พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,079 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงกิริยาข่มขู่ด้วยคำพูดและการกำมือแน่นไม่ถึงขั้นเลิกจ้างได้
ขณะที่โจทก์พูดตะคอกนางสาว อ. ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ว่าจะเซ็นชื่อในใบลาหรือไม่ ถ้าไม่รักศักดิ์ศรีเป็นเกิดเรื่องแน่ และเมื่อ อ.ถามว่าจะต่อยหน้าหรือ โจทก์ก็พูดว่าไม่แน่พร้อมกับกำมือแน่นอยู่นั้น ไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้แสดงกิริยาอาการอื่นที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์จะเข้าทำร้าย อ. การกระทำของโจทก์จึงเป็นเพียงการกระทำที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น ยังไม่พอถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: การแสดงกิริยาข่มขู่ด้วยคำพูดและการกำมือแน่น ไม่ถึงขั้นร้ายแรงพอที่จะเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย
ขณะที่โจทก์ถูกตะคอกนางสาวอ.ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ว่าจะเซ็นชื่อในใบลาหรือไม่ถ้าไม่รักศักดิ์ศรีเป็นเกิดเรื่องแน่และเมื่ออ.ถามว่าจะต่อยหน้าหรือโจทก์ก็พูดว่าไม่แน่พร้อมกับกำมือแน่นอยู่นั้นไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้แสดงกิริยาอาการอื่นที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์จะเข้าทำร้ายอ. การกระทำของโจทก์จึงเป็นเพียงการกระทำที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้นยังไม่พอถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรงหรือมีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370-2374/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับร้ายแรง กรณีแก้ไขเอกสารสำคัญเพื่อทุจริต
โจทก์ทั้งห้าเป็น ลูกจ้างจำเลยกระทำการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับที่นายจ้างกำหนดให้ลูกจ้างปฏิบัติเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันมิให้ลูกจ้างกระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของนายจ้างและตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ระบุว่าหากลูกจ้างกระทำผิดอย่างร้ายแรงเช่น(1)การกระทำโดยจงใจให้นายจ้างได้รับความเสียหาย(5)ปลอมแปลงแก้ไขเอกสารหรือหลักฐานหรือให้หลักฐานแก่นายจ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯลฯโดยโจทก์ที่1ถึงที่4ได้ลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขตัวเลขในใบเช็คคืนน้ำเต็ม-ขวดเปล่าที่พนักงานตรวจสอบรายการสินค้าได้แก้ไขให้ผิดไปจากความเป็นจริงส่วนโจทก์ที่5ได้แก้ไขตัวเลขและลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขด้วยตนเองในเช็คคืนน้ำเต็ม-ขวดเปล่าเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการควบคุมสินค้าเข้าออกทั้งหมดการกระทำของโจทก์ทั้งห้าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องผลประโยชน์หรือทรัพย์สินของจำเลยและป้องกันการทุจริตถือได้ว่าเป็นกรณี ร้ายแรงต้องด้วย ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ47(4)จำเลยมีสิทธิ เลิกจ้างโจทก์ทั้งห้าได้โดย ไม่ต้อง บอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต้องรับผิดชำระ ค่าชดเชยเงินสะสมสมทบพร้อมสิทธิประโยชน์ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และ ค่าเสียหายตามฟ้องแก่โจทก์ทั้งห้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370-2374/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการแก้ไขเอกสารสำคัญของนายจ้าง
