พบผลลัพธ์ทั้งหมด 192 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฉ้อโกง: ความรู้แจ้งความผิดและตัวผู้กระทำผิดมีผลต่อการเริ่มนับอายุความ
โจทก์อ้างว่าโจทก์เพิ่งรู้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันหลอกลวงโจทก์เมื่อวันที่18กันยายน2535โดยจำเลยที่2ได้ไปเบิกความเป็นพยานในคดีอาญาแต่ปรากฏว่าคดีอาญาดังกล่าวนั้นโจทก์เบิกความตอบคำถามค้านรับว่ามีการส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องและสำเนาคำฟ้องให้โจทก์โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่10เมษายน2535และยังมีการส่งหมายนัดให้โจทก์อีกครั้งตามคำฟ้องคดีอาญาดังกล่าวหาว่าโจทก์ในคดีนี้ยุยงใช้ให้ผู้อื่นเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของจำเลยที่2ในคดีนี้แล้วขนย้ายเครื่องพิมพ์และเครื่องตัดกระดาษของห้างหุ้นส่วนจำกัดร. ไปโดยทุจริตโจทก์ในคดีนี้แต่งตั้งทนายความต่อสู้คดีจากข้อเท็จจริงดังกล่าวน่าเชื่อว่าโจทก์ได้ทราบว่าโจทก์ถูกจำเลยทั้งสองหลอกลวงว่าเครื่องตัดกระดาษไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสองตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายถือได้ว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองฉ้อโกงโจทก์และรู้ตัวผู้กระทำผิดอย่างช้าก็ก่อนวันที่18กันยายน2535อันเป็นวันที่จำเลยที่2ไปเบิกความในคดีอาญาดังกล่าวแล้วคดีนี้เป็นความผิดอันยอมความได้โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่18ธันวาคม2535เกินกำหนด3เดือนโดยโจทก์มิได้ร้องทุกข์ไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา96คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฉ้อโกง: การรู้ความผิดและตัวผู้กระทำผิดทำให้เริ่มนับอายุความ
โจทก์อ้างว่าโจทก์เพิ่งรู้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันหลอกลวงโจทก์เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2535 โดยจำเลยที่ 2 ได้ไปเบิกความเป็นพยานในคดีอาญาแต่ปรากฏว่าคดีอาญาดังกล่าวนั้นโจทก์เบิกความตอบคำถามค้านรับว่ามีการส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องและสำเนาคำฟ้องให้โจทก์โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2535และยังมีการส่งหมายนัดให้โจทก์อีกครั้ง ตามคำฟ้องคดีอาญาดังกล่าวกล่าวหาว่าโจทก์ในคดีนี้ยุยงใช้ให้ผู้อื่นเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ แล้วขนย้ายเครื่องพิมพ์และเครื่องตัดกระดาษของห้างหุ้นส่วนจำกัด ร.ไปโดยทุจริตโจทก์ในคดีนี้แต่งตั้งทนายความต่อสู้คดี จากข้อเท็จจริงดังกล่าวน่าเชื่อว่า โจทก์ได้ทราบว่าโจทก์ถูกจำเลยทั้งสองหลอกลวงว่าเครื่องตัดกระดาษไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสองตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขาย ถือได้ว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองฉ้อโกงโจทก์และรู้ตัวผู้กระทำผิดอย่างช้าก็ก่อนวันที่ 18 กันยายน 2535อันเป็นวันที่จำเลยที่ 2 ไปเบิกความในคดีอาญาดังกล่าวแล้ว คดีนี้เป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2535 เกินกำหนด 3 เดือนโดยโจทก์มิได้ร้องทุกข์ไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.อ.มาตรา 96 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินแยกจากสิทธิประทานบัตร แม้ประทานบัตรหมดอายุ สิทธิครอบครองยังคงอยู่ ผู้บุกรุกต้องรับผิด
สิทธิตามประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ต้องบังคับตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ.2510อันแตกต่างกับสิทธิครอบครองซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงเป็นสิทธิคนละส่วนแยกต่างหากจากกันได้ใช้ว่าหากผู้ใดมีสิทธิตามประทานบัตรแล้วจะไม่อาจมีสิทธิครอบครองในที่ดินตามประทานบัตรนั้นได้ ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ผู้มีสิทธิครอบครองได้โอนการครอบครองติดต่อกันมาจนถึงโจทก์ซึ่งรับโอนทั้งสิทธิครอบครองและสิทธิตามประทานบัตรจากบริษัทซ. กับผู้มีชื่ออื่นๆและโจทก์ได้ยึดถือครอบครองตลอดมาโจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1367แม้ประทานบัตรหมดอายุแล้วก็ไม่ทำให้โจทก์สิ้นสิทธิครอบครองการที่จำเลยและบริวารบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินพิพาทเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินและสิทธิประทานบัตรเป็นสิทธิแยกต่างหาก แม้ประทานบัตรหมดอายุ สิทธิครอบครองยังคงอยู่
