พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขนส่งและผู้รับประกันภัย กรณีสินค้าเสียหายระหว่างขนส่ง การรับช่วงสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องจากการขนส่งสินค้าของบริษัท ท. ที่ได้เอาประกันภัยไว้แก่โจทก์ โดยโจทก์อ้างว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัท ท. แล้ว จึงได้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้เรียกร้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้คดีตอนหนึ่งว่าจำเลยรับจ้าง ต. ขนสินค้าไปส่งให้แก่บริษัท ท. จำเลยไม่มีความผิดต่อบริษัทดังกล่าว แม้โจทก์จะรับช่วงสิทธิมาก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ คดีจึงมีประเด็นข้อโต้เถียงเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยรับจ้างขนสินค้าให้แก่บริษัท ท. หรือ ต.
ฟ้องของโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือให้จำเลยทั้งหกในฐานะผู้ขนส่งร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องมาจากการขนส่งสินค้า กับระบุว่าจำเลยทั้งหกเป็นผู้ว่าจ้างและรับจ้างทำการในหน้าที่รับขนส่งสินค้าและดำเนินงานร่วมกันในทางการที่ว่าจ้างให้ลุประสงค์ในการนำส่งสินค้าให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยทั้งหกมีหน้าที่ร่วมกันในการจัดการและการรับขนส่งอันเป็นการที่จะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง แม้จะระบุด้วยว่าจำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่าจะให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้าง. และการที่โจทก์อ้างถึงความประมาทเลินเล่อของจำเลยมาด้วยก็เพื่อจะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง มิใช่ให้รับผิดในฐานะละเมิด. ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ขึ้นมาปรับแก่คดีของจำเลยที่ 3 จึงหาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
การรับประกันภัยสินค้ารายนี้แม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะระบุว่าเป็นการรับประกันจากเมืองแชมเปอริโก ประเทศกัวเตมาลา ถึงกรุงเทพมหานคร แต่ก็มีเงื่อนไขให้ถือตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ด้านหลังของสัญญาหรือกรมธรรม์ประกันภัยด้วยเมื่อข้อกำหนดดังกล่าวระบุว่า การประกันภัยนี้ใช้บังคับเริ่มจากเวลาที่สินค้าออกจากคลังสินค้าหรือสถานที่เก็บสินค้าเพื่อเริ่มการขนส่ง และสืบเนื่องต่อไประหว่างสายการขนส่งตามปกติ และสิ้นสุดลงเมื่อได้ส่งมอบถึงคลังสินค้าของผู้รับ ณ ปลายทางที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เช่นนี้ ความรับผิดของโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าถึงคลังสินค้าของบริษัท ท. ซึ่งเป็นผู้รับแล้ว
แม้บริษัท น.จะมิใช่ผู้เชี่ยวชาญของศาล แต่ก็ได้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับการตรวจสอบสินค้าทั่วไปที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากภัยทางทะเล ป.เจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้สำรวจความเสียหายและทำรายงานโดยให้กรรมการผู้จัดการของบริษัทลงลายมือชื่อกำกับไว้ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว ศาลรับฟังรายงานดังกล่าวประกอบคำเบิกความของ ป.เพื่อคำนวณความเสียหายได้
ฟ้องของโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือให้จำเลยทั้งหกในฐานะผู้ขนส่งร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องมาจากการขนส่งสินค้า กับระบุว่าจำเลยทั้งหกเป็นผู้ว่าจ้างและรับจ้างทำการในหน้าที่รับขนส่งสินค้าและดำเนินงานร่วมกันในทางการที่ว่าจ้างให้ลุประสงค์ในการนำส่งสินค้าให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยทั้งหกมีหน้าที่ร่วมกันในการจัดการและการรับขนส่งอันเป็นการที่จะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง แม้จะระบุด้วยว่าจำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่าจะให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้าง. และการที่โจทก์อ้างถึงความประมาทเลินเล่อของจำเลยมาด้วยก็เพื่อจะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง มิใช่ให้รับผิดในฐานะละเมิด. ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ขึ้นมาปรับแก่คดีของจำเลยที่ 3 จึงหาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
การรับประกันภัยสินค้ารายนี้แม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะระบุว่าเป็นการรับประกันจากเมืองแชมเปอริโก ประเทศกัวเตมาลา ถึงกรุงเทพมหานคร แต่ก็มีเงื่อนไขให้ถือตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ด้านหลังของสัญญาหรือกรมธรรม์ประกันภัยด้วยเมื่อข้อกำหนดดังกล่าวระบุว่า การประกันภัยนี้ใช้บังคับเริ่มจากเวลาที่สินค้าออกจากคลังสินค้าหรือสถานที่เก็บสินค้าเพื่อเริ่มการขนส่ง และสืบเนื่องต่อไประหว่างสายการขนส่งตามปกติ และสิ้นสุดลงเมื่อได้ส่งมอบถึงคลังสินค้าของผู้รับ ณ ปลายทางที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เช่นนี้ ความรับผิดของโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าถึงคลังสินค้าของบริษัท ท. ซึ่งเป็นผู้รับแล้ว
แม้บริษัท น.จะมิใช่ผู้เชี่ยวชาญของศาล แต่ก็ได้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับการตรวจสอบสินค้าทั่วไปที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากภัยทางทะเล ป.เจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้สำรวจความเสียหายและทำรายงานโดยให้กรรมการผู้จัดการของบริษัทลงลายมือชื่อกำกับไว้ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว ศาลรับฟังรายงานดังกล่าวประกอบคำเบิกความของ ป.เพื่อคำนวณความเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้รับประกันภัยเมื่อเกิดความเสียหายจากการขนส่ง และขอบเขตความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องจากการขนส่งสินค้าของบริษัท ท. ที่ได้เอาประกันภัยไว้แก่โจทก์ โดยโจทก์อ้างว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัท ท. แล้ว จึงได้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้เรียกร้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้คดีตอนหนึ่งว่าจำเลยรับจ้าง ต. ขนสินค้าไปส่งให้แก่บริษัท ท. จำเลยไม่มีความผิดต่อบริษัทดังกล่าว แม้โจทก์จะรับช่วงสิทธิมาก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ คดีจึงมีประเด็นข้อโต้เถียงเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยรับจ้างขนสินค้าให้แก่บริษัท ท. หรือ ต.