ใบตรวจสอบคืนน้ำเค็ม-ขวดเปล่าเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการควบคุมสินค้าเข้าออกทั้งหมดของนายจ้างหากมีการแก้ไขตัวเลขในเอกสารดังกล่าวให้ผิดไปจากความจริงจะทำให้ไม่สามารถตรวจสอบจำนวนสินค้าได้และการแก้ไขดังกล่าวจะทำมีการทุจริตได้การที่ลูกจ้างได้ลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขตัวเลขซึ่งพนักงานอีกคนหนึ่งเป็นผู้แก้ไขซึ่งนายจ้างมีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานห้ามไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์หรือทรัพย์สินของนายจ้างและป้องกันการทุจริตการกระทำของลูกจ้างดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างเป็นกรณีที่ร้ายแรงกรณีต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ47(4)ซึ่งนายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา583
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2263/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเมื่อลูกจ้างหยุดงานตามคำสั่งนายจ้าง และมีสิทธิได้รับค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยทำหน้าที่ขับรถยนต์โจทก์ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เพราะปฏิบัติผิดกฎจราจรต่อมาหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยกล่าวแก่โจทก์ว่าหากไม่มีใบอนุญาตขับขี่ก็ไม่ต้องมาทำงานโจทก์จึงหยุดงานไปตั้งแต่วันที่5ถึง16เดือนนั้นโดยไม่มีการยื่นใบลาเช่นนี้การที่โจทก์ทำหน้าที่ขับรถยนต์เมื่อส.ซึ่งเป็นนายจ้างกล่าวว่าหากไม่มีใบอนุญาตขับขี่ก็ไม่ต้องมาทำงานนั้นย่อมทำให้โจทก์เข้าใจว่านายจ้างสั่งให้โจทก์หยุดงานการทำงานไว้ก่อนจนกว่าจะได้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์กลับคืนมาเพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยมีระเบียบข้อบังคับว่าผู้มีหน้าที่ขับรถยนต์จะต้องมาปฏิบัติหน้าที่อื่นในกรณีเช่นนี้ด้วยการที่โจทก์ไม่ได้มาทำงานในระหว่างวันดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างโดยมิได้มีความผิดต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา582ให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2263/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเนื่องจากคำสั่งให้หยุดงานชั่วคราว นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยทำหน้าที่ขับรถยนต์ โจทก์ถูกเจ้าพนักงาน-ตำรวจยึดใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เพราะปฏิบัติผิดกฎจราจร ต่อมาหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยกล่าวแก่โจทก์ว่า หากไม่มีใบอนุญาตขับขี่ก็ไม่ต้องมาทำงาน โจทก์จึงหยุดงานไปตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 16 เดือนนั้น โดยไม่มีการยื่นใบลา เช่นนี้ การที่โจทก์ทำหน้าที่ขับรถยนต์เมื่อ ส.ซึ่งเป็นนายจ้างกล่าวว่าหากไม่มีใบอนุญาตขับขี่ก็ไม่ต้องมาทำงานนั้นย่อมทำให้โจทก์เข้าใจว่านายจ้างสั่งให้โจทก์หยุดการทำงานไว้ก่อนจนกว่าจะได้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์กลับคืนมา เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยมีระเบียบข้อบังคับว่าผู้มีหน้าที่ขับรถยนต์จะต้องมาปฏิบัติหน้าที่อื่นในกรณีเช่นนี้ด้วย การที่โจทก์ไม่ได้มาทำงานในระหว่างวันดังกล่าว จึงมิใช่เป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างโดยมิได้มีความผิด ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตาม ป.พ.พ.มาตรา 582 ให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 878/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากความผิดร้ายแรง: การกระด้างกระเดื่องและทำร้ายร่างกายผู้บังคับบัญชา
