พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5645/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถือหุ้นในบริษัทจำกัด ความรับผิดของกรรมการ และสิทธิเรียกร้องเมื่อมีข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน
จำเลยที่ 3 จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดย่อมมีฐานะเป็นนิติบุคคลต่างหากจากโจทก์ จำเลยที่ 1 กับพวกซึ่งมีฐานะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 3 เท่านั้น โจทก์ จำเลยที่ 1 กับพวก ร่วมลงทุนซื้อที่ดินกันก่อนที่จำเลยที่ 3 จะจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด จำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นคู่สัญญาด้วย จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ ความรับผิดระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 หรือผู้ถือหุ้นคนอื่นก่อนที่จำเลยที่ 3 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะมีอยู่อย่างไร จำเลยที่ 3 ย่อมไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย นอกจากนี้จำเลยที่ 3 ไม่อาจเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเองจึงไม่อาจโอนหุ้นแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ขอให้โอนหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 3 ให้แก่โจทก์
บริษัทจำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์แท้จริงเพียงเพื่อถือที่ดินแทนเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง และดำเนินการต่าง ๆ ที่จำเป็นเกี่ยวกับที่ดินนั้น ในส่วนของผู้ถือหุ้นคิดคำนวณจำนวนหุ้นตามสัดส่วนที่ดินที่เป็นเจ้าของ มิได้ถือหุ้นโดยอาศัยหลักเกณฑ์ประการอื่น การที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องจำนวนหุ้นจึงมีนัยเดียวกันกับเรียกร้องเอาที่ดินคืน ดังนั้น หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถโอนหุ้นของจำเลยที่ 1 ในบริษัทจำเลยที่ 3 ให้แก่โจทก์ ก็ให้ใช้ราคาหุ้นตามราคาที่ดิน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2546)
บริษัทจำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์แท้จริงเพียงเพื่อถือที่ดินแทนเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง และดำเนินการต่าง ๆ ที่จำเป็นเกี่ยวกับที่ดินนั้น ในส่วนของผู้ถือหุ้นคิดคำนวณจำนวนหุ้นตามสัดส่วนที่ดินที่เป็นเจ้าของ มิได้ถือหุ้นโดยอาศัยหลักเกณฑ์ประการอื่น การที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องจำนวนหุ้นจึงมีนัยเดียวกันกับเรียกร้องเอาที่ดินคืน ดังนั้น หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถโอนหุ้นของจำเลยที่ 1 ในบริษัทจำเลยที่ 3 ให้แก่โจทก์ ก็ให้ใช้ราคาหุ้นตามราคาที่ดิน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2546)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4332/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนหุ้นเพื่อชำระหนี้ขัดต่อกฎหมายบริษัทจำกัด หนี้ไม่ระงับ
การที่จำเลยโอนหุ้นของบริษัทโจทก์เพื่อชำระหนี้ให้แก่บริษัทโจทก์ โดยวิธีสลักหลังลอยส่งมอบใบหุ้นแก่บริษัทโจทก์ ก็มีผลเท่ากับว่าบริษัทโจทก์รับเอาหุ้นของบริษัทโจทก์ไว้เป็นประกันนั่นเองอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 1143 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ห้ามบริษัทจำกัดรับจำนำหุ้นของตนเอง เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113(มาตรา 151 ที่แก้ไขใหม่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2826/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมเงินและหลักประกัน: การหักกลบลบหนี้และการคิดดอกเบี้ย
จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ได้ซื้อหุ้นของโจทก์และทำสัญญากู้ยืมเงิน จากโจทก์มาชำระค่าหุ้นโดยจำเลยนำ ตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ยึดไว้เป็น หลักประกันในการกู้ยืมเงิน ดังกล่าวเท่านั้น กรณีมิใช่โจทก์รับจำนำหุ้น ของตนไว้เป็นประกัน นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นไป โดยชอบด้วยกฎหมาย หาตกเป็นโมฆะไม่ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ตามสัญญากู้ยืมเงินนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2826/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมเงินและหลักประกัน: การกู้ยืมเงินโดยมีตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหลักประกัน ไม่ใช่การจำนำหุ้น
จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ได้ซื้อหุ้นของโจทก์และทำสัญญากู้ยืมเงิน จากโจทก์มาชำระค่าหุ้น โดยจำเลยนำตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ยึดไว้เป็น หลักประกันในการกู้ยืมเงิน ดังกล่าวเท่านั้น กรณีมิใช่โจทก์รับจำนำหุ้นของตนไว้เป็นประกัน นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย หาตกเป็นโมฆะไม่ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ตามสัญญากู้ยืมเงินนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2871/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทซื้อขายหุ้น: การที่โจทก์ไม่ได้พิสูจน์การจัดการซื้อหุ้นและออกเงินทดรอง ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้จัดการซื้อหุ้นให้จำเลยและออกเงินทดรองแทนจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนั้นแม้จะวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า นิติกรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ตกเป็นโมฆะ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2871/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้น: ข้อพิพาทเรื่องการจัดการซื้อหุ้นและการรับผิดชอบหนี้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้จัดการซื้อหุ้นให้จำเลยและออกเงินทดรองแทนจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนั้นแม้จะวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า นิติกรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ตกเป็นโมฆะก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นแล้วยึดหุ้นเป็นประกันเข้าข่ายผิดกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายธุรกิจหลักทรัพย์
โจทก์จัดการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยเป็นตัวแทนและนายหน้าของลูกค้า โดยโจทก์ให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็น สมาชิกตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการแทนโจทก์หาใช่เป็นการจัด ให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อหรือขาย หลักทรัพย์หรือให้บริการที่เกี่ยวกับการจัดให้มีตลาดหรือ สถานที่ดังกล่าวตามความหมายของพระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ.2517 มาตรา 3 ไม่โจทก์ย่อมกระทำการดังกล่าวได้โดยชอบ
การที่โจทก์ให้จำเลยกู้เงินไปเพื่อซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์เอง โดยโจทก์ ยึดถือหุ้นนั้นไว้เป็นจำนำหรือเป็นประกันเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายซื้อหุ้น หรือโจทก์ให้จำเลยกู้เงิน จากบริษัทในเครือของบริษัทโจทก์ โดยเงินที่กู้เป็นเงิน ของบริษัทโจทก์ให้บริษัทในเครือดังกล่าวกู้ไปให้จำเลย กู้ อีกต่อหนึ่ง ทั้งหุ้นที่จำเลยจำนำแก่บริษัทในเครือดังกล่าวโจทก์เป็น ผู้ยึดถือไว้เอง พฤติการณ์เช่นนี้ถือ ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของ บริษัทโจทก์และโจทก์รับจำนำหุ้นของตนเองเป็นประกัน เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1143 ทั้งต่อมาพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 มาตรา 20(3)บัญญัติห้ามมิให้บริษัทเงินทุน รับหุ้นของ บริษัทเงินทุนนั้นเองเป็นประกันหรือรับหุ้นของบริษัทเงินทุน จากบริษัทเงินทุนอื่นเป็นประกันอีกด้วย การกระทำของ โจทก์จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ไม่มีผลบังคับ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้ จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์ฟ้องมิได้
การที่โจทก์ให้จำเลยกู้เงินไปเพื่อซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์เอง โดยโจทก์ ยึดถือหุ้นนั้นไว้เป็นจำนำหรือเป็นประกันเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายซื้อหุ้น หรือโจทก์ให้จำเลยกู้เงิน จากบริษัทในเครือของบริษัทโจทก์ โดยเงินที่กู้เป็นเงิน ของบริษัทโจทก์ให้บริษัทในเครือดังกล่าวกู้ไปให้จำเลย กู้ อีกต่อหนึ่ง ทั้งหุ้นที่จำเลยจำนำแก่บริษัทในเครือดังกล่าวโจทก์เป็น ผู้ยึดถือไว้เอง พฤติการณ์เช่นนี้ถือ ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของ บริษัทโจทก์และโจทก์รับจำนำหุ้นของตนเองเป็นประกัน เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1143 ทั้งต่อมาพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 มาตรา 20(3)บัญญัติห้ามมิให้บริษัทเงินทุน รับหุ้นของ บริษัทเงินทุนนั้นเองเป็นประกันหรือรับหุ้นของบริษัทเงินทุน จากบริษัทเงินทุนอื่นเป็นประกันอีกด้วย การกระทำของ โจทก์จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ไม่มีผลบังคับ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้ จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์ฟ้องมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นของตนเองและรับจำนำหุ้นเป็นประกัน ขัดต่อกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายธุรกิจหลักทรัพย์
โจทก์จัดการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยเป็นตัวแทนและนายหน้าของลูกค้า โดยโจทก์ให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็น สมาชิกตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการแทนโจทก์หาใช่เป็นการจัด ให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อหรือขาย หลักทรัพย์หรือให้บริการที่เกี่ยวกับการจัดให้มีตลาดหรือ สถานที่ดังกล่าวตามความหมายของ พระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ.2517 มาตรา 3 ไม่ โจทก์ย่อมกระทำการดังกล่าวได้โดยชอบ