ตามคำฟ้องโจทก์นอกจากจะกล่าวอ้างว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิในการทำเหมืองแร่โดยรับโอนสิทธิตามประทานบัตรแล้ว ยังได้กล่าวอ้างมาด้วยว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยซื้อหรือรับโอนมาจากเจ้าของที่ดินเดิมอีกด้วย ดังนี้ สิทธิตามประทานบัตรซึ่งเป็นสิทธิในการทำเหมืองแร่นั้น เป็นสิทธิที่จะต้องบังคับตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 อันแตกต่างกับสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งต้องบังคับตาม ป.พ.พ. จึงเป็นสิทธิคนละส่วนแยกต่างหากจากกันได้ หาใช่ว่าหากผู้ใดมีสิทธิตามประทานบัตรแล้ว จะไม่อาจมีสิทธิครอบครองในที่ดินตามประทานบัตรนั้นได้เลย มิฉะนั้นจะมีผลเป็นว่า ผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินแปลงใดโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แต่เดิมแล้ว หากต่อมาได้รับอนุญาตให้ทำเหมืองแร่ในที่ดินแปลงดังกล่าวจะทำให้สิทธิครอบครองซึ่งมีอยู่เดิมก่อนแล้วต้องหมดสิ้นไปด้วย
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ผู้มีสิทธิครอบครองได้โอนการครอบครองติดต่อกันมาจนถึงโจทก์ซึ่งรับโอนทั้งสิทธิครอบครองและสิทธิตามประทานบัตรจากบริษัท ซ. และโจทก์ได้ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1367 แม้ประทานบัตรของโจทก์หมดอายุแล้วก็หามีผลทำให้โจทก์สิ้นสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสิทธิคนละส่วนกันแต่อย่างใดไม่ การที่จำเลยและบริวารบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินพิพาทจึงเป็นการรบกวนการครอบครองอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกไปจากที่ดินพิพาทได้
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ผู้มีสิทธิครอบครองได้โอนการครอบครองติดต่อกันมาจนถึงโจทก์ซึ่งรับโอนทั้งสิทธิครอบครองและสิทธิตามประทานบัตรจากบริษัท ซ. และโจทก์ได้ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา โจทก์จึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1367 แม้ประทานบัตรของโจทก์หมดอายุแล้วก็หามีผลทำให้โจทก์สิ้นสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสิทธิคนละส่วนกันแต่อย่างใดไม่ การที่จำเลยและบริวารบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินพิพาทจึงเป็นการรบกวนการครอบครองอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกไปจากที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษอาญาต้องมีกฎหมายบัญญัติความผิดและโทษไว้ชัดเจน แม้มีการกระทำผิดเลือกตั้ง แต่ไม่มีกฎหมายกำหนดโทษ จึงไม่สามารถลงโทษได้
ตามพระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495 ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดนั้น ไม่มีมาตราใดบัญญัติกำหนดโทษผู้กระทำผิดไว้และไม่ว่าตามพระราชบัญญัติสุขาภิบาล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2528 มาตรา 3 ได้ให้ยกเลิกความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติสุขาภิบาลพ.ศ. 2495 และให้ใช้ข้อความใหม่แทนได้บัญญัติไว้ในวรรคสุดท้ายของมาตรา 7 ว่า "การเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลตามความใน (4) ให้ใช้วิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลโดยอนุโลม" ก็ตาม แต่ก็มีเจตนารมณ์เพียงว่า ในการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลตามมาตรา 7(4) นั้นให้นำแต่เฉพาะวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่านั้นทั้งนี้เพราะตามพระราชบัญญัติสุขาภิบาลไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับวิธีการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลไว้ มิได้หมายความว่าให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้ทั้งหมด การอนุโลมต้องแปลความโดยเคร่งครัด ดังนั้น จะนำเอาบทกำหนดโทษผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 72 ซึ่งอยู่ในหมวด 9 อันเป็นเรื่องบทกำหนดโทษมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วยหาไม่ได้ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดวิธีการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาล ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ กรณีเช่นนี้ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษอาญาต้องมีกฎหมายบัญญัติความผิดและกำหนดโทษชัดเจน แม้มีการเลือกใช้วิธีการจากกฎหมายอื่นโดยอนุโลม ก็ไม่อาจนำบทกำหนดโทษมาใช้ได้
