คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 448

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: เริ่มนับจากวันที่รู้การละเมิดหรือวันที่ทำละเมิด
การเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด ป.พ.พ. มาตรา 448วรรคแรก กำหนดวิธีการกับอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงไม่ใช่วิธีนับอายุความทั่วไป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 169 เดิม (มาตรา 193/12) โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยทั้งสี่จงใจหรือประมาทเลินเล่อปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ตั้งแต่วันที่ 1มิถุนายน 2521 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2523 มูลละเมิดย่อมเกิดอย่างช้าที่สุดในวันที่ 30 เมษายน 2523 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 15เมษายน 2534 ซึ่งล่วงพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิดแล้วคดีโจทก์ย่อมขาดอายุความ จำเลยที่ 1 ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายในเรื่องอายุความซึ่งจำเลยทั้งสี่ก็ได้ยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฟ้องโจทก์ว่าขาดอายุความ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสี่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของลูกจ้างต่อการไม่ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งนายจ้าง รวมถึงอายุความฟ้องในกรณีผิดสัญญาจ้าง
การที่จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ย่อมมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งของโจทก์ไม่ว่าจะเป็นระเบียบที่มีอยู่เดิมหรือที่ออกในภายหลัง เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งของโจทก์ จำเลยจึงผิดสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลย คำฟ้องของโจทก์ที่ฟ้องให้จำเลยรับผิดเนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์จงใจฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และโจทก์ได้มีคำสั่งปลดจำเลยออกจากธนาคารโจทก์แล้วฐานปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และขาดความไว้วางใจนั้นเป็นการฟ้องในมูลผิดสัญญาจ้างแรงงานจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างผิดสัญญาจ้างจากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ/คำสั่งของนายจ้าง อายุความตาม ปพพ. มาตรา 193/30
การที่จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ย่อมมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งของโจทก์ไม่ว่าจะเป็นระเบียบที่มีอยู่เดิมหรือที่ออกในภายหลัง เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งของโจทก์ จำเลยจึงผิดสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลย
คำฟ้องของโจทก์ที่ฟ้องให้จำเลยรับผิดเนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์จงใจฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และโจทก์ได้มีคำสั่งปลดจำเลยออกจากธนาคารโจทก์แล้วฐานปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และขาดความไว้วางใจนั้น เป็นการฟ้องในมูลผิดสัญญาจ้างแรงงานจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4114/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีละเมิด เริ่มนับจากวันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้กระทำละเมิด
การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ด้วยความประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย แต่คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งของโจทก์เสนอความเห็นให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2530ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีผู้ใดต้องรับผิดชดใช้ทางแพ่ง โจทก์รายงานผลการสอบสวนดังกล่าวให้กระทรวงการคลังทราบตามระเบียบ ต่อมาคณะกรรมการที่ปรึกษาความรับผิดทางแพ่งซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีเห็นว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จึงแจ้งความเห็นดังกล่าวให้โจทก์ทราบในวันที่ 9 กรกฎาคม 2530 นั้น เมื่อในวันที่14 มกราคม 2530 ที่โจทก์ทราบความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนของโจทก์นั้นโจทก์ไม่อาจรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ โจทก์เพิ่งรู้ถึงการกระทำละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อโจทก์ทราบความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษาความรับผิดทางแพ่งในวันที่ 9 กรกฎาคม 2530ว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 1กรกฎาคม 2531 ยังไม่เกิน 1 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4055/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดที่ราชพัสดุ เริ่มนับแต่วันที่อธิบดีกรมธนารักษ์ทราบการละเมิดและผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
ที่ดินที่ตั้งสนามบินเชียงเครือใช้ในราชการของกองทัพอากาศและท่าอากาศยานสกลนครใช้เพื่อกิจการบินพาณิชย์ของกรมการบินพาณิชย์เป็นที่ราชพัสดุ อยู่ในความปกครองดูแลของกรมธนารักษ์ ซึ่งเป็นกรมในสังกัดของกระทรวงการคลังโจทก์กรมธนารักษ์ซึ่งเป็นนิติบุคคล มีอธิบดีเป็นผู้แทน อายุความฟ้องผู้ทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่ที่ราชพัสดุ จึงเริ่มนับแต่วันที่อธิบดีกรมธนารักษ์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน มิใช่นับตั้งแต่วันที่เจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4055/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดต่อที่ราชพัสดุ เริ่มนับจากวันที่อธิบดีกรมธนารักษ์ทราบการละเมิดและตัวผู้กระทำละเมิด
ที่ราชพัสดุใช้เป็นสนามบินเพื่อประโยชน์ในราชการของกองทัพอากาศอยู่ในความปกครองดูแลรักษาของกรมธนารักษ์ อายุความฟ้องผู้ทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่ที่ราชพัสดุรายนี้ จึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่อธิบดีกรมธนารักษ์ได้รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน มิใช่นับตั้งแต่วันที่เจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยในข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ อธิบดีกรมธนารักษ์ทราบจากผู้บัญชาการทหารอากาศที่แจ้งให้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 19 ธันวาคม 2528ยังไม่พ้นหนึ่งปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3736/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีค้ำประกัน และการให้การปฏิเสธฟ้องที่ไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับ ส. เข้าทำงาน โดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันว่า หากส.ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ไม่ว่าทางแพ่งและทางอาญา จำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์โดยไม่จำกัดจำนวน ต่อมา ส. ได้ลักเอาสินค้าของโจทก์ไปคิดเป็นเงินจำนวน 17,789 บาท ขอให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ ดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์ หาใช่เป็นเรื่องที่ฟ้องอ้างว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์อันจะมีอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 ไม่ และการใช้สิทธิเรียกร้องให้ผู้ค้ำประกันรับผิดในกรณีเช่นนี้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 จำเลยให้การว่า ส. จะได้ลักเอาสินค้าของโจทก์ไปและทำให้โจทก์เสียหายตามฟ้องหรือไม่ จำเลยไม่ทราบและไม่อาจรับรองได้เป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องรุกล้ำที่ดินไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุวันละเมิด โจทก์ขอค่าเสียหายต่อเนื่องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอน
คำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดเลขที่ 1674 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่249 และ 251 จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ ปรากฏว่าห้องแถวเลขที่ 253 และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินโฉนดเลขที่ 1674 ของโจทก์รวมเนื้อที่รุกล้ำประมาณ9 ตารางเมตร โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยชัดแจ้งแล้วว่าห้องแถวและรั้วของจำเลยปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ส่วนที่ว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่ สุจริตอย่างไร และรุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วนนั้น เป็นข้อที่จำเลยจะต่อสู้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ในภายหลังและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะจำเลยให้การต่อสู้ว่า ห้องแถวและรั้วของจำเลยได้มีการปลูกสร้างมาก่อนที่บิดาจำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 จากเจ้าของเดิม แม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตาม แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ดังนั้นตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไป การละเมิดก็ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องกันตลอดมา อีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการขาดประโยชน์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้น โจทก์หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องหรือค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้อีก คำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดิน: คำฟ้องแสดงสภาพแห่งข้อหาชัดเจน แม้ไม่ได้ระบุเวลาละเมิดหรือเจตนา
คำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดเลขที่ 1674 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่ 249 และ251 จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ ปรากฏว่าห้องแถวเลขที่ 253และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินโฉนดเลขที่ 1674 ของโจทก์รวมเนื้อที่รุกล้ำประมาณ 9 ตารางเมตร โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยชัดแจ้งแล้วว่าห้องแถวและรั้วของจำเลยปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ส่วนที่ว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่ สุจริตอย่างไร และรุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วนนั้น เป็นข้อที่จำเลยจะต่อสู้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ในภายหลังและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะจำเลยให้การต่อสู้ว่า ห้องแถวและรั้วของจำเลยได้มีการปลูกสร้างมาก่อนที่บิดาจำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 จากเจ้าของเดิม
แม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตาม แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไป การละเมิดก็ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องกันตลอดมาอีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการขาดประโยชน์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้น โจทก์หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องหรือค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้อีก คำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจฟ้องคดี: อำนาจผู้รับมอบ, ไม่จำกัดชื่อจำเลย/ข้อหา, อายุความละเมิด (ยักยอกทรัพย์)
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ ระบุว่า โจทก์มอบอำนาจให้ ว.ส., ป., ก. คนใดคนหนึ่งในสี่คนเป็นผู้แทนของโจทก์และให้มีอำนาจกระทำการแจ้งความดำเนินคดี แต่งตั้งทนายความ ฟ้องต่อสู้และดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจการสหกรณ์โจทก์ ดังนี้ ผู้รับมอบอำนาจของโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบุคคลใดในข้อหาใดที่เกี่ยวกับกิจการของโจทก์ได้โดยไม่จำเป็นต้องระบุชื่อบุคคลและข้อหาที่จะฟ้องในหนังสือมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ย่อมฟ้องจำเลยที่ 1ผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 ผู้จำนองและผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไว้ต่อโจทก์โดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวได้ โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์สินคืนจากจำเลยที่ 1 ซึ่งยักยอกทรัพย์สินของโจทก์ไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336จึงไม่อยู่ในบังคับอายุความละเมิดตามมาตรา 448
of 77