พบผลลัพธ์ทั้งหมด 556 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า: ภาระการพิสูจน์ของผู้ฟ้องอ้างการครอบครองแทน
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1367โจทก์อ้างว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทแทนส. ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้สมอ้างศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: สิทธิครอบครองเดิมและภาระการพิสูจน์
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน จำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1367 โจทก์อ้างว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทแทน ส.ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์ เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้สมอ้าง ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ สิทธิจำกัดเฉพาะการสาบานตนและซักค้านพยาน การรับฟังพยานหลักฐานอื่นจึงไม่ชอบ
เมื่อศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์การที่จำเลยอ้างส่งเอกสารเป็นพยานแล้วศาลรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวผู้ถูกเนรเทศ: สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาและความผูกพันตามสัญญา
จำเลยทำสัญญากับโจทก์เพื่อประกันผู้ถูกสั่งเนรเทศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งให้เนรเทศตามพระราชบัญญัติการเนรเทศพ.ศ.2499มาตรา6วรรคหนึ่งซึ่งอยู่ในความควบคุมของโจทก์จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้เนรเทศเมื่อจำเลยทำสัญญาประกันไว้ต่อโจทก์ผู้มีอำนาจควบคุมผู้ถูกเนรเทศสัญญาประกันจึงใช้บังคับได้การที่จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งตัวผู้เนรเทศให้แก่โจทก์ตามนัดโจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญาประกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวผู้ถูกเนรเทศ: ผลบังคับใช้และการผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญากับโจทก์เพื่อประกันผู้ถูกสั่งเนรเทศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งให้เนรเทศตาม พ.ร.บ.การเนรเทศพ.ศ.2499 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง ซึ่งอยู่ในความควบคุมของโจทก์จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้เนรเทศ เมื่อจำเลยทำสัญญาประกันไว้ต่อโจทก์ผู้มีอำนาจควบคุมผู้ถูกเนรเทศ สัญญาประกันจึงใช้บังคับได้ การที่จำเลยผิดสัญญาไม่ส่งตัวผู้เนรเทศให้แก่โจทก์ตามนัด โจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญาประกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวผู้ถูกเนรเทศ: อำนาจฟ้องของโจทก์และการบังคับตามสัญญา
จำเลยทำสัญญาประกันผู้ถูกสั่งเนรเทศทั้งสี่ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งให้เนรเทศตามพระราชบัญญัติการสั่งเนรเทศฯมาตรา6วรรคหนึ่งและอยู่ในความควบคุมของโจทก์จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งให้เนรเทศโดยกำหนดความรับผิดของจำเลยไว้ว่าหากไม่สามารถส่งตัวผู้ถูกสั่งเนรเทศทั้งสี่ให้แก่โจทก์ตามกำหนดนัดได้จำเลยยอมให้ปรับตามสัญญาเป็นการกำหนดความรับผิดทางแพ่งไว้สัญญาประกันจึงใช้บังคับได้และไม่ใช่การประกันตามมาตรา6วรรคสามซึ่งเป็นการประกันต่อรัฐมนตรีตามคำสั่งผ่อนผันให้ส่งตัวผู้ถูกสั่งเนรเทศไปประกอบอาชีพณที่ใดๆตามคำร้องขอของผู้ถูกสั่งเนรเทศ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาเกินคำขอในความผิดพยายามฆ่า/ทำร้าย ศาลฎีกาชี้ว่าการไล่ตามหลังถูกทำร้ายเป็นเหตุการณ์คนละตอน
กรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคท้ายต้องเป็นเรื่องความผิดตามที่ฟ้องนั้นรวมการกระทำหลายอย่างแต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองศาลลงโทษจำเลยในการกระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่พิจารณาได้ความก็ได้คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าศาลอุทธรณ์ภาค3ได้วินิจฉัยในตอนแรกว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1กระทำผิดฐานพยายามฆ่าแม้หลังจากผู้เสียหายถูกตีที่ศีรษะและถูกแทงที่ไหล่และหลังแล้วผู้เสียหายได้วิ่งออกจากที่เกิดเหตุจำเลยที่1ถือมีดวิ่งไล่ตามผู้เสียหายไปก็เป็นเหตุการณ์คนละตอนกับความผิดตามที่โจทก์ฟ้องดังนั้นข้อที่ศาลอุทธรณ์ภาค3วินิจฉัยว่าจำเลยที่1มีความผิดฐานพยายามทำร้ายจึงเป็นการ พิพากษาเกินคำขอหรือมิได้กล่าวในคำฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาเกินคำขอในความผิดฐานพยายามทำร้าย