พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีแพ่ง: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้ชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีได้ยักยอกเงินของทางราชการไปในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการโจทก์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งคณะกรรมการได้ทำบันทึกเสนอโจทก์ผ่านกองวิชาการว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดด้วย แม้โจทก์จะไม่ได้เซ็นทราบในความเห็นนี้ แต่การที่กองวิชาการบันทึกเสนอความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติมเพื่อที่จะรู้ว่ายังมีใครอีกบ้างที่จะต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดและโจทก์ได้มีคำสั่งในบันทึกดังกล่าวเห็นชอบด้วยถือได้ว่าโจทก์ทราบตัวบุคคลผู้ที่จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วในวันนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช่ค่าสินไหมทดแทน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิติดตามทรัพย์สินถูกเบียดบัง: คดีไม่ขาดอายุความตามมาตรา 1336
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ซึ่งจำเลยเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว เป็นการฟ้องเพื่อติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินที่จำเลยเอาของโจทก์ไปโดยมิชอบ โจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ ไม่ใช่เป็นกรณีเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 448 คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิติดตามทรัพย์สินคืน: คดีติดตามทรัพย์สินไม่มีอายุความต่างจากคดีเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ซึ่งจำเลยเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว เป็นการฟ้องเพื่อติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินที่จำเลยเอาของโจทก์ไปโดยมิชอบ โจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ ไม่ใช่เป็นกรณีเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 448 คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: โจทก์ต้องระบุเหตุมีสิทธิฟ้องคดีแม้เกินหนึ่งปีนับจากวันที่รู้ตัวผู้กระทำละเมิด
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงวันที่ทำการละเมิดและรู้ตัวว่าจำเลยเป็นผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว โจทก์จึงต้องฟ้องคดีเสียภายในหนึ่งปีนับแต่นั้น โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินหนึ่งปี โจทก์ก็จะต้องบรรยายในฟ้องให้เห็นว่าเหตุใดโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเมื่อเกินหนึ่งปีได้ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายเหตุที่โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีดังกล่าวได้ และเมื่อจำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ศาลก็ต้องฟังว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: ผู้เสียหายต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับจากวันที่รู้ตัวผู้กระทำผิดและมูลละเมิด
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงวันที่ทำการละเมิดและรู้ตัวว่าจำเลยเป็นผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว โจทก์จึงต้องฟ้องคดีเสียภายในหนึ่งปีนับแต่นั้น โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินหนึ่งปี โจทก์ก็จะต้องบรรยายในฟ้องให้เห็นว่าเหตุใดโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเมื่อเกินหนึ่งปีได้เมื่อโจทก์มิได้บรรยายเหตุที่โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีดังกล่าวได้และเมื่อจำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ศาลก็ต้องฟังว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2561/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: เริ่มนับเมื่อรู้การละเมิดและตัวผู้ต้องใช้ค่าสินไหม ไม่ใช่เมื่อได้รับแจ้งคำวินิจฉัย
ครั้งแรกคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำตำบลมีคำวินิจฉัยว่า โจทก์นำนาพิพาทไปให้บุคคลอื่นเช่าช่วงโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิบอกเลิกไม่ให้โจทก์เช่านาพิพาทได้ตามมาตรา 32(2) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 โจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำจังหวัดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา มาตรา 43 ดังนั้นการบอกเลิกการเช่านาตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯประจำตำบลยังไม่มีผลใช้บังคับได้ในทันที เมื่อจำเลยเข้าไปทำนาพิพาทจึงเป็นการละเมิดต่อสิทธิการเข้าทำนาพิพาทของโจทก์ อายุความจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 บัญญัติไว้ อายุความมิได้นับเริ่มตั้งแต่วันที่นายอำเภอมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบถึงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ ประจำจังหวัดว่า จำเลยไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่านาพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2527/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความจำเลยร่วม: เริ่มนับจากวันที่หมายเรียกเข้า ไม่ใช่ฟ้องเริ่มต้น
แม้โจทก์จะได้ฟ้องจำเลยให้รับผิดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาแต่มูลละเมิดภายในกำหนดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคแรกแล้วก็ตามแต่เมื่อได้ขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3)ปรากฏว่าล่วงพ้นกำหนดอายุความดังกล่าวแล้ว สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยร่วมจึงเป็นอันขาดอายุความฟ้องร้องเพราะกำหนดอายุความย่อมเป็นไปเพื่อคุณและโทษแก่ลูกหนี้แต่ละคนโดยเฉพาะ
กรณีดังกล่าวจำเลยร่วมย่อมมีสิทธิเสมือนว่าตนถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 58วรรคแรกหาได้มีสิทธิเท่ากับจำเลยไม่ จำเลยร่วมจึงมีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้และกำหนดอายุความสำหรับจำเลยร่วมต้องถือตามวันที่โจทก์ขอให้หมายเรียกเข้ามาในคดีมิใช่ถือตามคำฟ้องเริ่มต้นคดี
