พบผลลัพธ์ทั้งหมด 41 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5410/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานค้าประเวณีและพรากเด็ก: การกระทำเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
การที่จำเลยหาผู้เสียหายไปขายให้แก่ จ. ซึ่งเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีเพื่อให้ผู้เสียหายค้าประเวณี ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยใช้อุบายหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสาม ฐานหนึ่งแล้ว และขณะเดียวกันการที่จำเลยพรากผู้เสียหายไปเสียจากมารดาของผู้เสียหาย จำเลยก็มีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีไปเสียจากอำนาจ ปกครองของมารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อการอนาจารตามมาตรา 317 วรรคสามอีกฐานหนึ่งต่างหากจากความผิดตามมาตรา 283 วรรคสาม มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 กับพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 8 จำเลยกระทำเพียงครั้งเดียวและเกิดผลเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 กับพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 8 จำเลยกระทำเพียงครั้งเดียวและเกิดผลเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3888/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานค้ามนุษย์และหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อบังคับขู่เข็ญให้ค้าประเวณี
จำเลยที่ 3, ที่ 4 ร่วมกับพวกอีกหลายคนทำการหน่วงเหนี่ยวกักขัง และบังคับขู่เข็ญผู้เสียหายทั้งสี่ให้ค้าประเวณี ย่อมเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310วรรคแรกกระทงหนึ่งและผิดตาม มาตรา 283 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3888/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับขู่เข็ญเพื่อให้ค้าประเวณี
จำเลยที่ 3, ที่ 4 ร่วมกับพวกอีกหลายคนทำการหน่วงเหนี่ยวกักขัง และบังคับขู่เข็ญผู้เสียหายทั้งสี่ให้ค้าประเวณี ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคแรก กระทงหนึ่ง และผิดตาม มาตรา 283 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ แต่มีความผิดฐานเป็นธุระจัดหาเด็กเพื่ออนาจาร
ขณะชักชวนเด็กหญิงทั้งสามอายุไม่เกิน 13 ปี และเกิน13 ปี ให้ไปกับจำเลยเด็กหญิงทั้งสามไม่ได้อยู่ในความปกครองดูแลของมารดาเสียแล้ว โดยนัดแนะกันหลบหนีมารดาออกจากบ้านเพื่อไปหางานทำ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการพรากเด็กหญิงทั้งสามไปเสียจากบิดามารดา ไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317,318
การที่จำเลยชักชวนเด็กหญิงทั้งสามไปอยู่ด้วยอ้างว่าจะหัดลิเกให้แต่ก็มิได้หัดให้ กลับจะให้ค้าประเวณี โดยขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะส่งไปต่างจังหวัดจนเด็กหญิงคนหนึ่งจำต้องยอมไปกับชายและชายนั้นพยายามจะกระทำมิดีมิร้ายในระหว่างทาง ดังนี้ จำเลยกระทำการเป็นธุระจัดหาหรือชักพาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ไปเพื่อการอนาจาร เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสาม
การที่จำเลยชักชวนเด็กหญิงทั้งสามไปอยู่ด้วยอ้างว่าจะหัดลิเกให้แต่ก็มิได้หัดให้ กลับจะให้ค้าประเวณี โดยขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะส่งไปต่างจังหวัดจนเด็กหญิงคนหนึ่งจำต้องยอมไปกับชายและชายนั้นพยายามจะกระทำมิดีมิร้ายในระหว่างทาง ดังนี้ จำเลยกระทำการเป็นธุระจัดหาหรือชักพาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ไปเพื่อการอนาจาร เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานค้ามนุษย์โดยการหลอกลวงและข่มขืนกระทำชำเราถือเป็นกรรมเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 283 วรรคแรก กระทงหนึ่งจำคุกคนละ 3 ปี ผิดตามมาตรา 320 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 2 ปีจำเลยที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 283,86 กระทงหนึ่ง จำคุก 2 ปีและผิดตามมาตรา 320,86 อีก กระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 283วรรคแรก และมาตรา 320 วรรคสอง ลงโทษตามมาตรา 283 วรรคแรกซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 3 ปี จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 283 วรรคสุดท้าย 320 วรรคสอง และมาตรา 86 ลงโทษตามมาตรา 283 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 3 ปี จำเลยที่ 4 สองปี ดังนี้ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาแก้บท ทั้งโทษที่ลงก็จำคุกไม่เกิน 5 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลย จะฎีกา โต้เถียงว่าไม่ได้กระทำผิดมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (อ้าง คำพิพากษาฎีกาที่ 1588/2492 และ 2177/2520)
จำเลยใช้อุบายกล่าวหาโจทก์ร่วมว่ายักยอกทรัพย์เพื่อให้ โจทก์ร่วมจำนนต่อคดีในทางอาญาแล้วจูงใจให้โจทก์ร่วมไปทำงาน ที่ฮ่องกงเพื่อให้มีรายได้และให้พ้นคดีอาญาครั้นโจทก์ร่วมยอมไป ถึงฮ่องกง ก็มีผู้ชายมารับที่สนามบินไปควบคุมตัวไว้ไม่ให้หนี แล้วมีผู้ชายมารับโจทก์ร่วมไปข่มขืนกระทำชำเราตามโรงแรม ต่าง ๆ หลายครั้งดังนี้ เห็นเจตนาของจำเลย ได้ว่า หาได้จัด ส่งโจทก์ร่วมออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อการอย่างอื่นไม่เจตนา แท้จริงก็เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นประการเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
จำเลยใช้อุบายกล่าวหาโจทก์ร่วมว่ายักยอกทรัพย์เพื่อให้ โจทก์ร่วมจำนนต่อคดีในทางอาญาแล้วจูงใจให้โจทก์ร่วมไปทำงาน ที่ฮ่องกงเพื่อให้มีรายได้และให้พ้นคดีอาญาครั้นโจทก์ร่วมยอมไป ถึงฮ่องกง ก็มีผู้ชายมารับที่สนามบินไปควบคุมตัวไว้ไม่ให้หนี แล้วมีผู้ชายมารับโจทก์ร่วมไปข่มขืนกระทำชำเราตามโรงแรม ต่าง ๆ หลายครั้งดังนี้ เห็นเจตนาของจำเลย ได้ว่า หาได้จัด ส่งโจทก์ร่วมออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อการอย่างอื่นไม่เจตนา แท้จริงก็เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นประการเดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยการหลอกลวงชักพาผู้อื่นเพื่อค้าประเวณีและความรับผิดชอบของตัวการร่วม
ว.เป็นคนไปพูดหลอกลวงผู้เสียหายว่า จะพาไปทำงานด้วยกันกับนางสาว พ. พี่สาวที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายตกลงไปตามคำหลอกลวงแล้ว ว.ก็พาผู้เสียหายไปที่บ้านจำเลย และในวันเดียวกันนั้นเองจำเลยและ ว. กับพวก ก็พาผู้เสียหายไปค้าประเวณีที่กรุงเทพฯ โดยไม่ต้องมีการตกลงนัดหมายอะไรกันอีก พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่า จำเลยกระทำไปโดยจำเลยและ ว.กับพวกได้คบคิดกันมาก่อนว่าจะล่อหรือชักพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นโดยใช้อุบายหลอกลวง โดยกำหนดหน้าที่ให้ ว.ไปใช้อุบายหลอกลวง ล่อหรือชักพาผู้เสียหายตามที่ได้คบคิดกันไว้นั้น เมื่อได้ตัวผู้เสียหายมาแล้ว จำเลยและ ว.กับพวกก็พาไปบังคับให้ค้าประเวณี จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก และมาตรา 283 วรรคสอง มาตรา 83 แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันฉ้อโกงและค้ามนุษย์โดยใช้อุบายหลอกลวงเพื่อบังคับค้าประเวณี
ว. เป็นคนไปพูดหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะพาไปทำงานด้วยกันกับนางสาว พ. พี่สาวที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายตกลงไปตามคำหลอกลวงแล้วว. ก็พาผู้เสียหายไปที่บ้านจำเลย และในวันเดียวกันนั้นเองจำเลยและ ว.กับพวกก็พาผู้เสียหายไปค้าประเวณีที่กรุงเทพฯ โดยไม่ต้องมีการตกลงนัดหมายอะไรกันอีก พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยจำเลยและ ว. กับพวกได้คบคิดกันมาก่อนว่าจะล่อหรือชักพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นโดยใช้อุบายหลอกลวง โดยกำหนดหน้าที่ให้ ว. ไปใช้อุบายหลอกลวง ล่อหรือชักพาผู้เสียหายตามที่ได้คบคิดกันไว้นั้น เมื่อได้ตัวผู้เสียหายมาแล้วจำเลยและ ว. กับพวกก็พาไปบังคับให้ค้าประเวณี จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก และมาตรา 283 วรรคสอง มาตรา 83 แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธุระจัดหาหญิงเพื่อการค้าประเวณี แม้หญิงยินยอม ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 แม้ทางพิจารณาจะฟังได้ว่า จำเลยรับเอาตัวหญิงเข้าไว้ในสถานการค้าประเวณีของจำเลยเพื่อให้ชายกระทำชำเราด้วยความสมัครใจยินยอมของหญิงเองอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 ศาลก็มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ที่จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 