และขอบเขตการลงโทษนอกเหนือจากคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดปลายแหลมรุมฟันแทงผู้เสียหายถูกที่บริเวณศีรษะ ไหล่ และหลังโดยเจตนาฆ่า เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วว่า จำเลยที่ 1ไม่ได้กระทำผิดฐานพยายามฆ่า การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยที่ 1 ถืออาวุธมีดไล่ตามผู้เสียหายหลังจากผู้เสียหายวิ่งหลบหนีจากที่เกิดเหตุการกระทำของจำเลยที่ 1 ใกล้ชิดต่อผลแห่งการทำร้าย ถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด มีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายอันเป็นเหตุการณ์คนละตอนกับความผิดตามที่โจทก์ฟ้องเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้อง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก และโจทก์จะฎีกาว่าการกระทำส่วนนี้เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าก็ไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาที่ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1นอกเหนือไปจากคำฟ้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องต้องระบุองค์ประกอบความผิดครบถ้วน การออกเช็คชำระหนี้ต้องมีหนี้จริงและบังคับได้
องค์ประกอบของความผิดทุกข้อที่กฎหมายบัญญัติไว้สำหรับความผิดแต่ละฐานเป็นสาระสำคัญที่โจทก์ต้องบรรยายในคำฟ้อง จึงจะขอให้ลงโทษจำเลยได้ คำฟ้องที่ขาดองค์ประกอบของความผิดเป็นคำฟ้องที่มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5)
ปัญหาว่าคำฟ้องได้บรรยายครบองค์ประกอบของความผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นมาต่อสู้ในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ได้
การออกเช็คเพื่อชำระหนี้อันจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 จะต้องเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่แล้วในขณะออกเช็ค และหนี้นั้นจะต้องเป็นหนี้ที่บังคับกันได้ตามกฎหมาย โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ โดยมิได้บรรยายให้เห็นว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงหรือไม่ หากเป็นหนี้ที่มิได้มีอยู่จริงขณะออกเช็คหรือเป็นหนี้ที่ไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย การออกเช็คเพื่อชำระหนี้เช่นนั้นก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
ปัญหาว่าคำฟ้องได้บรรยายครบองค์ประกอบของความผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นมาต่อสู้ในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ได้
การออกเช็คเพื่อชำระหนี้อันจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 จะต้องเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่แล้วในขณะออกเช็ค และหนี้นั้นจะต้องเป็นหนี้ที่บังคับกันได้ตามกฎหมาย โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ โดยมิได้บรรยายให้เห็นว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงหรือไม่ หากเป็นหนี้ที่มิได้มีอยู่จริงขณะออกเช็คหรือเป็นหนี้ที่ไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย การออกเช็คเพื่อชำระหนี้เช่นนั้นก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาที่ขาดองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค ถือเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบ
องค์ประกอบของความผิดทุกข้อที่กฎหมายบัญญัติไว้สำหรับความผิดแต่ละฐานเป็นสาระสำคัญที่โจทก์ต้องบรรยายในคำฟ้องจึงจะขอให้ลงโทษจำเลยได้คำฟ้องที่ขาดองค์ประกอบของความผิดเป็นคำฟ้องที่มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5) ปัญหาว่าคำฟ้องได้บรรยายครบองค์ประกอบของความผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นมาต่อสู้ในศาลชั้นต้นจำเลยก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ได้ การออกเช็คเพื่อชำระหนี้อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4จะต้องเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่แล้วในขณะออกเช็คและหนี้นั้นจะต้องเป็นหนี้ที่บังคับกันได้ตามกฎหมายโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้โดยมิได้บรรยายให้เห็นว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงหรือไม่หากเป็นหนี้ที่มิได้มีอยู่จริงขณะออกเช็คหรือเป็นหนี้ที่ไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมายการออกเช็คเพื่อชำระหนี้เช่นนั้นก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา4แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)