กรณีดังกล่าวจำเลยร่วมย่อมมีสิทธิเสมือนว่าตนถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 58วรรคแรกหาได้มีสิทธิเท่ากับจำเลยไม่ จำเลยร่วมจึงมีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้และกำหนดอายุความสำหรับจำเลยร่วมต้องถือตามวันที่โจทก์ขอให้หมายเรียกเข้ามาในคดีมิใช่ถือตามคำฟ้องเริ่มต้นคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากละเมิด vs. การใช้ราคาทรัพย์สิน: ไม่ตกอยู่ในบังคับอายุความ 1 ปี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับขี่ และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดเก็บไว้ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่สถานที่เก็บรถยนต์ของโจทก์ เป็นเหตุให้หายไปขอให้ใช้ราคารถยนต์ดังกล่าว เป็นการบรรยายฟ้องให้จำเลยใช้ราคารถยนต์ในฐานะที่โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ ใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 หาใช่เป็นการ ฟ้องเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดไม่
การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น ไม่ใช่ค่าเสียหาย แต่เป็นค่าสินไหมทดแทนโจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้ราคารถยนต์เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ไม่ตกอยู่ในบังคับอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ไม่ตกอยู่ในอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยทำหน้าที่พนักงานขับรถยนต์ นำรถยนต์ของโจทก์ไปจอดไว้ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่สถานที่เก็บจอด อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์ซึ่งจำเลยทราบแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามระเบียบเกี่ยวกับการเก็บรักษารถยนต์ เป็นเหตุให้รถยนต์หายไปจำเลยจึงต้องใช้ราคารถยนต์นั้นแก่โจทก์
การฟ้องให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์เนื่องจากจำเลยทำให้ทรัพย์ของโจทก์หายไป ไม่มีกฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ก่อน
การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น ไม่ใช่ค่าเสียหาย แต่เป็นค่าสินไหมทดแทนโจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้ราคารถยนต์เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ไม่ตกอยู่ในบังคับอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ไม่ตกอยู่ในอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยทำหน้าที่พนักงานขับรถยนต์ นำรถยนต์ของโจทก์ไปจอดไว้ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่สถานที่เก็บจอด อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์ซึ่งจำเลยทราบแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามระเบียบเกี่ยวกับการเก็บรักษารถยนต์ เป็นเหตุให้รถยนต์หายไปจำเลยจึงต้องใช้ราคารถยนต์นั้นแก่โจทก์
การฟ้องให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์เนื่องจากจำเลยทำให้ทรัพย์ของโจทก์หายไป ไม่มีกฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายต่อทรัพย์สิน: การตีความค่าสินไหมทดแทน vs. ค่าเสียหาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับขี่ และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดเก็บไว้ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่สถานที่เก็บรถยนต์ของโจทก์ เป็นเหตุให้หายไปขอให้ใช้ราคารถยนต์ดังกล่าว เป็นการบรรยายฟ้องให้จำเลยใช้ราคารถยนต์ในฐานะที่โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ ใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 หาใช่เป็นการ ฟ้องเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดไม่
การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น ไม่ใช่ค่าเสียหาย แต่เป็นค่าสินไหมทดแทนโจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้ราคารถยนต์เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ไม่ตกอยู่ในบังคับอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ที่ไม่ ตกอยู่ในอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยทำหน้าที่พนักงานขับรถยนต์ นำรถยนต์ของโจทก์ไปจอดไว้ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่สถานที่เก็บจอด อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์ซึ่งจำเลยทราบแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามระเบียบเกี่ยวกับการเก็บรักษารถยนต์ เป็นเหตุให้รถยนต์หายไปจำเลยจึงต้องใช้ราคารถยนต์นั้นแก่โจทก์
การฟ้องให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์เนื่องจากจำเลยทำให้ทรัพย์ของโจทก์หายไป ไม่มีกฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ก่อน
การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น ไม่ใช่ค่าเสียหาย แต่เป็นค่าสินไหมทดแทนโจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้ราคารถยนต์เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ไม่ตกอยู่ในบังคับอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ที่ไม่ ตกอยู่ในอายุความหนึ่งปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยทำหน้าที่พนักงานขับรถยนต์ นำรถยนต์ของโจทก์ไปจอดไว้ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่สถานที่เก็บจอด อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์ซึ่งจำเลยทราบแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามระเบียบเกี่ยวกับการเก็บรักษารถยนต์ เป็นเหตุให้รถยนต์หายไปจำเลยจึงต้องใช้ราคารถยนต์นั้นแก่โจทก์
การฟ้องให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์เนื่องจากจำเลยทำให้ทรัพย์ของโจทก์หายไป ไม่มีกฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกคืนทรัพย์สินที่ถูกยักยอก: ไม่อยู่ในบังคับอายุความละเมิด แต่มีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การไฟฟ้านครหลวงโจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยพนักงานยักยอกไปคืนจากจำเลย เป็นการใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลที่ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 มิใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหายโดยอาศัยมูลละเมิดจึงไม่อยู่ในบังคับอายุความตาม มาตรา 448 แต่มีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164