พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2546 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองพื้นที่ป่าสงวนฯ เพื่อผู้อื่น จำเลยเพียงรับจ้างใส่ปุ๋ย ไม่ถือว่าครอบครองเพื่อผู้อื่น
การที่จำเลยรับจ้างบุคคลอื่นใส่ปุ๋ยต้นยางพาราที่ปลูกอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวเพื่อผู้อื่นด้วย ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองสวนยางพาราพื้นที่เกิดเหตุโดยยึดถือเอาไว้เพื่อผู้อื่น ตามความหมายของมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 หรือ มาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
เมื่อศาลมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิด กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 72 ตรี วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ มาตรา 31 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ที่จะสั่งให้จำเลย คนงานผู้รับจ้างผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุตามที่โจทก์ขอได้
เมื่อศาลมิได้พิพากษาชี้ขาดว่าจำเลยกระทำความผิด กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 72 ตรี วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ มาตรา 31 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ที่จะสั่งให้จำเลย คนงานผู้รับจ้างผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุตามที่โจทก์ขอได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7775/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำไม้และก่นสร้างแผ้วถางป่า: หลักการลงโทษกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
ความผิดฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานก่นสร้างแผ้วถางป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 73 วรรคสอง และมาตรา54, 72 ตรี เมื่อเป็นการกระทำความผิดในคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 11, 73 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ.มาตรา 90 แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในปัญหานี้ แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7775/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำไม้และบุกรุกป่า: ศาลแก้ไขโทษกระทงความผิดกรรมเดียว
ความผิดฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานก่นสร้างแผ้วถางป่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11,73 วรรคสอง และมาตรา 54,72 ตรี เมื่อเป็นการกระทำความผิดในคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 11,73 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มี โทษหนักที่สุดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในปัญหานี้แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสีย ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2564/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแผ้วถางป่าในเขตป่าจำแนก ต้องได้รับอนุญาตหรือประกาศจัดเป็นพื้นที่เกษตรกรรมจึงจะชอบด้วยกฎหมาย
การแผ้วถางหรือยึดถือหรือครอบครองป่าอันจะเข้าข้อยกเว้นความผิด ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 วรรคแรกจะต้องเป็นกรณีที่กระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรมและรัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือโดย ได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น ที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าจำแนกซึ่งทางราชการกันไว้สำหรับจัดเป็นที่ทำกินสำหรับประชาชนในภายหน้า แต่ปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงเป็นป่าจำแนกซึ่งยังมิได้จำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจำเลยมิได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เข้าแผ้วถางหรือยึดถือหรือครอบครองป่าที่เกิดเหตุ จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54,72 ตรี วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2402/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: ความผิดต่อเนื่องกับการครอบครองไม้หวงห้าม
โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครองแผ้วถาง เผาป่า และโค่นตัดฟันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยระบุเวลาในการกระทำผิดว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่ 4เมษายน 2532 ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2532 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน แต่มิได้ระบุว่ากระทำผิดฐานใด ในวันเวลาใดให้ชัดแจ้ง จึงถือได้ว่าจำเลยกระทำความผิดในคราวเดียวกัน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ส่วนความผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดแยกต่างหากจากความผิดฐานยึดถือครอบครองแผ้วถาง เผาป่าและโค่นตัดฟันทำไม้ในป่าสงวนแห่งชาติ ถือได้ว่าเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ของกลางในคดีป่าไม้: ศาลพิจารณาจากความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และใช้ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายอาญา
การมีถ่านไม้อันเป็นของป่าหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มิใช่การกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 11,48,54 และ 69 รถยนต์ของกลางซึ่งใช้เป็นยานพาหนะขนถ่านไม้ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในข่ายอันจะพึงริบได้ตามมาตรา 74 ทวิแต่ศาลนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 17
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2498/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้ขนถ่านไม้ผิดกฎหมาย: ศาลใช้ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายอาญา แม้ พ.ร.บ.ป่าไม้ไม่ได้บัญญัติริบ
การมีถ่านไม้อันเป็นของป่าหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มิใช่การกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 11,48,54 และ 69 รถยนต์ของกลางซึ่งใช้เป็นยานพาหนะขนถ่านไม้ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในข่ายอันจะพึงริบได้ตามมาตรา74 ทวิ แต่ศาลนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง: การขุดดินลูกรังโดยเข้าใจผิดว่าได้รับอนุญาตแล้ว ทำให้ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มีระเบียบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดว่าการขุดดินลูกรังจะต้องขออนุญาตต่อนายอำเภอและต้องชำระค่าตอบแทนการอนุญาต จำเลยทำสัญญารับจ้างขุดขนดินลูกรังให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยกรอกข้อความยินยอมชำระค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไว้ท้ายประกวดราคา ทั้งผู้ที่ทำสัญญารับจ้างเช่นนี้ในครั้งก่อน ๆ ไม่เคยขออนุญาต การที่จำเลยสั่งให้คนงานไปขุดและขนลูกรังไปกองไว้ตามสัญญาโดยมิได้ขออนุญาตต่อนายอำเภอท้องที่ตามระเบียบ โดยเข้าใจว่าการที่จำเลยเข้าทำสัญญารับจ้างขุดและขนลูกรั ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นการได้รับอนุญาตให้ขุดลูกรังได้โดยไม่จำต้องขออนุญาตอีก กรณีเป็นเรื่องจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง: เข้าใจว่าสัญญาขุดดินลูกรังถือเป็นการอนุญาตแล้ว ไม่ต้องขออนุญาตซ้ำ
มีระเบียบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดว่าการขุดดินลูกรังจะต้องขออนุญาตต่อนายอำเภอและต้องชำระค่าตอบแทนการอนุญาตจำเลยทำสัญญารับจ้างขุดขนดินลูกรังให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยกรอกข้อความยินยอมชำระค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา9แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไว้ท้ายประกวดราคาทั้งผู้ที่ทำสัญญารับจ้างเช่นนี้ในครั้งก่อนๆไม่เคยขออนุญาตการที่จำเลยสั่งให้คนงานไปขุดและขนลูกรังไปกองไว้ตามสัญญาโดยมิได้ขออนุญาตต่อนายอำเภอท้องที่ตามระเบียบโดยเข้าใจว่าการที่จำเลยเข้าทำสัญญารับจ้างขุดและขนลูกรังให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นการได้รับอนุญาตให้ขุดลูกรังได้โดยไม่จำต้องขออนุญาตอีกกรณีเป็นเรื่องจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา62วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3943/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง: การเข้าใจว่าสัญญาจ้างขุดดินลูกรังเป็นการอนุญาตให้ขุดได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเพิ่มเติม
มีระเบียบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดว่าการขุดดินลูกรังจะต้องขออนุญาตต่อนายอำเภอและต้องชำระค่าตอบแทนการอนุญาตจำเลยทำสัญญารับจ้างขุดขนดินลูกรังให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยกรอกข้อความ ยินยอมชำระค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่ง ประมวลกฎหมายที่ดินไว้ท้ายประกวดราคาทั้งผู้ที่ทำสัญญารับจ้างเช่นนี้ ในครั้งก่อนๆไม่เคยขออนุญาต การที่จำเลยสั่งให้คนงานไปขุด และขนลูกรังไปกองไว้ตามสัญญาโดยมิได้ขออนุญาตต่อนายอำเภอท้องที่ ตามระเบียบ โดยเข้าใจว่าการที่จำเลยเข้าทำสัญญารับจ้างขุดและ ขนลูกรัง ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นการได้รับอนุญาตให้ขุดลูกรังได้โดยไม่จำต้องขออนุญาตอีก กรณีเป็นเรื่องจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 62 วรรคแรก