คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 283

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 41 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารและการกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร
ผู้เสียหายทั้งสี่มีอายุอยู่ระหว่างตั้งแต่ 12 ปี ถึง 16 ปี อยู่ในความปกครองของบิดามารดา จำเลยทั้งสามชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในภาคใต้แล้วพาไปประกอบอาชีพโสเภณี การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันพรากผู้เสียหายทั้งสี่ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร ทั้งผู้เสียหายทั้งสี่เพียงแต่เต็มใจไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ มิได้เต็มใจไปค้าประเวณี จึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสอง 1 กรรมและมาตรา 283 วรรคสาม 3 กรรม และฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคสาม 3 กรรม และมาตรา 319 วรรคหนึ่ง 1 กรรม แต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรม ศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสาม กรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3859/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และข่มขืนใจพาผู้อื่นไปค้าประเวณีทั้งในและนอกราชอาณาจักร
จำเลยกับพวกใช้อุบายหลอกลวงและพาโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณีที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แล้วยังได้พาโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย การกระทำของจำเลยมีเจตนาอย่างเดียวคือพาโจทก์ทั้งสองไปค้าประเวณี เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท คือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 320 วรรคแรกและมาตรา 283 วรรคแรกและวรรคสอง ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 283 วรรคแรกและวรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ แต่การปรับบทลงโทษเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3493/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจัดหาผู้กระทำการค้าประเวณี: เลือกใช้บทลงโทษที่หนักกว่า
ความผิดตาม พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503มาตรา 8 รวมอยู่ในความผิดตาม ป.อ.มาตรา 283 ด้วย และตามคำฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเป็นธุระจัดหาผู้เสียหายให้ทำการค้าประเวณีโดยยอมรับการกระทำชำเราเพื่อสินจ้างกับชายอื่น อันเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา 283 ซึ่งมีโทษหนักกว่าความผิดตาม พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณีพ.ศ.2503 มาตรา 8 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นเพียงความผิดตาม พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 8 ซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมลงโทษจำเลยทั้งสามฐานจัดหาผู้กระทำการค้าประเวณีเพื่อผู้อื่นเป็นปกติธุระได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3493/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยฐานจัดหาผู้กระทำการค้าประเวณี แม้ฟ้องไม่ชัดเจน เพราะความผิดรวมในประมวลกฎหมายอาญา
ความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503มาตรา 8 รวมอยู่ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283ด้วย และตามคำฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเป็นธุระจัดหาผู้เสียหายให้ทำการค้าประเวณีโดยยอมรับการกระทำชำเราเพื่อสินจ้างกับชายอื่น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ซึ่งมีโทษหนักกว่าความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503มาตรา 8 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นเพียงความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณีพ.ศ. 2503 มาตรา 8 ซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองศาลย่อมลงโทษจำเลยทั้งสามฐานจัดหาผู้กระทำการค้าประเวณีเพื่อผู้อื่นเป็นปกติธุระได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงชักพาเพื่อค้าประเวณี ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 และ 283
ผู้เสียหายไปทำงานที่บาร์โดยไม่ทราบว่าจะต้องค้าประเวณีแต่เชื่อคำชักชวนของจำเลยว่าจะได้รับเงินเดือนและค่าทิป ทำงานเฉพาะเสิร์ฟอาหารอย่างเดียวแต่เมื่อผู้เสียหายไปทำงานที่บาร์แล้วถูกเจ้าของบาร์บังคับให้ค้าประเวณี คำชักชวนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงให้เห็นว่านอกจากได้รับเงินเดือนแล้วยังได้รับค่าทิปด้วยทั้งระบุถึงงานที่จะต้องทำอันเป็นเหตุให้ผู้เสียหายสมัครใจไปทำงาน นับได้ว่าเป็นการใช้อุบายหลอกลวงแล้ว เมื่อผู้เสียหายตกลงไปทำงานตามคำชักชวน แต่กลับต้องไปทำงานค้าประเวณี จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก และ มาตรา 283วรรคแรก ลงโทษบทหนักตามมาตรา 283 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเพื่อค้าประเวณี: การใช้คำชักชวนและอุบายลวงเพื่อบังคับข่มขืน