ธ. และโจทก์ต่างเป็นลูกจ้างจำเลยโดย ธ. เป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นผู้รับใบลาของโจทก์ ธ. ย่อมมีอำนาจที่จะสอบถามถึงการป่วยของโจทก์ได้แต่เมื่อถูกถามโจทก์กลับท้าทายให้ธ. ออกไปต่อสู้กับโจทก์นอกที่ทำการบริษัทจำเลยจึงเป็นการกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชาโจทก์คว้าคอเสื้อ ธ. ในขณะที่อีกมือหนึ่งถือไม้หน้าสามเพื่อจะตีทำร้ายแม้จะเป็นการกระทำนอกบริษัทจำเลยแต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันไปจากภายในบริษัทจำเลยถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์เดียวกันเป็นการกระทำโดยจงใจทำให้บริษัทจำเลยได้รับความเสียหายเป็นความผิดวินัยร้ายแรงจำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536-542/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งให้นายจ้างส่งลูกจ้างไปทำงานนอกกิจการของตนเองไม่ชอบด้วยกฎหมาย การเลิกจ้างจึงไม่เป็นธรรม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา575,583และประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ47(3)ได้กำหนดให้ลูกจ้างมีหน้าที่ทำงานให้แก่นายจ้างโดยทำงานตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างดังนั้นคำสั่งของนายจ้างที่ลูกจ้างจักต้องปฏิบัติตามก็จะต้องเป็นคำสั่งที่ให้ลูกจ้างทำงานตามหน้าที่ของลูกจ้างและเป็นงานในกิจการของนายจ้างนั้น จำเลยมีปัญหาในการผลิตเนื่องจากเกิดการผละงานในบริษัท อ.ที่จำเลยเป็นลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์พื้นยางรองเท้ามาผลิตเป็นรองเท้าจำเลยได้ชี้แจงให้ลูกจ้างทราบความจำเป็นที่จะต้องให้ลูกจ้างจำเลยไปทำงานที่บริษัท อ. โจทก์ทั้งเจ็ดและลูกจ้างอื่นก็ไปทำงานให้ตามประสงค์ชอบด้วยกฎหมายและการแรงงานสัมพันธ์ที่ดีแต่ที่จำเลยสั่งให้โจทก์ทั้งเจ็ดไปทำงานที่บริษัท อ. หลังจากที่โจทก์ทั้งเจ็ดกลับไปที่บริษัทจำเลยและสั่งเช่นเดียวกันซ้ำอีกครั้งหนึ่งหลังจากได้ลงโทษโจทก์ทั้งเจ็ดที่ไม่ปฏิบัติคำสั่งครั้งแรกนั้นเมื่อบริษัทอ. มิได้เป็นกิจการของจำเลยทั้งงานที่จำเลยสั่งให้โจทก์ทั้งเจ็ดทำที่บริษัท อ. ก็มิใช่งานตามหน้าที่ของโจทก์ทั้งเจ็ดคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์ทั้งเจ็ดไปทำงานนอกหน้าที่ของลูกจ้างและเป็นงานของบุคคลอื่นเช่นนี้ย่อมมิใช่คำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายการที่โจทก์ทั้งเจ็ดไม่ไปทำงานดังกล่าวย่อมถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดขัดหรือฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นจำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่1ที่2ที่4ถึงที่7จึงเป็นการเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมทั้งจำเลยจะต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยให้แก่โจทก์ดังกล่าวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536-542/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งนายจ้างต้องชอบด้วยกฎหมายและอยู่ในขอบเขตหน้าที่/กิจการของนายจ้าง การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
คำสั่งของนายจ้างที่ลูกจ้างต้องปฏิบัติตามป.พ.พ.มาตรา575,583และประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ47(3)ต้องเป็นคำสั่งให้ลูกจ้างทำงานตามหน้าที่ของลูกจ้างและเป็นงานในกิจการของนายจ้างการที่จำเลยให้โจทก์ทั้งเจ็ดไปทำงานที่บริษัทอ. ซึ่งมิได้เป็นกิจการของจำเลยทั้งมิใช่งานตามหน้าที่ของโจทก์ทั้งเจ็ดย่อมมิใช่คำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายกรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งเจ็ดขัดหรือฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7420/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประท้วงหยุดงานโดยมิชอบเป็นละเมิดสัญญาจ้าง
ลูกจ้างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างตามสัญญาจ้าง การที่นายจ้างยังไม่ได้ประกาศจ่ายเงินโบนัสแก่ลูกจ้าง ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้สิทธิแก่ลูกจ้างในการที่จะประท้วงด้วยการหยุดงาน การประท้วงหยุดงานของลูกจ้างจึงเป็นการผิดสัญญาจ้าง ถือได้ว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่