การที่โจทก์ให้จำเลยกู้เงินไปเพื่อซื้อหุ้นของบริษัท โจทก์เองโดยโจทก์ ยึดถือหุ้นนั้นไว้เป็นจำนำหรือเป็นประกัน เงินที่โจทก์ทดรองจ่ายซื้อหุ้น หรือโจทก์ให้จำเลยกู้เงิน จากบริษัทในเครือของบริษัทโจทก์โดยเงิน ที่กู้เป็นเงิน ของบริษัทโจทก์ให้บริษัทในเครือดังกล่าวกู้ไปให้จำเลย กู้ อีกต่อหนึ่ง ทั้งหุ้นที่จำเลยจำนำแก่บริษัทในเครือ ดังกล่าว โจทก์เป็น ผู้ยึดถือไว้เอง พฤติการณ์เช่นนี้ถือ ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของ บริษัทโจทก์และโจทก์รับจำนำหุ้นของตนเองเป็นประกัน เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1143 ทั้งต่อมา พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 มาตรา 20(3) บัญญัติห้ามมิให้บริษัทเงินทุน รับหุ้นของ บริษัทเงินทุนนั้นเองเป็นประกันหรือรับหุ้นของบริษัทเงินทุน จากบริษัทเงินทุนอื่นเป็นประกันอีกด้วย การกระทำของ โจทก์จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ไม่มีผลบังคับ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้ จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์ฟ้องมิได้
การที่โจทก์ให้จำเลยกู้เงินไปเพื่อซื้อหุ้นของบริษัท โจทก์เองโดยโจทก์ ยึดถือหุ้นนั้นไว้เป็นจำนำหรือเป็นประกัน เงินที่โจทก์ทดรองจ่ายซื้อหุ้น หรือโจทก์ให้จำเลยกู้เงิน จากบริษัทในเครือของบริษัทโจทก์โดยเงิน ที่กู้เป็นเงิน ของบริษัทโจทก์ให้บริษัทในเครือดังกล่าวกู้ไปให้จำเลย กู้ อีกต่อหนึ่ง ทั้งหุ้นที่จำเลยจำนำแก่บริษัทในเครือ ดังกล่าว โจทก์เป็น ผู้ยึดถือไว้เอง พฤติการณ์เช่นนี้ถือ ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของ บริษัทโจทก์และโจทก์รับจำนำหุ้นของตนเองเป็นประกัน เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1143 ทั้งต่อมา พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 มาตรา 20(3) บัญญัติห้ามมิให้บริษัทเงินทุน รับหุ้นของ บริษัทเงินทุนนั้นเองเป็นประกันหรือรับหุ้นของบริษัทเงินทุน จากบริษัทเงินทุนอื่นเป็นประกันอีกด้วย การกระทำของ โจทก์จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ไม่มีผลบังคับ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้ จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์ฟ้องมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3848/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นของตนเองและจำนำหุ้นเป็นประกัน ถือเป็นโมฆะตามกฎหมาย
บริษัทโจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของโจทก์เอง และจำเลยต้องจำนำหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันเงินที่กู้ยืมไป ดังนี้ เป็นการฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1143 ที่ห้ามมิให้บริษัทจำกัดรับจำนำหุ้นของตนเองทั้งต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจเงินทุน ฯ มาตรา 20(3) ที่บัญญัติห้ามมิให้บริษัทเงินทุนรับหุ้นของบริษัทเงินทุนนั้นเป็นประกันหรือรับหุ้นของบริษัทเงินทุนจากบริษัทเงินทุนอื่นเป็นประกันอีกด้วย การกระทำของโจทก์ต้องห้ามโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 และเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 113 ไม่มีผลบังคับ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้จำเลยชดใช้เงินตามที่ฟ้องไม่ได้(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3119/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำของตัวแทนที่ทดรองจ่ายเงินซื้อหุ้นให้ลูกค้าและรับจำนำหุ้นเป็นประกัน ถือเป็นโมฆะตามกฎหมาย
โจทก์เป็นตัวแทนของลูกค้าในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยโจทก์ให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการแทนโจทก์ ถือไม่ได้ว่าการดำเนินงานของโจทก์เป็นการประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน จึงหาใช่เป็นการจัดให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือการให้บริการที่เกี่ยวกับการจัดให้มีตลาดหรือสถานที่ดังกล่าวตามความหมายในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ไม่ ดังนั้น การรับเป็นนายหน้าหรือตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์โดยทั่ว ๆ ไป โจทก์ย่อมกระทำได้โดยชอบ
ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจพบว่าการที่โจทก์ให้ลูกค้ากู้ยืมเงินซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์เองเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์จึงให้จำเลยกู้ยืมเงินจากบริษัทในเครือแทนเท่ากับว่าโจทก์เองเป็นผู้ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์ และจำเลยต้องจำนำหุ้นไว้แก่บริษัทในเครือเพื่อเป็นประกันเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายโดยโจทก์เป็นผู้ยึดถือหุ้นนั้นไว้ จึงมีผลเท่ากับว่าโจทก์รับเอาหุ้นของบริษัทโจทก์ไว้เป็นประกันอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 1143 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้จำเลยชดใช้เงินดังกล่าวหาได้ไม่
ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจพบว่าการที่โจทก์ให้ลูกค้ากู้ยืมเงินซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์เองเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์จึงให้จำเลยกู้ยืมเงินจากบริษัทในเครือแทนเท่ากับว่าโจทก์เองเป็นผู้ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์ และจำเลยต้องจำนำหุ้นไว้แก่บริษัทในเครือเพื่อเป็นประกันเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายโดยโจทก์เป็นผู้ยึดถือหุ้นนั้นไว้ จึงมีผลเท่ากับว่าโจทก์รับเอาหุ้นของบริษัทโจทก์ไว้เป็นประกันอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 1143 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้จำเลยชดใช้เงินดังกล่าวหาได้ไม่