ผู้เสียหายไปทำงานที่บาร์โดยไม่ทราบว่าจะต้องค้าประเวณี แต่เชื่อคำชักชวนของจำเลยว่าจะได้รับเงินเดือนและค่าทิป ทำงานเฉพาะเสิร์ฟอาหารอย่างเดียว แต่เมื่อผู้เสียหายไปทำงานที่บาร์แล้วถูกเจ้าของบาร์บังคับให้ค้าประเวณี คำชักชวนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงให้เห็นว่านอกจากได้รับเงินเดือนแล้วยังได้รับค่าทิปด้วย ทั้งระบุถึงงานที่จะต้องทำอันเป็นเหตุให้ผู้เสียหายสมัครใจไปทำงาน นับได้ว่าเป็นการใช้อุบายหลอกลวงแล้ว เมื่อผู้เสียหายตกลงไปทำงานตามคำชักชวน แต่กลับต้องไปทำงานค้าประเวณี จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก และมาตรา 283 วรรคแรก ลงโทษบทหนักตามมาตรา 283 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ต้องเป็นการกระทำเพื่อผู้อื่น มิใช่เพื่อตนเองหรือผู้ร่วมกระทำ
การเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นอันจะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 จะต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นแต่หากเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้กระทำเองหรือร่วมกันกระทำเพื่อผู้ใดในบรรดาผู้ร่วมกระทำด้วยกันแล้วก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ การที่จำเลยกับ ส. และพวกอีกคนหนึ่งร่วมกันดักฉุดผู้เสียหายเพื่อสำเร็จความใคร่ของส. และเพื่อการอนาจารผู้เสียหายเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อ ส. ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน หาใช่เป็นกรณีร่วมกันพาไปให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น มาตรา 283 อาญา ต้องเป็นการจัดหา ล่อ หรือชักพา เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตนเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283ปรากฏว่าจำเลยกับนาย ส.กับพวกอีกคนหนึ่งนำรถยนต์ไปรอดักฉุดผู้เสียหายและผู้เสียหายออกจากหอพักเพื่อจะไปซื้อของ และเมื่อขึ้นไปบนรถแล้วนาย ส. ใช้อาวุธปืนขู่บังคับไม่ให้ผู้เสียหายร้อง และได้พาไปกักขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ถือได้ว่าจำเลยกับนายส.เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกัน แม้การพาผู้เสียหายไปนั้นเพื่อสำเร็จความใคร่ของนายส.และเพื่อการอนาจารผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดตามมาตรา 283 ตามฟ้องไม่ เพราะความผิดตามมาตรา 283 นั้น ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้กระทำนั้นเอง หรือร่วมกันกระทำเพื่อผู้ใดในบรรดาผู้ร่วมกระทำด้วยกันแล้วก็หาเป็นความผิดตามมาตรานี้ไม่เมื่อจำเลยและนายส.กับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของนายส.ไม่ได้ร่วมกันพาไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นใด จึงจะแยกการกระทำที่ประกอบร่วมกันนี้ให้ตกเป็นความผิดแก่จำเลยว่าพาผู้เสียหายไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่ใช่ของตนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานค้ามนุษย์: เจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น vs. ของตนเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ปรากฏว่าจำเลยกับนาย ส.กับพวกอีกคนหนึ่งนำรถยนต์ไปรอดักฉุดผู้เสียหายขณะผู้เสียหายออกจากหอพักเพื่อจะไปซื้อของ และเมื่อขึ้นไปบนรถแล้วนาย ส.ใช้อาวุธปืนขู่บังคับไม่ให้ผู้เสียหายร้อง และได้พาไปกักขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ถือได้ว่าจำเลยกับนาย ส.เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกัน แม้การพาผู้เสียหายไปนั้นเพื่อสำเร็จความใคร่ของนาย ส. และเพื่อการอนาจารผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดตามมาตรา 283 ตามฟ้องไม่ เพราะความผิดตามมาตรา 283 นั้น ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้กระทำนั้นเอง หรือร่วมกันกระทำเพื่อผู้ใดในบรรดาผู้ร่วมกระทำด้วยกันแล้วก็หาเป็นความผิดตามมาตรานี้ไม่ เมื่อจำเลยและนาย ส.กับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของนาย ส.ไม่ได้ร่วมกันพาไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นใด จึงจะแยกการกระทำที่ประกอบร่วมกันนี้ให้ตกเป็นความผิดแก่จำเลยว่าพาผู้เสียหายไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่ใช่ของตนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5410/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานค้ามนุษย์และพรากเด็ก การกระทำถือเป็นความผิดต่างฐานกัน
การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปขายให้แก่ จ.ซึ่งเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีเพื่อให้ผู้เสียหายค้าประเวณี ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยใช้อุบายหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสาม ฐานหนึ่งแล้ว และขณะเดียวกันการที่จำเลยพรากผู้เสียหายไปเสียจากมารดาของผู้เสียหาย จำเลยก็มีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีไปเสียจากอำนาจปกครองของมารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อการอนาจารตามมาตรา 317 วรรคสามอีกฐานหนึ่งต่างหากจากความผิดตามมาตรา 283 วรรคสาม มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 กับพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8 จำเลยกระทำเพียงครั้งเดียวและเกิดผลเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
of 5