คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 374 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก, สัญญาการก่อสร้าง, การผิดสัญญาเช่า, การคืนเงินค่าก่อสร้าง
สัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองที่จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างอาคารพลาซ่า ตลาดและตึกแถวในที่ดินของจำเลยที่ 1 เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ตกลงจดทะเบียนการเช่าให้แก่ผู้ว่าจ้างหรือผู้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 มีสิทธิเรียกเก็บเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้เช่า สัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองถือเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก และยังถือว่าเป็นการร่วมกันทางการค้าเพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่อโจทก์เข้าทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 2 สร้างตึกแถวถือว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ 1 ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 วรรคสอง
โจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะก่อสร้างอาคารพลาซ่าให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี และปรับปรุงตกแต่งตึกแถวให้เรียบร้อยภายใน 3 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยที่ 1 ไม่สร้างอาคารพลาซ่า ไม่ตกแต่งตึกแถวให้เรียบร้อยจำเลยที่ 1 จึงผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วเป็นผลให้คู่กรณีต้องกลับสู่ฐานะเดิม จำเลยที่ 1 ต้องคืนเงินค่าช่วยก่อสร้างทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่เวลาที่ได้รับเงินไว้แก่โจทก์และต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3706-3707/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาประนีประนอม: โจทก์มีสิทธิฟ้องแม้บุคคลภายนอกยังไม่แสดงเจตนา
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้ แก่โจทก์ จำเลยให้การว่ามิได้ผิดสัญญาและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ก่อนสืบพยานคู่ความท้ากันให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยไม่ต้องสืบพยาน เพียงประเด็นเดียวว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ดังนี้ ปัญหาที่ว่า จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่จึงเป็นปัญหา ที่คู่ความสละแล้วศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดประเด็น ตามคำท้าไปได้โดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงให้เป็นยุติว่าจำเลย ผิดสัญญาหรือไม่
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้โดยมีข้อผูกพันจำเลยว่า จำเลยจะทำสัญญาให้ผู้มีชื่อเช่าตึกแถวและจำเลยจะต้องก่อสร้างตึกแถวเพื่อให้ผู้มีชื่อได้เช่า จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้อง ปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆใน สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลย มิใช่เรื่องของบุคคลภายนอกกับโจทก์หรือจำเลย ดังนั้น แม้บุคคลภายนอกจะยังมิได้แสดงเจตนาต่อจำเลย ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาดังกล่าวก็มิใช่ข้อที่จำเลยจะอ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3706-3707/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาประนีประนอมยอมความ: คู่สัญญาฟ้องได้ แม้บุคคลภายนอกยังไม่แสดงเจตนา
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้แก่โจทก์ จำเลยให้การว่ามิได้ผิดสัญญาและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ก่อนสืบพยานคู่ความท้ากันให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยไม่ต้องสืบพยาน เพียงประเด็นเดียวว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ดังนี้ ปัญหาที่ว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่จึงเป็นปัญหาที่คู่ความสละแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นตามคำท้าไปได้โดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงให้เป็นยุติว่าจำเลยผิดสัญญาหรือไม่
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้โดยมีข้อผูกพันจำเลยว่า จำเลยจะทำสัญญาให้ผู้มีชื่อเช่าตึกแถวและจำเลยจะต้องก่อสร้างตึกแถวเพื่อให้ผู้มีชื่อได้เช่า จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงต่าง ๆ ในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติ โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลย มิใช่เรื่องของบุคคลภายนอกกับโจทก์หรือจำเลย ดังนั้น แม้บุคคลภายนอกจะยังมิได้แสดงเจตนาต่อจำเลย ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญาดังกล่าว ก็มิใช่ข้อที่จำเลยจะอ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญารับขน: ตัวแทน, ตัวการ, ความรับผิดจากความประมาทเลินเล่อ และเหตุสุดวิสัย
ฟ้องของโจทก์แปลได้ว่าโจทก์ซื้อวิทยุแล้วมอบให้ผู้ขายเป็นตัวแทนนำเอาวิทยุไปให้จำเลยทำการขนส่งไปให้โจทก์และในทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าที่ผู้ขายกระทำไปนั้นเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้จ่ายค่าขนส่งเอง ผู้ขายจึงเป็นตัวแทนของโจทก์ในการทำสัญญาขนส่งวิทยุกับจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นตัวการจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญารับขนได้
เหตุสุดวิสัยนั้นต้องเป็นเหตุผิดปกติสุดวิสัยที่คิดว่าจะมีขึ้น หากเป็นกรณีที่อาจป้องกันผลพิบัติได้ถ้าได้จัดการระมัดระวังตามสมควรแล้ว ก็มิใช่เหตุที่จะป้องกันไม่ได้ จำเลยรับขนวิทยุไปให้โจทก์โดยบรรทุกมาในรถ ถ้าหากลูกจ้างของจำเลยใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลสินค้าที่บรรทุกมาในระหว่างจอดพักรถ คนร้ายก็จะไม่สามารถขโมยเอาวิทยุไปได้จึงอยู่ในวิสัยที่จะป้องกันได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้รับมอบขนส่งและการยกเว้นความรับผิดจากเหตุสุดวิสัยที่ต้องป้องกันได้
ฟ้องของโจทก์แปลได้ว่าโจทก์ซื้อวิทยุแล้วมอบให้ผู้ขายเป็นตัวแทนนำเอาวิทยุไปให้จำเลยทำการขนส่งไปให้โจทก์ และในทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าที่ผู้ขายกระทำไปนั้นเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้จ่ายค่าขนส่งเอง ผู้ขายจึงเป็นตัวแทนของโจทก์ในการทำสัญญาขนส่งวิทยุกับจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นตัวการจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญารับขนได้
เหตุสุดวิสัยนั้นต้องเป็นเหตุผิดปกติสุดวิสัยที่คิดว่าจะมีขึ้น หากเป็นกรณีที่อาจป้องกันผลพิบัติได้ถ้าได้จัดการระมัดระวังตามสมควรแล้ว ก็มิใช่เหตุที่จะป้องกันไม่ได้ จำเลยรับขนวิทยุไปให้โจทก์โดยบรรทุกมาในรถ ถ้าหากลูกจ้างของจำเลยใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลสินค้าที่บรรทุกมาในระหว่างจอดพักรถ คนร้ายก็จะไม่สามารถขโมยเอาวิทยุไปได้จึงอยู่ในวิสัยที่จะป้องกันได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย