คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 448

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3649/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องทรัพย์คืนและอายุความฟ้องร้อง: การซื้อขายฝาก การครอบครอง และการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
เมื่อบ้านที่ขายฝากตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้วจำเลยไม่มีสิทธิจะยึดถือครอบครองและจะต้องส่งมอบบ้านแก่โจทก์การที่จำเลยรื้อบ้านดังกล่าวจะเป็นการทำละเมิดด้วยหรือไม่ก็ตามแต่ที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชดใช้ราคาบ้านรวมทั้งค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้ใช้บ้านซึ่งโจทก์รับซื้อฝากไว้มีลักษณะเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความฟ้องร้องไว้โดยเฉพาะจึงต้องถือว่ามีอายุความฟ้องร้อง10ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา164หาใช่เป็นเรื่องละเมิดอย่างเดียวและมีอายุความเพียง1ปีไม่ การที่จำเลยเป็นผู้ขอให้เรียกกรมการศาสนาเข้ามาเป็นคู่ความเองและคำฟ้องของกรมการศาสนาก็เป็นเรื่องให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์เช่าจากกรมการศาสนาจึงเป็นเรื่องเดียวกันและเกี่ยวกับฟ้องเดิมเพียงขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยเท่านั้นและคดีนี้ก็ไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าเสียหายซ้ำซ้อนเพราะจำเลยยอมรับมาเองว่ากรมการศาสนาได้รับความเสียหายซึ่งศาลชั้นต้นก็ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่กรมการศาสนาตามนั้นจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นอีกไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192-193/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างละเมิด/ผิดสัญญา นายจ้างฟ้องได้ทั้งสองทาง อายุความ 10 ปี (สัญญา) หรือ 1 ปี (ละเมิด) ศาลวินิจฉัยชอบแล้ว
เมื่อการกระทำของลูกจ้างเป็นทั้งละเมิดและผิดสัญญาจ้างแรงงานนายจ้างย่อมมีสิทธิฟ้องได้ทั้งสองทางสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีอายุความ10ปีนายจ้างฟ้องคดีภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงยังไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4470/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของทรัพย์จากการกระทำละเมิด, ความรับผิดของหุ้นส่วนจำกัด, และอายุความฟ้องร้องค่าเสียหาย
โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวได้จดทะเบียนให้ ส. เป็นผู้ทรงสิทธิเก็บกิน ส. มีสิทธิครอบครองใช้และถือเอาซึ่งประโยชน์จากตึกแถว แต่กรรมสิทธิ์ในตึกแถวยังเป็นของโจทก์ ด้วยอำนาจการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดทำให้ตึกแถวเสียหายได้ การที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด ต้องร่วมรับผิดในบรรดาหนี้ของห้างโดยไม่จำกัดแม้หนี้ดังกล่าวจะเกิดจากมูลละเมิด โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อตึกแถวของโจทก์ จึงมีอายุความหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อโจทก์ฟ้องคดียังไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำละเมิดคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4366/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีความรับผิดทางละเมิด: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้รับผิดชอบทำให้เริ่มนับอายุความ
อธิบดีกรมตำรวจเป็นผู้แทนรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรมตำรวจ เมื่ออธิบดีกรมตำรวจได้ออกคำสั่งกำหนดสายงานของกรมตำรวจและมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้รองอธิบดีและผู้ช่วยอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดี การปฏิบัติราชการของผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจภายในกรอบอำนาจตามคำสั่งดังกล่าวเป็นการปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมตำรวจ มีผลเท่ากับเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ของอธิบดีกรมตำรวจ การที่ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจในฐานะดังกล่าวรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคือจำเลยตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2521 ถือได้ว่ากรมตำรวจโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคือจำเลยตั้งแต่วันดังกล่าวโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2523 คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4221/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สาระสำคัญของฟ้องคือผิดสัญญาจ้างแรงงาน แม้ระบุฐานความผิดเป็นละเมิด ศาลต้องพิจารณาอายุความตามสัญญาจ้าง
คำฟ้องโจทก์ในช่องข้อหาหรือฐานความผิดระบุว่า "ละเมิดเรียกค่าเสียหาย"ฟ้องข้อ 3 บรรยายว่า "ระหว่างที่จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ทำหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางจำเลยได้ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย" แต่ฟ้องข้อ 2 ก็ได้บรรยายว่า "จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของโจทก์เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2526 มีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางรับส่งผู้โดยสารตามสัญญาจ้างแรงงาน"เมื่ออ่านฟ้องสองข้อประกอบกันแล้วย่อมเห็นได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ บกพร่องต่อหน้าที่อันเกิดแต่สัญญาจ้างแรงงานในการขับรถเป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาจ้างแรงงาน มิใช่ฟ้องเรื่องละเมิดแม้โจทก์จะระบุข้อหาหรือฐานความผิดคลาดเคลื่อนไปว่าเป็นละเมิดก็ไม่ทำให้สารัตถะในฟ้องซึ่งเป็นเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานกลายเป็นฟ้องเรื่องละเมิดไปได้จะใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4221/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักษณะของฟ้องผิดสัญญาจ้างแรงงาน แม้ระบุข้อหาละเมิด สารัตถะยังคงเป็นเรื่องผิดสัญญา อายุความใช้ตามสัญญาจ้าง
