คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 869

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นความคุ้มครองประกันภัย: การระเบิดของแก๊สเพื่อการค้าไม่อยู่ในความคุ้มครอง
สัญญากรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ชัดเจนว่า จำเลยจะต้องรับผิดในทรัพย์สินที่เอาประกันภัยต้องสูญเสียหรือเสียหายไปเฉพาะ"เนื่องจากเพลิงไหม้หรือฟ้าผ่า หรือการระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น" เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ทรัพย์ที่โจทก์ได้เอาประกันภัยไว้ต้องสูญเสียหรือเสียหายเนื่องมาจากการระเบิดของแก๊สที่ใช้จุดสำหรับหุงต้มอาหารเพื่อจำหน่ายที่ภัตตาคาร ช. ซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานของโจทก์ จึงมิใช่การระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย การสูญเสียหรือเสียหายของทรัพย์สินโจทก์ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในความคุ้มครอง ทั้งยังเข้าข้อยกเว้นความรับผิดที่กำหนดไว้ว่าการประกันภัยรายนี้ไม่คุ้มครองการสูญเสียหรือการเสียหายอันเกิดจากหรือเนื่องมาจากการระเบิดทุกชนิดรวมทั้งการระเบิดของแก๊สที่ใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือการผลิตจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2532).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคุ้มครองประกันภัยอัคคีภัย: การระเบิดแก๊สเพื่อการค้าไม่อยู่ในความคุ้มครอง
สัญญากรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ชัดเจนว่า จำเลยจะต้องรับผิดในทรัพย์สินที่เอาประกันภัยต้องสูญเสียหรือเสียหายไปเฉพาะ "เนื่องจากเพลิงไหม้หรือฟ้าผ่า หรือการระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น" เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ทรัพย์ที่โจทก์ได้เอาประกันภัยไว้ต้องสูญเสียหรือเสียหายเนื่องมาจากการระเบิดของแก๊สที่ใช้จุดสำหรับหุงต้มอาหารเพื่อจำหน่ายที่ภัตตาคาร ช. ซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานของโจทก์ จึงมิใช่การระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย การสูญเสียหรือเสียหายของทรัพย์สินโจทก์ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในความคุ้มครอง ทั้งยังเข้าข้อยกเว้นความรับผิดที่กำหนดไว้ว่าการประกันภัยรายนี้ไม่คุ้มครองการสูญเสียหรือการเสียหายอันเกิดจากหรือเนื่องมาจากการระเบิดทุกชนิด รวมทั้งการระเบิดของแก๊สที่ใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือการผลิต จำเลยจึงไม่ต้อง รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3518/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคุ้มครองประกันภัยอัคคีภัยจำกัดเฉพาะเพลิงไหม้/ฟ้าผ่า/การระเบิดแก๊สเพื่อแสงสว่าง/อยู่อาศัยเท่านั้น
สัญญากรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ชัดเจนว่า จำเลยจะต้องรับผิดในทรัพย์สินที่เอาประกันภัยต้องสูญเสียหรือเสียหายไปเฉพาะ"เนื่องจากเพลิงไหม้หรือฟ้าผ่า หรือการระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น" เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ทรัพย์ที่โจทก์ได้เอาประกันภัยไว้ต้องสูญเสียหรือเสียหายเนื่องมาจากการระเบิดของแก๊สที่ใช้จุดสำหรับหุงต้มอาหารเพื่อจำหน่ายที่ภัตตาคาร ช. ซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานของโจทก์ จึงมิใช่การระเบิดของแก๊สที่ใช้สำหรับทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย การสูญเสียหรือเสียหายของทรัพย์สินโจทก์ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในความคุ้มครอง ทั้งยังเข้าข้อยกเว้นความรับผิดที่กำหนดไว้ว่าการประกันภัยรายนี้ไม่คุ้มครองการสูญเสียหรือการเสียหายอันเกิดจากหรือเนื่องมาจากการระเบิดทุกชนิดรวมทั้งการระเบิดของแก๊สที่ใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือการผลิตจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว.