ตามพระราชบัญญัติสุขาภิบาลพ.ศ.2495ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดนั้นไม่มีมาตราใดบัญญัติกำหนดโทษผู้กระทำผิดไว้และไม่ว่าตามพระราชบัญญัติสุขาภิบาล(ฉบับที่3)พ.ศ.2528มาตรา3ได้ให้ยกเลิกความในมาตรา7แห่งพระราชบัญญัติสุขาภิบาลพ.ศ.2495และให้ใช้ข้อความใหม่แทนได้บัญญัติไว้ในวรรคสุดท้ายของมาตรา7ว่า"การเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลตามความใน(4)ให้ใช้วิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลโดยอนุโลม"ก็ตามแต่ก็มีเจตนารมณ์เพียงว่าในการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลตามมาตรา7(4)นั้นให้นำแต่เฉพาะวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่านั้นทั้งนี้เพราะตามพระราชบัญญัติสุขาภิบาลไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับวิธีการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลไว้มิได้หมายความว่าให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้ทั้งหมดการอนุโลมต้องแปลความโดยเคร่งครัดดังนั้นจะนำเอาบทกำหนดโทษผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลพ.ศ.2482มาตรา72ซึ่งอยู่ในหมวด9อันเป็นเรื่องบทกำหนดโทษมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วยหาไม่ได้ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดวิธีการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้กรณีเช่นนี้ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา2วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาล: การอนุโลมวิธีการเลือกตั้งไม่ใช่การนำบทกำหนดโทษมาใช้
ตาม พ.ร.บ.สุขาภิบาล พ.ศ.2495 ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดนั้น ไม่มีมาตราใดบัญญัติกำหนดโทษผู้กระทำผิดไว้ และแม้ว่าตาม พ.ร.บ.สุขาภิบาล (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2528 มาตรา 3 ได้ให้ยกเลิกความในมาตรา 7แห่ง พ.ร.บ.สุขาภิบาล พ.ศ.2495 และให้ใช้ข้อความใหม่แทนได้บัญญัติไว้ในวรรคสุดท้ายของมาตรา 7 ว่า "การเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลตามความใน(4) ให้ใช้วิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลโดยอนุโลม" ก็ตาม แต่ก็มีเจตนารมณ์เพียงว่า ในการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลตามมาตรา 7 (4) นั้น ให้นำแต่เฉพาะวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่านั้น ทั้งนี้เพราะตาม พ.ร.บ.สุขาภิบาลไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับวิธีการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาลไว้ มิได้หมายความว่าให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลมาใช้ทั้งหมด การอนุโลมต้องแปลความโดยเคร่งครัด ดังนั้น จะนำเอาบทกำหนดโทษผู้กระทำผิดตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 72 ซึ่งอยู่ในหมวด 9 อันเป็นเรื่องบทกำหนดโทษมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วยหาไม่ได้
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดวิธีการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาล ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ กรณีเช่นนี้ต้องด้วย ป.อ.มาตรา 2 วรรคแรก
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดวิธีการเลือกตั้งกรรมการสุขาภิบาล ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ กรณีเช่นนี้ต้องด้วย ป.อ.มาตรา 2 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดเมื่อจำเลยรับสภาพหนี้ การรับรองการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นหลักฐาน
