พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำผิดกรรมเดียว
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 10 บัญญัติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7 ดังนั้น การที่จำเลยมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่นไว้ในความครอบครองจึงเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดเพียงกรรมเดียว
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่นดิบและมีมูลฝิ่นเป็น 2 กรรมเป็นการไม่ชอบ แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่นดิบและมีมูลฝิ่นเป็น 2 กรรมเป็นการไม่ชอบ แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2641/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางโทษคดีฝิ่น: ศาลฎีกาชี้การปรับบทลงโทษตามกฎหมายแก้ไขเป็นไปผิดพลาด ต้องใช้บทเดิม
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 69วรรคสามขยายความมาตรา69 วรรคสอง เฉพาะความผิดฐานจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ซึ่งเป็นมอร์ฟีน ฝิ่นหรือโคคาอีนที่มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม
จำเลยมีมูลฝิ่นหนัก 8.5 กรัม ไว้ในครอบครอง จึงต้องวางอัตราโทษตามมาตรา 69 วรรคหนึ่ง ศาลล่างวางโทษจำเลยตามมาตรา 6แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่2) พ.ศ.2528 ซึ่งเป็นบทแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 69 วรรคสามและวรรคสี่ด้วยนั้นไม่ถูก ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเป็นไม่ปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่2)พ.ศ.2528 มาตรา 6.
จำเลยมีมูลฝิ่นหนัก 8.5 กรัม ไว้ในครอบครอง จึงต้องวางอัตราโทษตามมาตรา 69 วรรคหนึ่ง ศาลล่างวางโทษจำเลยตามมาตรา 6แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่2) พ.ศ.2528 ซึ่งเป็นบทแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 69 วรรคสามและวรรคสี่ด้วยนั้นไม่ถูก ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเป็นไม่ปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่2)พ.ศ.2528 มาตรา 6.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการใช้มาตรา 69 วรรคสาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ แก้ไขเพิ่มเติม มิได้ขยายถึงวรรคแรก
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคสาม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 6 นั้น เป็นการบัญญัติกฎหมายขยายความในมาตรา 69 วรรคสอง ซึ่งเป็นเรื่องของการจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 มิได้ประสงค์ให้ใช้กับมาตรา69 วรรคแรกซึ่งเป็นเรื่องมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการใช้มาตรา 69 วรรคสาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ไม่ขยายผลถึงวรรคแรก การลงโทษชอบด้วยกฎหมาย
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคสามซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528มาตรา 6 นั้น เป็นการบัญญัติกฎหมายขยายความในมาตรา 69 วรรคสองซึ่งเป็นเรื่องของการจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 มิได้ประสงค์ให้ใช้กับมาตรา69 วรรคแรกซึ่งเป็นเรื่องมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับใช้มาตรา 69 พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ กรณีครอบครองฝิ่น ปริมาณน้อยกว่า 100 กรัม
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคสามขยายความมาตรา 69 วรรคสอง เฉพาะความผิดฐานจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 อันเป็น มอร์ฟีน ฝิ่น หรือโคคาอีนที่มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม มิได้ขยายความมาตรา 69 วรรคหนึ่งด้วย
จำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครองหนัก 7.7 กรัม จึงต้องวางอัตราโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง.
จำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครองหนัก 7.7 กรัม จึงต้องวางอัตราโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบของกฎหมายใหม่ต่อคดีเก่า: เปลี่ยนโทษจากกฎหมายฝิ่นเป็นกฎหมายยาเสพติดให้โทษ
ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 3 ยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 โดยบัญญติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และมาตรา 17 บัญญัติห้ามมิให้มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครอง หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 69 ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 อันเป็นกรณีที่กฎหมายซึ่งใช้ในขณะกระทำผิด แตกต่างกับกฎหมายซึ่งใช้ในภายหลังการกระทำผิดเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายยาเสพติดระหว่างการพิจารณาคดี และผลกระทบต่อโทษจำคุก
ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 3 ยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 โดยบัญญัติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และมาตรา 17 บัญญัติห้ามมิให้มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครอง หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 69 ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 อันเป็นกรณีที่กฎหมายซึ่งใช้ในขณะกระทำผิด แตกต่างกับกฎหมายซึ่งใช้ในภายหลังการกระทำผิดเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4565/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบของกฎหมายใหม่ต่อคดีเก่า: การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากฝิ่นเป็นยาเสพติด และข้อจำกัดในการขอให้นับโทษ
ขณะจำเลยกระทำความผิดนั้น พระราชบัญญัติฝิ่นยังใช้บังคับอยู่แต่ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกามีพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 ยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น เสียทั้งหมด แล้วกำหนดให้ฝิ่นและมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 และการมีฝิ่นไว้ในความครอบครองกับการเสพฝิ่นยังเป็นความผิดอยู่ แต่ไม่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด จึงต้องใช้พระราชบัญญัติฝิ่นที่ใช้ในขณะ กระทำความผิดบังคับแก่คดี สำหรับการมีกล้องสูบฝิ่นไม่ปรากฏว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2528 บัญญัติว่า เป็นความผิดการกระทำของจำเลยซึ่งเดิมเป็นความผิด จึงไม่เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
คำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งนั้น โจทก์ต้องขอมาในฟ้อง หรือขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา63 การที่โจทก์ เพิ่งมายื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นเมื่อศาลชั้นต้น พิพากษาคดีแล้ว และโจทก์อุทธรณ์คดีอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นจะส่ง สำนวนไปศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงขอไม่ได้
คำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งนั้น โจทก์ต้องขอมาในฟ้อง หรือขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา63 การที่โจทก์ เพิ่งมายื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นเมื่อศาลชั้นต้น พิพากษาคดีแล้ว และโจทก์อุทธรณ์คดีอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นจะส่ง สำนวนไปศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงขอไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4565/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบของกฎหมายใหม่ต่อคดีเก่า: การยกเลิก พ.ร.บ.ฝิ่น และการนับโทษที่ล่าช้า
ขณะจำเลยกระทำความผิดนั้น พระราชบัญญัติฝิ่นยังใช้บังคับอยู่ แต่ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกามีพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 ยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น เสียทั้งหมด แล้วกำหนดให้ฝิ่นและมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 และการมีฝิ่นไว้ในความครอบครองกับการเสพฝิ่นยังเป็นความผิดอยู่ แต่ไม่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดจึงต้องใช้พระราชบัญญัติฝิ่นที่ใช้ในขณะ กระทำความผิดบังคับแก่คดี สำหรับการมีกล้องสูบฝิ่นไม่ปรากฏว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่2)พ.ศ. 2528 บัญญัติว่า เป็นความผิดการกระทำของจำเลยซึ่งเดิมเป็นความผิด จึงไม่เป็นความผิด อีกต่อไป จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
คำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งนั้น โจทก์ต้องขอมาในฟ้อง หรือขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา163 การที่โจทก์ เพิ่งมายื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นเมื่อศาลชั้นต้น พิพากษาคดีแล้ว และโจทก์อุทธรณ์คดีอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นจะส่ง สำนวนไปศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงขอไม่ได้
คำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งนั้น โจทก์ต้องขอมาในฟ้อง หรือขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา163 การที่โจทก์ เพิ่งมายื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นเมื่อศาลชั้นต้น พิพากษาคดีแล้ว และโจทก์อุทธรณ์คดีอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นจะส่ง สำนวนไปศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงขอไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอาญา: ความผิดเกิดขึ้นต่างท้องที่ – การสอบสวนในกรุงเทพฯ ทำให้ศาลอาญามีอำนาจพิจารณา
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์เมื่อล่วงเลยกำหนดอายุอุทธรณ์แล้วว่า ความผิดคดีนี้เกิดขึ้นใน เขตศาลจังหวัดลำพูนและเขตศาลจังหวัดเชียงใหม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องที่ศาลอาญา ปัญหานี้แม้ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้แต่ เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย เมื่อจำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ที่จังหวัดลำพูน จับจำเลย ที่ 2 ที่กรุงเทพมหานคร ได้ในวันเดียวกันพร้อมด้วย มอร์ฟีนของกลาง ต่อมาจับจำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้ที่ จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ตั้งข้อหาว่า จำเลยร่วมกันมีมอร์ฟีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้ทำการสอบสวนความผิดที่ถูกกล่าวหานี้แล้วที่ กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ ศาลอาญาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1)
เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ที่จังหวัดลำพูน จับจำเลย ที่ 2 ที่กรุงเทพมหานคร ได้ในวันเดียวกันพร้อมด้วย มอร์ฟีนของกลาง ต่อมาจับจำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้ที่ จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ตั้งข้อหาว่า จำเลยร่วมกันมีมอร์ฟีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้ทำการสอบสวนความผิดที่ถูกกล่าวหานี้แล้วที่ กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ ศาลอาญาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1)