสำคัญ เพื่อความสำเร็จของวัตถุประสงค์ในการทำสัญญาตามมาตรา 388

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาจะซื้อขายและสัญญาซื้อขายเด็ดขาด การบอกเลิกสัญญาเมื่อไม่ชำระหนี้
หลักการแปลสัญญานั้นควรแปลความให้มีผลบังคับดีกว่าจะแปลให้ไร้ผล
หนังสือสัญญาซื้อขายเรือนใช้คำว่า สัญญาซื้อขายแต่ปรากฏตามข้อสัญญาว่ายังไม่ได้ชำระราคากัน แสดงอยู่ว่า สัญญารายนี้ยังไม่เด็ดขาดมีการที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาต่อไปอีกและเมื่อยังไม่ชำระราคากัน ก็จะเรียกร้องให้โอนเรือนกันก็ยังไม่ได้ คู่กรณีก็มีเจตนาจะให้มีการผูกพันต่อกันตามสัญญา ดังนี้ ควรฟังว่า สัญญาเช่นนี้เป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ใช่สัญญาซื้อขายเด็ดขาด
ทำสัญญาขายเรือนกันฝ่ายผู้ซื้อขอผัดชำระเงินภายใน 2 เดือน ครั้นครบกำหนดแล้วผู้ซื้อก็ยังมิได้ชำระเงินดังนี้ ผู้ขายจะบอกเลิกสัญญานั้นเสียทีเดียวยังไม่ได้จะต้องบอกกล่าวให้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 เสียก่อนเว้นแต่จะปรากฏว่าคู่สัญญาถือกำหนดเวลาดังกล่าวเป็นสาระสำคัญเพื่อความสำเร็จของวัตถุประสงค์ในการทำสัญญาตามมาตรา 388

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลิกสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหาย เมื่อคู่สัญญาผิดนัด สิทธิในการบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาจะไม่มีอีก
สิทธิของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะบังคับเอาแก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีที่มีการผิดนัดไม่ชำระหนี้เกิดขึ้นนั้น ย่อมมีอยู่ 2 ประการ คือการบังคับให้คู่สัญญาปฏิบัติการชำระหนี้ตามมูลหนี้นั้นประการหนึ่ง กับการเรียกร้องให้ได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมรวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายอีกประการหนึ่ง และในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา สิทธิของอีกฝ่ายหนึ่งมีอีกประการหนึ่ง คือเมื่อไม่ต้องการให้สัญญานั้นผูกพันกันต่อไป ก็คือสิทธิเลิกสัญญาตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 387-388 ซึ่งเมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วผลก็มีแต่ทางเดียวคือคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะได้กลับคืนสู่ฐานเดิมแต่หากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ตามมาตรา 391 ผู้จะขายที่ดินผิดสัญญาผู้จะซื้อจึงบอกเลิกสัญญาและให้ผู้จะขายคืนมัดจำกับใช้เบี้ยปรับนั้น ผู้จะซื้อก็คงมีแต่สิทธิกลับคืนสู่ฐานะเดิมและเรียกค่าเสียหายเท่านั้น จะขอให้บังคับให้โอนที่ดินแก่ตนอีกไม่ได้ เพราะได้บอกเลิกสัญญาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเมื่อผิดสัญญา: เลิกสัญญา vs. บังคับชำระหนี้/เรียกค่าเสียหาย
สิทธิของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะบังคับเอาแก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีที่มีการผิดนัดไม่ชำระหนี้เกิดขึ้นนั้น ย่อมมีอยู่ 2 ประการ คือการบังคับให้คู่สัญญาปฏิบัติการชำระหนี้ตามมูลหนี้นั้นประการหนึ่ง กับการเรียกร้องให้ได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมรวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายอีกประการหนึ่ง และในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา สิทธิของอีกฝ่ายหนึ่งมีอีกประการหนึ่งคือเมื่อไม่ต้องการให้สัญญานั้นผูกพันกันต่อไปก็คือสิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387-388 ซึ่งเมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วผลก็มีแต่ทางเดียวคือคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะได้กลับคืนสู่ฐานะเดิม แต่หากกระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ตามมาตรา 391 ผู้จะขายที่ดินผิดสัญญาผู้จะซื้อจึงบอกเลิกสัญญาและให้ผู้จะขายคืนมัดจำกับใช้เบี้ยปรับนั้น ผู้จะซื้อก็คงมีแต่สิทธิกลับคืนสู่ฐานะเดิมและเรียกค่าเสียหายเท่านั้น จะขอให้บังคับให้โอนที่ดินแก่ตนอีกไม่ได้ เพราะได้บอกเลิกสัญญาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดัดแปลงทรัพย์เช่า สิทธิเลิกสัญญา และขอบเขตข้อตกลงในสัญญาเช่า