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2532)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3622/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความหมายของ 'อุบัติเหตุ' ในประกันภัยรถยนต์: การชิงทรัพย์และการเสียชีวิตของผู้ขับขี่
โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่จำเลยและได้เอาประกันภัย อุบัติเหตุส่วนบุคคลผู้ขับขี่ไม่ระบุนามไว้ด้วยโดยมีเงื่อนไขว่า จะใช้บังคับเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาตจากผู้เอาประกันภัย ที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยได้รับอุบัติเหตุในขณะที่กำลังขับขี่ หรือกำลังขึ้นหรือลงจากรถยนต์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้น ปรากฏว่าระหว่างอายุสัญญาพ.ผู้ขับขี่รถยนต์ของโจทก์ได้ขับรถยนต์ ดังกล่าวจะไปส่งของที่กรุงเทพมหานครระหว่างทางได้ถูกคนร้าย ชิงเอารถยนต์ไปและคนร้ายได้ฆ่าพ.ถึงแก่ความตายเนื่องจากคนร้าย มีเจตนาลักรถยนต์ของโจทก์พบศพอยู่ห่างถนนที่เกิดเหตุประมาณ 7 เส้นดังนี้ เห็นได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นแก่ พ. เป็นผลโดยตรงหรือ เนื่องมาจากการชิงทรัพย์นั่นเองและได้เกิดขึ้นขณะพ.กำลัง ขับขี่รถยนต์อยู่ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุตามกรมธรรม์ประกันภัย
ตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุมิได้ให้คำจำกัดความว่า'อุบัติเหตุ'ไว้ จึงต้องถือความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ซึ่งให้ความหมายไว้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดหรือความบังเอิญเป็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3622/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลกรณีถูกฆ่าชิงทรัพย์ขณะขับรถ: ถือเป็นอุบัติเหตุตามกรมธรรม์หรือไม่
โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่จำเลย และได้เอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลผู้ขับขี่ไม่ระบุนามไว้ด้วยโดยมีเงื่อนไขว่า จะใช้บังคับเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาตจากผู้เอาประกันภัยที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ได้รับอุบัติเหตุในขณะที่กำลังขับขี่หรือกำลังขึ้นหรือลงจากรถยนต์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้น ปรากฏว่าระหว่างอายุสัญญา พ.ผู้ขับขี่รถยนต์ของโจทก์ได้ขับรถยนต์ดังกล่าวจะไปส่งของที่กรุงเทพมหานครระหว่างทางได้ถูกคนร้ายชิงเอารถยนต์ไป และคนร้ายได้ฆ่า พ.ถึงแก่ความตายเนื่องจากคนร้ายมีเจตนาลักรถยนต์ของโจทก์ พบศพอยู่ห่างถนนที่เกิดเหตุประมาณ 7 เส้นดังนี้ เห็นได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นแก่ พ. เป็นผลโดยตรงหรือ เนื่องมาจากการชิงทรัพย์นั่นเอง และได้เกิดขึ้นขณะ พ. กำลัง ขับขี่รถยนต์อยู่ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุตามกรมธรรม์ประกันภัย
ตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุมิได้ให้คำจำกัดความว่า "อุบัติเหตุ" ไว้ จึงต้องถือความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ซึ่งให้ความหมายไว้ว่า เหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หรือความบังเอิญเป็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2779/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยรถยนต์: ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากการลักทรัพย์ แม้รถคืนสภาพชำรุด
โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อมาไว้แก่บริษัทจำเลย ตามกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยจะต้องรับผิดใช้ ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายหรือสูญหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เนื่องจากการลักทรัพย์ ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 30,000บาท ต่อมาในระหว่างอายุสัญญาประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวถูกคนร้ายลักไปโจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้ว่าในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ โจทก์จะได้รถยนต์ดังกล่าวคืนมาแต่ได้คืนมาในสภาพชำรุดเสียหายต้องซ่อมเป็นเงิน 51,200 บาท ดังนี้ ศาล ก็พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตาม กรมธรรม์ประกันภัยได้