ฟ้องของโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือให้จำเลยทั้งหกในฐานะผู้ขนส่งร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องมาจากการขนส่งสินค้า กับระบุว่าจำเลยทั้งหกเป็นผู้ว่าจ้างและรับจ้างทำการในหน้าที่รับขนส่งสินค้าและดำเนินงานร่วมกันในทางการที่ว่าจ้างให้ลุประสงค์ในการนำส่งสินค้าให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยทั้งหกมีหน้าที่ร่วมกันในการจัดการและการรับขนส่งอันเป็นการที่จะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง แม้จะระบุด้วยว่าจำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่าจะให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้าง. และการที่โจทก์อ้างถึงความประมาทเลินเล่อของจำเลยมาด้วยก็เพื่อจะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง มิใช่ให้รับผิดในฐานะละเมิด. ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ขึ้นมาปรับแก่คดีของจำเลยที่ 3 จึงหาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
การรับประกันภัยสินค้ารายนี้แม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะระบุว่าเป็นการรับประกันจากเมืองแชมเปอริโก ประเทศกัวเตมาลา ถึงกรุงเทพมหานคร แต่ก็มีเงื่อนไขให้ถือตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ด้านหลังของสัญญาหรือกรมธรรม์ประกันภัยด้วย เมื่อข้อกำหนดดังกล่าวระบุว่าการประกันภัยนี้ใช้บังคับเริ่มจากเวลาที่สินค้าออกจากคลังสินค้าหรือสถานที่เก็บสินค้าเพื่อเริ่มการขนส่ง และสืบเนื่องต่อไประหว่างสายการขนส่งตามปกติ และสิ้นสุดลงเมื่อได้ส่งมอบถึงคลังสินค้าของผู้รับ ณ ปลายทางที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เช่นนี้ความรับผิดของโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าถึงคลังสินค้าของบริษัท ท. ซึ่งเป็นผู้รับแล้ว
แม้บริษัท น.จะมิใช่ผู้เชี่ยวชาญของศาล แต่ก็ได้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับการตรวจสอบสินค้าทั่วไปที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากภัยทางทะเล ป.เจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้สำรวจความเสียหายและทำรายงานโดยให้กรรมการผู้จัดการของบริษัทลงลายมือชื่อกำกับไว้ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว ศาลรับฟังรายงานดังกล่าวประกอบคำเบิกความของ ป.เพื่อคำนวณความเสียหายได้
ฟ้องของโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือให้จำเลยทั้งหกในฐานะผู้ขนส่งร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องมาจากการขนส่งสินค้า กับระบุว่าจำเลยทั้งหกเป็นผู้ว่าจ้างและรับจ้างทำการในหน้าที่รับขนส่งสินค้าและดำเนินงานร่วมกันในทางการที่ว่าจ้างให้ลุประสงค์ในการนำส่งสินค้าให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยทั้งหกมีหน้าที่ร่วมกันในการจัดการและการรับขนส่งอันเป็นการที่จะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง แม้จะระบุด้วยว่าจำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่าจะให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้าง. และการที่โจทก์อ้างถึงความประมาทเลินเล่อของจำเลยมาด้วยก็เพื่อจะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง มิใช่ให้รับผิดในฐานะละเมิด. ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ขึ้นมาปรับแก่คดีของจำเลยที่ 3 จึงหาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
การรับประกันภัยสินค้ารายนี้แม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะระบุว่าเป็นการรับประกันจากเมืองแชมเปอริโก ประเทศกัวเตมาลา ถึงกรุงเทพมหานคร แต่ก็มีเงื่อนไขให้ถือตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ด้านหลังของสัญญาหรือกรมธรรม์ประกันภัยด้วย เมื่อข้อกำหนดดังกล่าวระบุว่าการประกันภัยนี้ใช้บังคับเริ่มจากเวลาที่สินค้าออกจากคลังสินค้าหรือสถานที่เก็บสินค้าเพื่อเริ่มการขนส่ง และสืบเนื่องต่อไประหว่างสายการขนส่งตามปกติ และสิ้นสุดลงเมื่อได้ส่งมอบถึงคลังสินค้าของผู้รับ ณ ปลายทางที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เช่นนี้ความรับผิดของโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าถึงคลังสินค้าของบริษัท ท. ซึ่งเป็นผู้รับแล้ว
แม้บริษัท น.จะมิใช่ผู้เชี่ยวชาญของศาล แต่ก็ได้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับการตรวจสอบสินค้าทั่วไปที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากภัยทางทะเล ป.เจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้สำรวจความเสียหายและทำรายงานโดยให้กรรมการผู้จัดการของบริษัทลงลายมือชื่อกำกับไว้ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว ศาลรับฟังรายงานดังกล่าวประกอบคำเบิกความของ ป.เพื่อคำนวณความเสียหายได้