พบผลลัพธ์ทั้งหมด 144 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเก็บรักษาเงินของเจ้าหน้าที่รัฐ
กระทรวงพาณิชย์ส่งผ้ามาให้ข้าหลวงประจำจังหวัดเพื่อขายแก่ชาวนา ข้าหลวงประจำจังหวัดมอบให้อำเภอเป็นผู้ขาย นายอำเภอจึงแต่งตั้งปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่อื่นเป็นกรรมการขายผ้าดังนี้เมื่อปลัดอำเภอผู้ได้รับการแต่งตั้งทำผิดหน้าที่ จนเกิดการเสียหายขึ้น กระทรวงพาณิชย์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากปลัดอำเภอผู้นั้นได้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวมรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อน ห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัดกลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอ จนมีผู้ร้ายไขเชฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่าปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรง และต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวมรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อน ห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัดกลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอ จนมีผู้ร้ายไขเชฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่าปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรง และต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐจากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเก็บรักษาเงิน และการรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
กระทรวงพาณิชย์ส่งผ้ามาให้ข้าหลวงประจำจังหวัดเพื่อขายแก่ชาวนา ข้าหลวงประจำจังหวัดมอบให้อำเภอเป็นผู้ขาย นายอำเภอจึงแต่งตั้งปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่อื่นเป็นกรรมการขายผ้า ดังนี้ เมื่อปลัดอำเภอผู้ได้รับการแต่งตั้งทำผิดหน้าที่จนเกิดการเสียหายขึ้น กระทรวงพาณิชย์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากปลัดอำเภอผู้นั้นได้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวบรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อนห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัด กลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอจนมีผู้ร้ายไขเซฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่า ปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรงและต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวบรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อนห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัด กลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอจนมีผู้ร้ายไขเซฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่า ปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรงและต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: สิทธิการฟ้องของผู้รับประกันเมื่อผู้ต้องหาไม่มาตามนัด ศาลตัดสินว่าเป็นการฟ้องเรียกร้องหนี้ส่วนตัว
สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาต่อนายตำหรวดนั้น นายตำหรวดหามีสิทธิฟ้องผู้รับประกันเปนส่วนตัวไม่.
ฟ้องของโจทระบุว่า พ.ต.ต.สงวน ตันสถิตย์ โจท เกิดปีมะแม อายุ 35 ปี ตั้งบ้านเรือนหยู่ หมู่ที่ 2 +ขอยื่นฟ้องนายพามจำเลยและไนรายละเอียดของฟ้องได้กล่าวว่าจำเลยได้ทำสัญญาประกันไห้แก่โจทซึ่งเปนหัวหน้าพนักงานสอบสวนสถานีตำหรวดภูธรจังหวัดพระตะบองและท้ายฟ้องว่าได้แต่งตั้งไห้พนักงานอัยการเปนทนายความว่าต่าง เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าคำฟ้องของโจทเปนคำฟ้องส่วนตัว หาไช่ของทางราชการแต่หย่างได้ไม่.