ฐานเป็นธุระจัดหาหญิงเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ามนุษย์และการบังคับข่มขืน ศาลฎีกาวินิจฉัยความถูกต้องของวันเกิดเหตุและพิพากษาลงโทษจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2512 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2513 ผู้เสียหายเบิกความว่า ในเดือนธันวาคม 2512 มีผู้มาชักชวนผู้เสียหายไปทำงานพาผู้เสียหายไปค้าง 2 คืน แล้วจำเลยก็มาชวนผู้เสียหายไปทำงานผู้เสียหายก็ไปกับจำเลยไปถึงบ้านจำเลยวันที่ 23 พฤษภาคม 2512 ต่อจากนั้นจำเลยก็บังคับให้ผู้เสียหายร่วมประเวณีกับชายอื่นผู้เสียหายไม่ยอม จำเลยก็นำผู้เสียหายไปขายให้บุคคลอื่น ดังนี้ เห็นชัดว่าผู้เสียหายเบิกความผิดไป ความจริงผู้เสียหายมาถึงบ้านจำเลยวันที่ 23 ธันวาคม 2512ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเกิดเหตุที่ได้ความทางการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับฟ้อง
เมื่อการกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 และ 284. ย่อมถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
เมื่อการกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 และ 284. ย่อมถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1523/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค้าประเวณี, การบังคับข่มขืน, หน่วงเหนี่ยว, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและ พรบ.ปรามการค้าประเวณี
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เจ้าของกิจการสถานค้าประเวณีรับตัวนางสมจิตรผู้เสียหายไว้ แล้วบังคับให้ค้าประเวณี ครั้นนางสมจิตรไม่ยินยอมก็ถูกผลักเข้าไปในห้องที่มีชายรออยู่ เมื่อขัดขืนต่อไปอีกก็ถูกจำเลยที่ 1 ตบหน้า และบางครั้งเมื่อนางสมจิตรถูกชายดึงเข้าไปในห้องแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ใส่กุญแจห้องข้างนอกและคอยเฝ้าอยู่ ทั้งยังตะโกนบอกชายที่มาเที่ยวว่าให้ตบตีได้ถ้านางสมจิตรไม่ยอม ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เช่นนี้เป็นการกระทำเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงโดยใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 283 แล้ว แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 282 เพราะนางสมจิตรอายุเกิน 18 ปี และไม่เป็นความผิดตามมาตรา 284 เพราะเป็นการกระทำเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น มิใช่เพื่อสำเร็จความใคร่ของตนเองหรือผู้ร่วมกระทำความผิดกับตน
ส่วนการที่จำเลยที่ 1 รับตัวนางสาววรรณาผู้เสียหายอายุ 16 ปี ซึ่งถูกหลอกลวงมาไว้เป็นโสเภณีในสำนักของตน ก็ได้ชื่อว่าเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของชายที่มาเที่ยว และจำเลยที่ 1 ได้เป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งนางสาววรรณา อันเป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจประการอื่น ทั้งไม่จำเป็นต้องให้มีผู้อื่นมาสำเร็จความใคร่กับนางสาววรรณาเสียก่อน
สำหรับการที่จำเลยที่ 1 กระทำแก่นางสมจิตรผู้เสียหายโดยผลักเข้าไปในห้องที่มีชายรออยู่ ในเมื่อนางสมจิตรไม่ยินยอม และบางครั้งปิดประตูใส่กุญแจข้างนอก ขังนางสมจิตรไว้กับชายที่มาเที่ยวแล้วคอยเฝ้าอยู่ ย่อมเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังนางสมจิตรให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 แล้ว
ส่วนการที่จำเลยที่ 1 รับตัวนางสาววรรณาผู้เสียหายอายุ 16 ปี ซึ่งถูกหลอกลวงมาไว้เป็นโสเภณีในสำนักของตน ก็ได้ชื่อว่าเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของชายที่มาเที่ยว และจำเลยที่ 1 ได้เป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งนางสาววรรณา อันเป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจประการอื่น ทั้งไม่จำเป็นต้องให้มีผู้อื่นมาสำเร็จความใคร่กับนางสาววรรณาเสียก่อน
สำหรับการที่จำเลยที่ 1 กระทำแก่นางสมจิตรผู้เสียหายโดยผลักเข้าไปในห้องที่มีชายรออยู่ ในเมื่อนางสมจิตรไม่ยินยอม และบางครั้งปิดประตูใส่กุญแจข้างนอก ขังนางสมจิตรไว้กับชายที่มาเที่ยวแล้วคอยเฝ้าอยู่ ย่อมเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังนางสมจิตรให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 แล้ว