ตามกรมธรรม์ประกันภัยมีเงื่อนไขให้จำเลยรับผิดใช้ ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายหรือสูญหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เนื่องจากการลักทรัพย์ ก็ต้องหมายความว่าจำเลยจะรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่รถยนต์สูญหายไปเนื่องจากการลักทรัพย์อย่างหนึ่ง และในกรณีที่รถยนต์ เกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากการลักทรัพย์อีกอย่างหนึ่ง รถยนต์ของโจทก์เกิดความชำรุดเสียหายก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการลักทรัพย์โดยตรง จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เพื่อ ความเสียหายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2779/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยรถยนต์: ความเสียหายจากการลักทรัพย์ ครอบคลุมทั้งความสูญหายและค่าซ่อม
โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อมาไว้แก่บริษัทจำเลย ตามกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยจะต้องรับผิดใช้ ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายหรือสูญหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เนื่องจากการลักทรัพย์ ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 30,000 บาท ต่อมาในระหว่างอายุสัญญาประกันภัยรถยนต์ดังกล่าวถูกคนร้ายลักไปโจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้ว่าในระหว่างการพิจารณา คดีนี้ โจทก์จะได้รถยนต์ดังกล่าวคืนมา แต่ได้คืนมา ในสภาพชำรุดเสียหายต้องซ่อมเป็นเงิน 51,200 บาท ดังนี้ ศาล ก็พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตาม กรมธรรม์ประกันภัยได้ ตามกรมธรรม์ประกันภัยมีเงื่อนไขให้จำเลยรับผิดใช้ ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายหรือสูญหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้เนื่องจากการลักทรัพย์ ก็ต้องหมายความว่าจำเลยจะรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่รถยนต์สูญหายไปเนื่องจากการลักทรัพย์อย่างหนึ่ง และในกรณีที่รถยนต์ เกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากการลักทรัพย์อีกอย่างหนึ่งรถยนต์ของโจทก์เกิดความชำรุดเสียหายก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการลักทรัพย์โดยตรง จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เพื่อ ความเสียหายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัยไม่สามารถโอนไปยังผู้รับช่วงสิทธิในสัญญาเช่าซื้อได้ เว้นแต่มีการโอนสิทธิโดยตรง
การที่โจทก์ที่ 2 เข้าทำสัญญารับรองการเช่าซื้อของ โจทก์ที่ 1โดยในกรณีที่โจทก์ที่ 1 ผิดสัญญา โจทก์ที่ 2 จะต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์รถที่เอาประกันภัยมาเป็นของโจทก์ที่ 2 นั้น เป็นการรับโอนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ที่1 มีต่อผู้ให้เช่าซื้อมาเป็นของโจทก์ที่ 2 เท่านั้น หาได้รวมไปถึงสิทธิเรียกร้องที่โจทก์ที่ 1 มีต่อ จำเลยที่ 3 ตามสัญญาประกันภัยด้วยไม่ เพราะเป็นสัญญาอีก ฉบับหนึ่งแยกต่างหากจากสัญญาเช่าซื้อ ขณะเกิดวินาศภัยแก่รถที่เอาประกันภัยโจทก์ที่ 1 ยังอยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าซื้อ สิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 3ใช้ค่าสินไหมทดแทนในเหตุวินาศภัยย่อมเป็นของโจทก์ที่1ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยที่จะเรียกร้องจากจำเลยที่ 3 การที่โจทก์ที่ 2 จะใช้สิทธิเรียกร้องนี้ได้ก็แต่โดยโจทก์ที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องนั้นให้แก่โจทก์ที่ 2เท่านั้น และกรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 875 เพราะโจทก์ที่ 2 ได้รับโอนรถที่เอาประกันภัยมาภายหลังที่ความวินาศภัยได้ เกิดขึ้นแล้ว สิทธิอันมีอยู่ ในสัญญาประกันภัย ย่อมไม่โอนตามไป
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 เป็นฝ่ายนำสืบก่อน โจทก์ที่1 ขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยมิได้สั่งจำหน่ายคดีของ โจทก์ที่ 1 ย่อมถือได้ว่าเป็นการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้คัดค้านจนศาลชั้นต้นสืบพยานทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นและ วินิจฉัยชี้ขาดคดีไปแล้ว จึงล่วงเลยเวลาที่จะคัดค้าน กรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งจำหน่ายคดีโจทก์ที่ 1 แล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 จำเลยจึงหมด สิทธิที่จะยกข้อคัดค้านเรื่องนี้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา
ตามกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจากการชนที่เกิดขึ้น ระหว่างระยะเวลาประกันภัยย่อมหมายความว่า ความเสียหายที่จำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดมีเฉพาะแต่ความเสียหายต่อตัวรถและอุปกรณ์ เท่านั้น ความเสียหายเนื่องจากขาดรายได้ประจำวัน มิใช่ความเสียหายต่อตัวรถและอุปกรณ์ จำเลยที่ 3จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้ให้แก่โจทก์ที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัยไม่โอนตามกรรมสิทธิ์รถ หากเกิดความเสียหายก่อนการโอนสิทธิ
การที่โจทก์ที่ 2 เข้าทำสัญญารับรองการเช่าซื้อของ โจทก์ที่ 1 โดยในกรณีที่โจทก์ที่ 1 ผิดสัญญา โจทก์ที่ 2 จะต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์รถที่เอาประกันภัยมาเป็นของโจทก์ที่ 2 นั้น เป็นการรับโอนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ที่1 มีต่อผู้ให้เช่าซื้อมาเป็นของโจทก์ที่ 2 เท่านั้น หาได้รวมไปถึงสิทธิเรียกร้องที่โจทก์ที่ 1 มีต่อ จำเลยที่ 3 ตามสัญญาประกันภัยด้วยไม่ เพราะเป็นสัญญาอีก ฉบับหนึ่งแยกต่างหากจากสัญญาเช่าซื้อ ขณะเกิดวินาศภัยแก่รถที่เอาประกันภัย โจทก์ที่ 1 ยังอยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าซื้อ สิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าสินไหมทดแทนในเหตุวินาศภัยย่อมเป็นของโจทก์ที่1 ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยที่จะเรียกร้องจากจำเลยที่ 3 การที่โจทก์ที่ 2 จะใช้สิทธิเรียกร้องนี้ได้ก็แต่โดยโจทก์ที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องนั้นให้แก่โจทก์ที่ 2 เท่านั้น และกรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 875 เพราะโจทก์ที่ 2 ได้รับโอนรถที่เอาประกันภัยมาภายหลังที่ความวินาศภัยได้ เกิดขึ้นแล้ว สิทธิอันมีอยู่ ในสัญญาประกันภัย ย่อมไม่โอนตามไป โจทก์ที่ 1 ที่ 2 เป็นฝ่ายนำสืบก่อน โจทก์ที่1 ขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยมิได้สั่งจำหน่ายคดีของ โจทก์ที่ 1 ย่อมถือได้ว่าเป็นการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้คัดค้านจนศาลชั้นต้นสืบพยานทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นและ วินิจฉัยชี้ขาดคดีไปแล้วจึงล่วงเลยเวลาที่จะคัดค้าน กรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งจำหน่ายคดีโจทก์ที่ 1 แล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 จำเลยจึงหมด สิทธิที่จะยกข้อคัดค้านเรื่องนี้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา ตามกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ติดประจำเนื่องจากการชนที่เกิดขึ้นระหว่างระยะเวลาประกันภัยย่อมหมายความว่า ความเสียหายที่จำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดมีเฉพาะแต่ความเสียหายต่อตัวรถและอุปกรณ์ เท่านั้น ความเสียหายเนื่องจากขาดรายได้ประจำวันมิใช่ความเสียหายต่อตัวรถและอุปกรณ์ จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้ให้แก่โจทก์ที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิฟ้องของบริษัทประกันภัยเมื่อชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว แม้กรมธรรม์จะขาดตราสำคัญ
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. ได้เอาประกันภัยทางทะเลสำหรับความเสียหายอันเกิดแก่สินค้าที่สั่งซื้อจากต่างประเทศไว้ต่อโจทก์ จำเลยเป็นผู้รับทำการขนสินค้าดังกล่าวจากสิงคโปร์มากรุงเทพ ปรากฏว่าสินค้าดังกล่าวได้สูญหายไปบางส่วน โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ล. ไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้ แม้ในกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างโจทก์กับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคลล ล. นั้นจะมิได้ประทับตามสำคัญของบริษัทโจทก์ก็ตาม ก็เป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลล. กับโจทก์ซึ่งต่างก็ได้ปฏิบัติไปตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้กันไว้โดยไม่มีข้อคัดค้านโต้เถียงเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยแต่ประการใดจึงหาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นความรับผิดไปได้ไม่
of 5