ฟ้องของโจทระบุว่า พ.ต.ต.สงวน ตันสถิตย์ โจท เกิดปีมะแม อายุ 35 ปี ตั้งบ้านเรือนหยู่ หมู่ที่ 2 +ขอยื่นฟ้องนายพามจำเลยและไนรายละเอียดของฟ้องได้กล่าวว่าจำเลยได้ทำสัญญาประกันไห้แก่โจทซึ่งเปนหัวหน้าพนักงานสอบสวนสถานีตำหรวดภูธรจังหวัดพระตะบองและท้ายฟ้องว่าได้แต่งตั้งไห้พนักงานอัยการเปนทนายความว่าต่าง เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าคำฟ้องของโจทเปนคำฟ้องส่วนตัว หาไช่ของทางราชการแต่หย่างได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: สิทธิฟ้องของนายตำรวจกับผู้รับประกันเป็นสิทธิส่วนตัว ไม่ใช่สิทธิของทางราชการ
สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาต่อนายตำรวจนั้น นายตำรวจหามีสิทธิฟ้องผู้รับประกันเป็นส่วนตัวไม่ ฟ้องของโจทก์ระบุว่า พ.ต.ต.สงวน ตันสถิตย์โจทก์เกิดปีมะแม อายุ 35 ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่หมู่ที่ 2 ฯลฯ ขอยื่นฟ้องนายพรมจำเลยและในรายละเอียดของฟ้องได้กล่าวว่า จำเลยได้ทำสัญญาประกันให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพระตะบองและท้ายฟ้องว่าได้แต่งตั้งให้พนักงานอัยการเป็นทนายความว่าต่าง เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าคำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องส่วนตัว หาใช่ของทางราชการแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายอำเภอต่อการยักยอกเงินหลวง: ไม่เป็นตัวแทนรัฐ, อายุความเลมิด
นายอำเภอเมื่อประมาทในหน้าที่ราชการทำให้เงินหลวงถูกยักยอกเอาไปได้ ยังไม่มีความรับผิดตามมาตรา 812 เพราะในกรณีนี้ นายอำเภอหาใช่ตัวแทนรัฐบาลไม่
นายอำเภอปฏิบัติราชการโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้เงินหลวงถูกสมุหบัญชีอำเภอยักยอกเอาไปได้ต้องมีความผิดฐานเลมิดอายุความฟ้องร้องมีกำหนด 1 ปีตามมาตรา 448 วรรค1 มิใช่วรรค 2 เพราะมิได้เป็นผู้ทำผิดในทางอาญา,
อายุความมาตรา 448 วรรค 2 นั้น หมายถึงผู้ที่จะต้องรับผิดเป็นผู้ได้ทำผิดทางอาญาเอง มิใช่ผู้เลินเล่อเปิดช่องทางให้ผู้อื่นเข้ามาทำผิดอาญา
นายอำเภอปฏิบัติราชการโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้เงินหลวงถูกสมุหบัญชีอำเภอยักยอกเอาไปได้ต้องมีความผิดฐานเลมิดอายุความฟ้องร้องมีกำหนด 1 ปีตามมาตรา 448 วรรค1 มิใช่วรรค 2 เพราะมิได้เป็นผู้ทำผิดในทางอาญา,
อายุความมาตรา 448 วรรค 2 นั้น หมายถึงผู้ที่จะต้องรับผิดเป็นผู้ได้ทำผิดทางอาญาเอง มิใช่ผู้เลินเล่อเปิดช่องทางให้ผู้อื่นเข้ามาทำผิดอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของปลัดอำเภอต่อเงินหลวงถูกยักยอก: ไม่เป็นตัวแทน, อายุความ 1 ปี
ปลัดอำเภอเมื่อประมาทในหน้าที่ราชการทำให้เงินหลวงถูกยักยอกเอาไปได้ ไม่มีความรับผิดตามมาตรา 812 เพราะในกรณีนี้ปลัดอำเภอหาใช่ตัวแทนรัฐบาลไม่
ปลักอำเภอปฏิบัติราชการโดยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เงินหลวงถูกสมุหบัญชีอำเภอยักยอกไปได้ ต้องมีความรับผิดฐาน+
อายุความฟ้องร้องมีกำหนด + ปีตาม ม.448 วรรค 1 มิใช่วรรค 2 เพราะมิได้เป็นผู้ทำผิดในทางอาญาอายุความตามมาตรา 448 วรรค 2 นั้น หมายถึงผู้ที่จะต้องรับผิดเป็นผู้ได้ทำผิดทางอาญาเอง มิใช่ผู้เลินเล่อปิดช่องทางให้ผู้อื่นเข้าทำ+อาญา
ปลักอำเภอปฏิบัติราชการโดยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เงินหลวงถูกสมุหบัญชีอำเภอยักยอกไปได้ ต้องมีความรับผิดฐาน+
อายุความฟ้องร้องมีกำหนด + ปีตาม ม.448 วรรค 1 มิใช่วรรค 2 เพราะมิได้เป็นผู้ทำผิดในทางอาญาอายุความตามมาตรา 448 วรรค 2 นั้น หมายถึงผู้ที่จะต้องรับผิดเป็นผู้ได้ทำผิดทางอาญาเอง มิใช่ผู้เลินเล่อปิดช่องทางให้ผู้อื่นเข้าทำ+อาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบของผู้วาน-ผู้รับวาน: หลักตัวการตัวแทนและการพิสูจน์ความประมาทเลินเล่อ
ลักษณวาน ความรับผิดชอบของผู้วานกับผู้รับวานต้องวินิจฉัยตามหลักตัวการตัวแทน ฝากกับวานมีลักษณต่างกันอย่างไร วิธีพิจารณาแพ่งหน้าที่นำสืบ โจทก์ว่าจำเลยเลินเล่อโจทก์ต้องนำสืบ