พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2148/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมูลละเมิดและการละทิ้งคดี: ผลกระทบต่อการสะดุดหยุดของอายุความ
โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดภายในอายุความ 1 ปี แม้มีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 173 แต่เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรกนั้น ย่อมถือได้ว่าโจทก์ละทิ้งคดีและไม่นับว่าการฟ้องคดีดังกล่าวเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 174 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 74/2512) การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีหลัง เมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่โจทก์ทราบว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคแรก
กรณีศาลสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรกนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะเสนอคำฟ้องใหม่ได้ แต่ต้องอยู่ภายในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยอายุความ
กรณีศาลสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรกนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะเสนอคำฟ้องใหม่ได้ แต่ต้องอยู่ภายในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: วันหยุดราชการมีผลต่อการนับอายุความ
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2516 ฉะนั้นอายุความเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแก่มูลละเมิดซึ่งมี 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์นั้น จึงครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม 2517 แต่ปรากฎว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 ตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีในวันที่ 4 มีนาคม 2517 ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 และข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 เป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไป ศาลรู้ได้เองและหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้คู่ความไม่จำเป็นต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: วันหยุดราชการขยายเวลาฟ้องได้
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม2516 ฉะนั้นอายุความเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแก่มูลละเมิดซึ่งมี 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น จึงครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม2517 แต่ปรากฏว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 ตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีในวันที่ 4 มีนาคม 2517 ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 และข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 เป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไป ศาลรู้ได้เองและหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ คู่ความไม่จำเป็นต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดของพนักงาน: เริ่มนับเมื่อใด
บิลเก็บเงินค่าน้ำของโจทก์ขาดบัญชีไป และโจทก์รู้ว่า ก. และ ว. เป็นผู้ทำละเมิดจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2515 โจทก์ได้ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีผู้บังคับบัญชาของ ก. และ ว. คนใดบ้านที่จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของบุคคลทั้งสอง และได้ทราบผลของการสอบสวนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2516 ว่าจำเลยทั้งสี่ในฐานะผู้บังคับชาของ ก. และ ว. จะต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2517 เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2516 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบผลของการสอบสวนจากคระกรรมการสอบสวน โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2517 ภายใน 1 ปี คดีโจทก์สำหรับจำเลยทั้ง 4 จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเสียหายจากละเมิด: เริ่มนับเมื่อใด? ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเริ่มนับเมื่อทราบตัวผู้ต้องรับผิดชอบ
บิลเก็บเงินค่าน้ำของโจทก์ขาดบัญชีไป และโจทก์รู้ว่า ก. และ ว. เป็นผู้ทำละเมิดจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2515 โจทก์ได้ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีผู้บังคับบัญชาของ ก. และ ว. คนใดบ้างที่จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของบุคคลทั้งสองและได้ทราบผลของการสอบสวนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2516 ว่าจำเลยทั้งสี่ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ ก. และ ว. จะต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2517 เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2516 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบผลของการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวน โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2517 ภายใน 1 ปี คดีโจทก์สำหรับจำเลยทั้ง 4 นี้จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากละเมิด: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้กระทำผิดของนิติบุคคล
ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ข้อ 32วรรคสองว่า"กรมมีอธิบดีเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ฯลฯ" ดังนั้นการที่จะถือว่ากรมตำรวจโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่ออธิบดีกรมตำรวจโจทก์หรือผู้ทำการแทนรู้เรื่องการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือว่าเมื่อประธานกรรมการสอบสวนรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนต้องถือว่าโจทก์รู้ด้วยหาได้ไม่ เพราะตามระเบียบราชการนั้นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงจะต้องพิจารณาก่อนว่าเรื่องราวและความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เสนอไปนั้นถูกต้องหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเสียหาย: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้ต้องรับผิดของนิติบุคคล
ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ข้อ 32 วรรค 2 ว่า "กรมมีอธิบดีเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ฯลฯ" ดังนั้น การที่จะถือว่ากรมตำรวจโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อ อธิบดีกรมตำรวจโจทก์ หรือผู้ทำการแทนรู้เรื่องการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือว่าเมื่อประธานกรรมการสอบสวนรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนตือถือว่าโจกท์รู้ด้วยหาได้ไม่ เพราะตามระเบียบราชการนั้นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงจะต้องพิจารณาก่อนว่าเรื่องราวและความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เสนอไปนั้นถูกต้องหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน, การรับสภาพหนี้, และอายุความในคดีละเมิด
โจทก์มอบให้การไฟฟ้านครหลวงดูแลรักษาซ่อมแซมเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งตามถนนและชอบ ตลอดจนติดตามเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับรถชน จำเลยขับรถยนต์ชนเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย ดังนี้ โจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในเสาและโคมไฟฟ้า ย่อมมีอำนาจฟ้องเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากจำเลยได้
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไป แต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้ เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือของวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์ อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไป แต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้ เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือของวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์ อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน, การรับสภาพหนี้, และอายุความในคดีละเมิด
โจทก์มอบให้การไฟฟ้านครหลวงดูแลรักษาซ่อมแซมเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์ที่ติดตั้งตามถนนและซอย ตลอดจนติดตามเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับรถชน จำเลยขับรถยนต์ชนเสาและโคมไฟฟ้าของโจทก์เสียหาย ดังนี้ โจทก์เป็นเจ้าของมีกรรมสิทธิ์ในเสาและโคมไฟฟ้า ย่อมมีอำนาจฟ้องเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากจำเลยได้
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวน เงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไปแต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือลงวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปีคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
หนังสือของจำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธหรือโต้แย้งถึงจำนวน เงินค่าสินไหมทดแทนตามที่การไฟฟ้านครหลวงทวงไปแต่บอกให้การไฟฟ้านครหลวงติดต่อกับบริษัทที่จำเลยเอาประกันภัยรถยนต์ไว้ ถ้าขัดข้องจำเลยจะจัดการให้เรียบร้อย ดังนี้เป็นการรับสภาพหนี้แล้ว
จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2516 จำเลยทำหนังสือลงวันที่ 22 มกราคม 2517 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์อายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2518 ยังอยู่ในอายุความ 1 ปีคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีแพ่งจากความผิดอาญา: ผู้แทนจำหน่ายไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
โจทก์เป็นเพียงผู้แทนให้จำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า บี.เอ็ม.ดับบลิว ของบริษัท ม. โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะใช้สิทธิฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องจากความผิดทางอาญาดังนั้นโจทก์จะอาศัยสิทธิตามกำหนดอายุความตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 51 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (คืออายุความ 10 ปี) มาเป็นกำหนดอายุความไม่ได้