พบผลลัพธ์ทั้งหมด 487 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับหนี้ด้วยการชำระเงินและการนำสืบพยานหลักฐานการชำระหนี้ภายใต้ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จริง แต่ได้ชำระเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว โดยโจทก์จำเลยตกลงกันว่า โจทก์จะเป็นผู้รับเงินค่าจ้างทำทางจากกรมทางฯ แทนบริษัทพาณิชย์ฯ ซึ่งจำเลยรับจ้างจากบริษัทพาณิชย์ฯขุดดินถมคันทางที่บริษัทพาณิชย์ฯ รับจ้างสร้างทางจากกรมทางฯ และโจทก์ได้รับเงินจากกรมทางฯ ไปแล้วโดยโจทก์ได้หักเงินจำนวนนั้นชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยครบถ้วนแล้ว หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีเหลืออยู่ ที่จำเลยให้การต่อสู้ดังนี้ ย่อมหมายความว่า หนี้เงินกู้รายนี้ได้ระงับไปแล้ว ซึ่งเท่ากับจำเลยได้ต่อสู้คดีว่าหนี้ระงับโดยมีการใช้เงินกันแล้ว หาใช่ระงับไปเพราะมีการยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเงินไม่ เมื่อการใช้หนี้เงินกู้รายนี้ จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดงทั้งจำเลยยอมรับว่าสัญญากู้เวลานี้ยังอยู่ที่โจทก์โดยมิได้มีการสลักหลังกันแต่ประการใด จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำสืบการใช้เงินกู้นี้ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความระงับข้อพิพาทแล้วย่อมเป็นยุติ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเจตนาในคดีหลัง ศาลไม่อาจบังคับให้ชดใช้เงินตามข้อเสนอ
ในคดีก่อน โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของรวมกันในที่ดินแปลงพิพาทและจำเลยยอมรับว่า ได้อาศัยอยู่ในที่ดินนี้ตอนเหนือจนกว่าโจทก์จำเลยจะได้ทำการแบ่งที่ดินกันศาลพิพากษาตามยอม เมื่อโจทก์ฟ้องขอแบ่งแยกที่ดินรายนี้ในคดีหลัง จำเลยจะอ้างว่าได้ครอบครองที่พิพาทตอนเหนือโดยปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้วและจะขอนำพยานสืบประกอบในข้อนี้หาได้ไม่เพราะข้อพิพาทอันนี้ได้ระงับไปโดยสัญญายอมในคดีก่อนแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่าถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่งโดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาทจำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่าเพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 30,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วยข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา30,000 บาทนั่นเองเมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่าจำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริงก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลยอนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่าเพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไรโดยทดแทนเงินกันเพียงใดจึงจะสมควรตามนัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่าถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่งโดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาทจำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่าเพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 30,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วยข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา30,000 บาทนั่นเองเมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่าจำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริงก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลยอนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่าเพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไรโดยทดแทนเงินกันเพียงใดจึงจะสมควรตามนัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประนีประนอมและการฟ้องขับไล่: จำเลยโต้แย้งสิทธิในที่ดินภายหลังยอมรับข้อตกลงไม่ได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันที่อำเภอว่าจำเลยยอมออกจากที่พิพาท เมื่อจำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงฟ้องขับไล่
จำเลยจะเถียงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ โจทก์มีกรรมสิทธิ์ไม่ได้ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น หาได้ไม่
จำเลยจะเถียงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ โจทก์มีกรรมสิทธิ์ไม่ได้ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเดิมด้วยการกู้ยืมเงินและมอบรถยนต์เป็นประกัน โดยจำเลยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาขายรถยนต์ปอนเตี๊ยกจึงเรียกเงินมัดจำคืนจำเลยต่อสู้ว่ากู้เงินโจทก์ 15,000บาทเอารถฮิลแมนประกันแล้วกู้อีก 10,000 บาทเอารถปอนเตี๊ยกประกันต่อมาจำเลยชำระคืน 15,000 บาทโจทก์คืนรถปอนเตี๊ยกให้แล้วโจทก์ยึดรถฮิลแมนของจำเลยโอนเป็นของโจทก์ โจทก์ยังจะต้องคืนเงินให้จำเลยอีก5,000 บาทข้อต่อสู้ของจำเลยมิได้กล่าวอ้างตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย ดังนี้ จำเลยจะนำสืบเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญาซื้อขายท้ายฟ้องของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในคดีแชร์เปียหวย เมื่อจำเลยปฏิเสธสิ้นเชิง ศาลเชื่อพยานโจทก์ได้
เมื่อฟังว่าจำเลยเป็นนายวงแชร์เปียหวย และโจทก์ได้เล่นแชร์เปียหวยกับจำเลยจนแชร์หรือหวยล้ม ย่อมเป็นการแน่ว่าการที่หวยล้มไม่ทันครบรอบ ดังนี้ จะต้องมีค่าหุ้นที่โจทก์ส่งไปแล้วค้างชำระอยู่ที่จำเลยโดยที่โจทก์ยังไม่เคยประมูลได้เลย เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้เลยว่าได้ส่งเงินค่าหุ้นคืนให้โจทก์หรือไม่ หรือว่ายังค้างชำระอยู่เพียงใด แต่จำเลยกลับให้การปฏิเสธเสียสิ้นว่าไม่ได้เล่นแชร์เปียหวยกับโจทก์เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ ในการวินิจฉัยคดีก็ควรเชื่อได้ตามคำยืนยันของโจทก์(แม้มีคำตัวโจทก์เพียงคนเดียวเท่านั้น) ว่าจำเลยยังค้างเงินค่าหุ้นซึ่งจะใช้คืนให้โจทก์ตามจำนวนดังฟ้องจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การของจำเลยที่ไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา ทำให้ศาลรับฟังตามฟ้องได้ แม้โจทก์ไม่สืบพยาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา จำเลยให้เช่าช่วง โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยแล้วจำเลยให้การแต่เพียงว่าจำเลยเช่าห้องโจทก์เท่านั้น ดังนี้จะถือว่าจำเลยปฏิเสธในเรื่องไม่มีกำหนดระยะเวลาเช่าและโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วด้วยไม่ได้ เพราะจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ไว้ ก็ต้องถือว่าฟ้องข้อนั้นไม่เป็นประเด็นข้อทุ่มเถียงในคดี โจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลรับฟังตามฟ้องได้เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายต่างไม่สืบพยานโจทก์ก็ต้องชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบของโจทก์ในคดีหุ้นส่วน: เมื่อโจทก์กล่าวอ้างและจำเลยปฏิเสธ โจทก์ต้องพิสูจน์ก่อน
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีมาเป็นเรื่องหุ้นส่วน ซึ่งจำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้เข้าหุ้นส่วนกับโจทก์ และอ้างว่าการที่จำเลยเข้าอยู่ในตึกแถวรายพิพาทก็โดยเช่าจากโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนของบุคคลภายนอก เช่นนี้เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบก่อน เพราะโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงสนับสนุนคำฟ้องของตน เมื่อโจทก์นำสืบไม่สมว่าเป็นหุ้นส่วนกันก็เป็นการเพียงพอที่จะยกฟ้องเสียได้ ไม่จำเป็นจะต้องวินิจฉัยไปถึงพยานหลักฐานของจำเลย เพราะข้อที่จำเลยจะได้เช่าตึกรายพิพาทจากโจทก์หรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นในคดีนี้ ข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวเป็นแต่เพียงเหตุแห่งการปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์เท่านั้น ประเด็นในคดีนี้มีเพียงว่า การที่จำเลยเข้ามาทำการค้าในสถานที่รายพิพาท โดยจำเลยเข้ามาในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์หรือมิใช่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การ/ฟ้องแย้งเคลือบคลุม: จำเลยต้องแสดงรายการค่าใช้จ่าย/ปี/จำนวนเงินชัดเจน จึงจะสามารถนำสืบได้
คำให้การซึ่งฟ้องแย้งขอให้หักเงินค่าใช้จ่ายหลายประเภทและจำนวนหลายปีนั้น ให้แสดงรายการให้ชัดว่าอย่างไหน ปีไหนเป็นเงินเท่าใดมิฉะนั้นเป็นการเคลือบคลุม ศาลสั่งในวันชี้สองสถานว่าเป็นฟ้องแย้งที่เคลือบคลุม ไม่มีประเด็นสืบ
คำให้การในคดีแพ่งที่เคลือบคลุมนั้น แม้จะไม่มีฟ้องแย้งรวมอยู่ด้วย จำเลยก็ไม่มีประเด็นจะสืบ
คำให้การในคดีแพ่งที่เคลือบคลุมนั้น แม้จะไม่มีฟ้องแย้งรวมอยู่ด้วย จำเลยก็ไม่มีประเด็นจะสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อค้าและอยู่อาศัย ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า หากมีวัตถุประสงค์หลักคือการค้า
การเช่าตึกแถวเพื่อประกอบธุระกิจการค้า แม้จะอาศัยอยู่ในตึกด้วย ก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ (อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ (อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)