หนังสือที่จำเลยที่3มีถึงโจทก์ไม่มีข้อความตอนใดที่ระบุว่าจำเลยที่3ปฏิเสธความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่อย่างใดถือได้ว่าจำเลยที่3ยอมรับตามสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่1ได้ทำไว้แก่จำเลยที่3และยอมรับที่จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนรายนี้แก่โจทก์แล้วแต่ขอเวลาอีก60วันเพื่อการรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนจะได้ประมวลข้อเท็จจริงทั้งหมดซึ่งเป็นเรื่องดำเนินการตามขั้นตอนทางปฏิบัติของบริษัทจำเลยที่3เท่านั้นการกระทำของจำเลยที่3เป็นการกระทำอันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์แล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา139/14เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้วระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใดให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้นตามมาตรา193/15หนังสือที่จำเลยที่3มีถึงโจทก์ลงวันที่25มีนาคม2533เมื่อนับถึงวันฟ้องคือวันที่23สิงหาคม2534ยังไม่เกินสองปีคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่3จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา882
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้โดยปริยายและการสะดุดหยุดของอายุความตาม ป.พ.พ.
หนังสือที่จำเลยที่ 3 มีถึงโจทก์ไม่มีข้อความตอนใดที่ระบุว่าจำเลยที่ 3 ปฏิเสธความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ยอมรับตามสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 1 ได้ทำไว้แก่จำเลยที่ 3 และยอมรับที่จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนรายนี้แก่โจทก์แล้ว แต่ขอเวลาอีก 60 วัน เพื่อการรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนจะได้ประมวลข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องดำเนินการตามขั้นตอนทางปฏิบัติของบริษัทจำเลยที่ 3 เท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำอันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์แล้ว อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 139/14 เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใด ให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้นตามมาตรา 193/15 หนังสือที่จำเลยที่ 3 มีถึงโจทก์ลงวันที่ 25มีนาคม 2533 เมื่อนับถึงวันฟ้อง คือวันที่ 23 สิงหาคม 2534 ยังไม่เกินสองปีคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 จึงยังไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 882
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดกต้องแสดงเหตุละเลยหน้าที่หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อกองมรดก
การที่ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นผู้คัดค้านต้องบรรยายในคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกให้ปรากฎว่าผู้ร้องละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือทำผิดหน้าที่ผู้จัดการมรดกตามกฎหมายอย่างใดหรือกระทำการใดซึ่งจะเป็นที่เสื่อมประโยชน์ต่อกองมรดกของผู้ตายหรือทำให้ทายาทอื่นเสียหายประการใดอันจะเป็นเหตุที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกแต่ตามคำคัดค้านของผู้คัดค้านระบุเพียงว่าผู้ร้องมีอายุถึง75ปีแล้วไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้โดยมิได้บรรยายถึงเหตุที่ว่าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นั้นเป็นอย่างใดที่ว่าพฤติการณ์ที่ผ่านมาเจ้ามรดกมิได้ไว้วางใจให้ดูแลทรัพย์สินหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดกก็มิได้เป็นเหตุถึงขนาดที่ผู้ร้องจะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายไม่ได้ส่วนข้ออ้างที่ว่าผู้ร้องปกปิดผู้คัดค้านในการมาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะขอให้ถอนผู้จัดการมรดกได้ดังนั้นคำคัดค้านของผู้คัดค้านจึงไม่ต้องด้วยบทกฎหมายที่จะขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ศาลจึงไม่จำต้องทำการไต่สวนคำคัดค้านของผู้คัดค้าน