ในเรื่องสัญญานั้นมีบางเรื่องกฎหมายบัญญัติไว้เป็นทำนองแทนการแสดงเจตนาของคู่กรณีในเมื่อไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
กรณีที่คู่สัญญาขอให้ศาลวินิจฉัยว่า การกระทำเป็นการฝ่าฝืนสัญญาหรือไม่นั้น มิใช่เป็นการขอวินิจฉัยข้อสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นเรื่องให้วินิจฉัยข้อสัญญาซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้แทนการแสดงเจตนาด้วย
ข้อสัญญาในเรื่องซ่อมแซมทรัพย์ที่เช่า ย่อมไม่กินความถึงการดัดแปลงต่อเติม
ข้อสัญญาในเรื่องที่ผู้เช่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ย่อมไม่เกี่ยวกับสิทธิ์เลิกสัญญา
การดัดแปลงต่อเติมทรัพย์ที่เช่านั้น เมื่อไม่มีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่น ผู้ให้เช่าย่อมไม่มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญา
การบอกเลิกสัญญาตาม ม. 386 จะบอกเลิกได้โดยข้อสัญญาหรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
การบอกเลิกสัญญาเพราะคู่สัญญาฝ่าย 1 ไม่ชำระหนี้ตาม ม. 387 หมายถึงการไม่ชำระหนี้ตามสัญญา ไม่ใช่หมายถึงการชำระค่าเสียหายหรือไม่ปฏิบัติการเป็นอย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดัดแปลงทรัพย์เช่าและการเลิกสัญญาเช่า: การตีความข้อสัญญาและการบังคับใช้บทบัญญัติกฎหมาย
ในเรื่องสัญญานั้นมีบางเรื่องกฎหมายบัญญัติไว้เป็นทำนองแทนการแสดงเจตนาของคู่กรณีในเมื่อไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
กรณีที่คู่สัญญาขอให้ศาลวินิจฉัยว่า การกระทำเป็นการฝ่าฝืนสัญญาหรือไม่นั้น มิใช่เป็นการขอวินิจฉัยข้อสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นเรื่องให้วินิจฉัยข้อสัญญาซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้แทนการแสดงเจตนาด้วย
ข้อสัญญาในเรื่องซ่อมแซมทรัพย์ที่เช่า ย่อมไม่กินความถึงการดัดแปลงต่อเติม
ข้อสัญญาในเรื่องที่ผู้เช่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ย่อมไม่เกี่ยวกับสิทธิเลิกสัญญา
การดัดแปลงต่อเติมทรัพย์ที่เช่านั้น เมื่อไม่มีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่น ผู้ให้เช่าย่อมไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
การบอกเลิกสัญญาตาม มาตรา 386 จะบอกเลิกได้โดยข้อสัญญาหรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
การบอกเลิกสัญญาเพราะคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ตามมาตรา 387 หมายถึงการไม่ชำระหนี้ตามสัญญา ไม่ใช่หมายถึงการชำระค่าเสียหายหรือไม่ปฏิบัติการเป็นอย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ค่าเช่าต้องทำ ณ ภูมิลำเนาเจ้าหนี้ หากไม่ได้ตกลงกันไว้ และการพิสูจน์การปฏิบัติการชำระหนี้
ถ้าไม่ได้ตกลงว่าจะชำระหนี้กัน ณ ที่ใด ลูกหนี้จะต้องชำระหนี้ในภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้
การถูกคุมขังในเรือนจำในระหว่างต้องหานั้น ไม่ถือว่าเรือนจำเป็นภูมิลำเนา
ได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าไปตามสัญญาแล้ว ต่อมาผู้เช่าออกจากทรัพย์ที่เช่าไปโดยไม่ปรากฏผู้ให้เช่าผิดสัญญานั้น ผู้เช่าเรียกค่าเช่าที่ชำระล่วงหน้าไปคืนไม่ได้
of 40