คำฟ้องโจทก์ในช่องข้อหาหรือฐานความผิดระบุว่า 'ละเมิดเรียกค่าเสียหาย'ฟ้องข้อ 3 บรรยายว่า 'ระหว่างที่จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ทำหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางจำเลยได้ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย' แต่ฟ้องข้อ 2 ก็ได้บรรยายว่า 'จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของโจทก์เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2526 มีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางรับส่งผู้โดยสารตามสัญญาจ้างแรงงาน'เมื่ออ่านฟ้องสองข้อประกอบกันแล้วย่อมเห็นได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ บกพร่องต่อหน้าที่อันเกิดแต่สัญญาจ้างแรงงานในการขับรถเป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาจ้างแรงงานมิใช่ฟ้องเรื่องละเมิดแม้โจทก์จะระบุข้อหาหรือฐานความผิดคลาดเคลื่อนไปว่าเป็นละเมิดก็ไม่ทำให้สารัตถะในฟ้องซึ่งเป็นเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานกลายเป็นฟ้องเรื่องละเมิดไปได้จะใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4151/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีละเมิดจากการทำงาน เมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีข้ามประเภท
โจทก์ฟ้องว่า การที่โซดาแอชของโจทก์เสียหายเป็นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย และไม่เอาใจใส่ระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของโจทก์ และเป็นการจงใจทำให้โซดาแอชเสียหาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ และผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ต้องใช้ค่าเสียหายดังนี้เป็นคำฟ้องให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในความผิดฐานละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420และตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 8(5) โจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2525และจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2525 โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2526 จึงเป็นการฟ้องภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตาม มาตรา 448 ต่อมาศาลแพ่งได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2526 ให้นำคดีไปฟ้องต่อศาลแรงงานกลาง ถือได้ว่าศาลแพ่งได้ยกคดีของโจทก์เสียเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแพ่งแต่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลาง ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 บัญญัติให้ขยายอายุความนี้ออกไปถึง 6 เดือน ภายหลังคำพิพากษานั้น โจทก์นำคดีมาฟ้องต่อศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2526คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3593/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากต้นไม้ล้มเอน: ความรับผิดต่อเนื่องและการคำนวณอายุความ
ต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดินของโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยตัด จำเลยก็ไม่ยอมตัดและไม่ยอมให้โจทก์ตัดแสดงว่าจำเลยยังครอบครองและแสดงความหวงแหนเป็นเจ้าของต้นไม้นั้นอยู่ ดังนั้นตราบใดที่จำเลยยังคงปล่อยให้ต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยไม่ยอมค้ำจุนหรือตัดออกเพื่อระงับความเสียหายอันจะพึงเกิดแก่โจทก์ต่อไป ย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ติดต่อกันมาอยู่ตราบนั้น โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย ส่วนที่ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปีย้อนหลังไปนับแต่วันฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3593/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากต้นไม้ล้มทับ - อายุความ - การกระทำละเมิดต่อเนื่อง
ต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดินของโจทก์โจทก์บอกกล่าวให้ จำเลยตัด จำเลยก็ไม่ยอมตัดและไม่ยอมให้โจทก์ ตัดแสดงว่าจำเลย ยังครอบครองและแสดงความหวงแหนเป็นเจ้าของต้นไม้นั้นอยู่ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังคงปล่อยให้ต้นไม้ของจำเลยล้มเอนเข้าไปในที่ดิน ของโจทก์โดยไม่ยอมค้ำจุนหรือตัดออกเพื่อระงับความเสียหาย อันจะพึงเกิดแก่โจทก์ต่อไป ย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ติดต่อกันมาอยู่ตราบนั้นโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนที่ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปีย้อนหลังไปนับแต่วันฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3539/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้ อายุความสะดุดหยุด และฟ้องเคลือบคลุมที่ศาลอุทธรณ์ต้องห้าม
จำเลยทำหนังสือรับว่าในปี พ.ศ.2522 ระหว่างที่จำเลยมีส่วนรับผิดชอบในการรับเงินและการจ่ายเงินของโจทก์ มีเงินขาดบัญชีไปจำนวนหนึ่ง จำเลยจะนำหลักฐานไปตรวจสอบกับบัญชีของโจทก์ภายใน 180 วันนับแต่วันทำบันทึก หากตรวจสอบได้ผลว่าเงินขาดบัญชีไปเท่าใด จำเลยยินยอมชดใช้ให้โจทก์ภายใน 180 วัน ข้อความดังกล่าวมีความหมายว่า หากตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเงินขาดบัญชีไปจริง จำเลยยินยอมจะชดใช้ให้ ถือได้ว่าจำเลยรับสภาพต่อโจทก์ตามสิทธิเรียกร้องด้วยทำหนังสือรับสภาพให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อายุความฟ้องคดีของโจทก์จึงสะดุดหยุด ลงจำเลยรับว่าจะนำหลักฐานไปตรวจสอบบัญชีของโจทก์ภายใน 180 วันนับแต่วันทำบันทึก และรับจะชดใช้เงินที่ขาดบัญชีให้โจทก์ภายใน 180 วันเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงจึงเป็นเวลา 360 วันนับแต่วันทำบันทึกแล้วเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการทำละเมิด แต่โจทก์ฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่วันเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง โดยมิได้วินิจฉัยในประเด็น ฟ้องเคลือบคลุม โจทก์อุทธรณ์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยมิได้อ้างในคำแก้อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ประเด็นเรื่องฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ ฎีกาจำเลยข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 77