คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 18

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 511 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเป็นคู่ความร่วม: การจำแนกประเภทคำสั่งและการอุทธรณ์
คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคู่ความร่วมในคดีตามคำร้องของจำเลยนั้น ไม่ใช่คำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความและไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความ แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งห้ามมิให้อุทธรณ์ในระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขออธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาและการบังคับคดี: ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องอธิบายคำพิพากษาที่ชัดเจน และโจทก์ควรดำเนินการบังคับคดีในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาอธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาว่าจะใช้คำพิพากษาศาลใดบังคับ ศาลชั้นต้นควรส่งคำร้องให้ศาลฎีกาสั่งโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืนตามศาลล่างว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องนั้น มีข้อความแจ้งชัด ไม่จำต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติมทั้งกรณีมิใช่คำพิพากษามีข้อผิดพลาด หรือข้อผิดหลงเล็กน้อยหรือจะต้องมีการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทอย่างใดอีก
ตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 24/2512โจทก์ชอบที่จะไปดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาศาลฎีกาแจ้งชัดแล้ว ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม การบังคับคดีต้องดำเนินการในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาอธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาว่า จะใช้คำพิพากษาศาลใดบังคับ ศาลชั้นต้นควรส่งคำร้องให้ศาลฎีกาสั่งโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืนตามศาลล่างว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องนั้น มีข้อความแจ้งชัด ไม่จำต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม ทั้งกรณีมิใช่คำพิพากษามีข้อผิดพลาด หรือข้อผิดหลงเล็กน้อย หรือจะต้องมีการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทอย่างใดอีก
ตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 24/2512โจทก์ชอบที่จะไปดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเช่าอสังหาริมทรัพย์และประวิงคดี: หลักฐานสัญญาเช่า, ดุลยพินิจศาล, เจตนาประวิงคดี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บังคับแต่เพียงว่าในการเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ อย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้เท่านั้น มิได้บังคับว่าจะต้องแนบสัญญาเช่าหรือหลักฐานการเช่ามาพร้อมกับคำฟ้องด้วย จึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ทั้งไม่มีกฎหมายบทใดบังคับไว้เช่นนั้นด้วย
การที่ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไปทีเดียว หรือจะรอไว้วินิจฉัยในคำพิพากษานั้น เป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นและปัญหากฎหมายที่จำเลยขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นนั้น แม้จะวินิจฉัยชี้ขาดก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลย เพราะข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจะพิจารณาวินิจฉัยพร้อมคำพิพากษาให้ดำเนินการสืบพยานไป ดังนี้ชอบด้วยกระบวนพิจารณาความแล้ว
ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะจำเลยไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง และทนายจำเลยแถลงด้วยว่านัดหน้าถ้าจำเลยไม่มาศาล ก็จะไม่ขอเลื่อน ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่ 2 จำเลยกลับไม่เตรียมพยานมาและขอเลื่อนอีก ศาลชั้นต้นไม่ยอมให้เลื่อนและให้ทนายจำเลยนำจำเลยเข้าเบิกความเป็นพยาน ทนายจำเลยก็ไม่ยอมนำเข้าเบิกความ ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะประวิงคดีเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีล่าช้า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้เลื่อนวันสืบพยาน และถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน และไม่มีพยานมาสืบจึงเป็นการชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเช่าอสังหาริมทรัพย์และประวิงคดี: หลักฐานสัญญาเช่า, ดุลยพินิจศาล, และเจตนาประวิงคดี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บังคับแต่เพียงว่าในการเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้เท่านั้นมิได้บังคับว่าจะต้องแนบสัญญาเช่าหรือหลักฐานการเช่ามาพร้อมกับคำฟ้องด้วย จึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ทั้งไม่มีกฎหมายบทใดบังคับไว้เช่นนั้นด้วย
การที่ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไปทีเดียว หรือ จะรอไว้วินิจฉัยในคำพิพากษานั้น เป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นและปัญหากฎหมายที่จำเลยขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นนั้น แม้จะวินิจฉัยชี้ขาดก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลย เพราะข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจะพิจารณาวินิจฉัยพร้อมคำพิพากษาให้ดำเนินการสืบพยานไป ดังนี้ชอบด้วยกระบวนพิจารณาความแล้ว
ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะจำเลยไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง และทนายจำเลยแถลงด้วยว่านัดหน้าถ้าจำเลยไม่มาศาล ก็จะไม่ขอเลื่อนในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่ 2 จำเลยกลับไม่เตรียมพยานมาและขอเลื่อนอีกศาลชั้นต้นไม่ยอมให้เลื่อนและให้ทนายจำเลยนำจำเลยเข้าเบิกความเป็นพยาน ทนายจำเลยก็ไม่ยอมนำเข้าเบิกความ ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะประวิงคดีเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีล่าช้า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้เลื่อนวันสืบพยาน และถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน และไม่มีพยานมาสืบจึงเป็นการชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์จากการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมอำพราง การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลทำให้ศาลสั่งไม่รับฟ้อง
โจทก์ยื่นคำฟ้องความว่า โจทก์ตกลงจำนองที่ดินไว้แก่จำเลยแต่โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินก่อนสัญญาถึงกำหนด โจทก์ขอไถ่ จำเลยบ่ายเบี่ยงเพื่อจำเลยจะได้อ้างกรรมสิทธิ์ต่อโจทก์เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต สัญญาขายฝากนั้นเป็นนิติกรรมอำพรางเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีย่อมเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก และให้จำเลยส่งมอบโฉนดให้แก่โจทก์ ดังนี้ ตามคำฟ้องของโจทก์ เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาคืนซึ่งกรรมสิทธิ์จากจำเลย โดยอ้างว่านิติกรรมที่ได้ทำไว้ต่อกันนั้นเสื่อมเสีย คำขอของโจทก์จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ อันจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาที่ดิน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมให้ครบภายใน 15 วันแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ศาลก็ต้องสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์จากการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมอำพรางและเรียกคืนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
โจทก์ยื่นคำฟ้องความว่า โจทก์ตกลงจำนองที่ดินไว้แก่จำเลย แต่โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินก่อนสัญญาถึงกำหนด โจทก์ขอไถ่ จำเลยบ่ายเบี่ยงเพื่อจำเลยจะได้อ้างกรรมสิทธิ์ต่อโจทก์ เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต สัญญาขายฝากนั้นเป็นนิติกรรมอำพรางเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีย่อมเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก และให้จำเลยส่งมอบโฉนดให้แก่โจทก์ ดังนี้ ตามคำฟ้องของโจทก์ เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาคืนซึ่งกรรมสิทธิ์จากจำเลย โดยอ้างว่านิติกรรมที่ได้ทำไว้ต่อกันนั้นเสื่อมเสีย คำขอของโจทก์จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ อันจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาที่ดิน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมให้ครบภายใน 15วัน แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ศาลก็ต้องสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินบริคณห์จากหนี้ส่วนตัวของจำเลย ผู้ร้องมีสิทธิคัดค้านได้หากพิสูจน์ได้ว่าหนี้ไม่ผูกพันทรัพย์
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลยร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ โดยอ้างว่าจำเลยก่อหนี้เป็นส่วนตัว ไม่ผูกพันทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง โจทก์จะยึดทรัพย์พิพาทอันเป็นสินบริคณห์โดยไม่ได้ร้องขอต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของจำเลยเสียก่อนไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องกล่าวอ้างยังไม่แน่ชัด ศาลจึงต้องรับคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไปก่อนจะสั่งยกคำร้องเสียเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของคำฟ้องที่ใช้ลายพิมพ์นิ้วมือแทนลายมือชื่อ และการรับรองลายพิมพ์นิ้วมือโดยทนาย
โจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือในคำฟ้องและใบแต่งทนาย่ โดยมีทนายโจทก์ผู้เดียวรับรอง ลายพิมพ์นิ้วมือ ซึ่งถ้าคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลอาจมีคำสั่งให้คืนคำฟ้องให้โจทก์ไป ทำมาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ได้ แต่คดีนี้ได้ดำเนินกระบวนพิจารณากันมาจนเสร็จสิ้นถึงศาลฎีกาแล้ว ตามสำนวนปรากฏว่าโจทก์ได้อ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน และต่อมาได้พิมพ์ลายมือชื่อไว้ในอุทรธร์ของโจทก์อีกด้วย เป็นที่ชัดแจ้งว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีนี้จริง ทั้งยังเป็นการรับรองว่าโจทก์แต่งตั้งให้ ส. เป็นทนายอีกด้วย คดีจึงไม่จำต้องคืนคำฟ้อง และในแต่งทนายให้โจทก์ไปทำมาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การพ้นกำหนด – คำสั่งระหว่างพิจารณา – ไม่อุทธรณ์ได้
จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยไม่มีเหตุอันสมควร ไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การ โดยยังมิได้ตรวจดูคำให้การจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้ไม่ใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18แต่เป็นคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199และเป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไว้พิจารณาเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป
of 52