คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 72 ทวิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3297/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานชัดเจน แม้จำเลยรับสารภาพ หากสืบแล้วไม่ปรากฏความผิด ศาลต้องยกฟ้อง
แม้ความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การรับสารภาพ ศาลสามารถพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองได้โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจาณาความอาญา มาตรา 176 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์สืบพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพในข้อหาปล้นทรัพย์แล้วปรากฏข้อเท็จริงว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำผิดฐานมีและพาอาวุธปืนตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์และยิงผู้เสียหาย แต่โจทก์มิได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง และโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ทั้งมิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้รับอนุญาตให้มีและพาอาวุธปืน จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 3 ในข้อหาทั้งสองได้ โจทก์จะอ้างว่าจำเลยที่ 3 มิได้พิสูจน์ความจริงว่า จำเลยที่ 3 เคยมีใบอนุญาตให้มีและพาอาวุธปืนติดตัว แสดงว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้รับอนุญาตให้มีและพาอาวุธปืนอันเป็นการผลักภาระหน้าที่นำสืบของโจทก์ไปให้จำเลยโดยไม่มีกฎหมายสนับสนุนหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาและบทบัญญัติความผิดต่างกรรมกัน ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี เป็นบทบัญญัติที่เพิ่มโทษของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 หรือมาตรา 340 ทวิ ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7 และมาตรา 8 ทวิ นั้น เป็นความผิดต่างกรรมกัน ซึ่งประมวลกฎมายอาญามาตรา 91 บัญญัติให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดอาญาหลายกระทง: ปืนและปล้นทรัพย์ ศาลอุทธรณ์และฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี เป็นบทบัญญัติที่เพิ่มโทษของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 หรือมาตรา 340 ทวิ ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7และมาตรา 8 ทวิ นั้น เป็นความผิดต่างกรรมกัน ซึ่งประมวลกฎมายอาญามาตรา 91 บัญญัติให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต้องรับผิดเมื่อโจทก์มิได้พิสูจน์การครอบครองอาวุธปืน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนสั้นกระบอกที่จำเลยใช้ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนที่จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวทั้งมิได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วและจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดสองฐานนี้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้วเพียงบทเดียวโดยมิได้ปรับบทความผิดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งจึงเท่ากับยกฟ้องมาตรานี้ การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่งให้ถูกต้อง ข้อหาตามมาตราดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มิได้ เพราะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดร่วมกันมีอาวุธปืนเถื่อน, พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, และการปรับบทความผิด
จำเลยกับ ร. ขู่บังคับผู้เสียหายให้ยอมร่วมประเวณีโดยจำเลยใช้อาวุธปืนไม่มีทะเบียนของจำเลยจี้ผู้เสียหาย เมื่อสามีผู้เสียหายไปตามพลตำรวจ ส.มาจับกุมส. เอาปืนดังกล่าวจากเอวร. มาเก็บไว้โดยถอดกระสุนปืนออกหมดแล้วจำเลยเข้าแย่งเอาปืนคืนจาก ส.ยกขึ้นจ้องยิงที่หน้าอกส.ดังแชะสามครั้ง ดังนี้พฤติการณ์ที่จำเลยกับ ร. ผลัดกันใช้อาวุธปืนของกลางเช่นนี้ถือว่าร่วมกันมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไม่สามารถบรรลุผลอย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยที่ใช้ในการกระทำผิดอีกกระทงหนึ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ศาลฎีกาตัดสินกลับคำพิพากษา
จำเลยกับ ร.ขู่บังคับผู้เสียหายให้ยอมร่วมประเวณีโดยจำเลยใช้อาวุธปืนไม่มีทะเบียนของจำเลยจี้ผู้เสียหาย เมื่อสามีผู้เสียหายไปตามพลตำรวจส.มาจับกุมส. เอาปืนดังกล่าวจากเอวร.มาเก็บไว้โดยถอดกระสุนปืนออกหมดแล้วจำเลยเข้าแย่งเอาปืนคืนจาก ส.ยกขึ้นจ้องยิงที่หน้าอกส.ดังแชะ สามครั้ง ดังนี้พฤติการณ์ที่จำเลยกับ ร.ผลัดกันใช้อาวุธปืนของกลางเช่นนี้ถือว่าร่วมกันมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไม่สามารถบรรลุผลอย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยที่ใช้ในการกระทำผิดอีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน และความผิดฐานมีอาวุธปืน
ผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสองไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นอย่างร้ายแรงอันจะทำให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกจ้างวานมาฆ่าผู้เสียหาย ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้วางแผนมาก่อนหรือมาซุ่มรอเพื่อจะดักฆ่าผู้เสียหายนั้น จะถือว่าเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัดเพราะจำเลยทั้งสองอาจคิดฆ่าผู้เสียหายในขณะเดินผ่านที่เกิดเหตุก็เป็นได้
คดีไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามกฎหมาย คงได้ความเพียงว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเท่านั้น เมื่อไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางจะฟังว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหาได้ไม่ แต่เมื่อจำเลยที่ 1เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วพาอาวุธปืนนั้นไป จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่ามีส่วนร่วมในการพาอาวุธปืน จึงไม่มีความผิดในฐานนี้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5982/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การนำสืบในความผิดอาวุธปืน และการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
ในความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวเมื่อโจทก์ไม่นำสืบก็ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก ประกอบมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้คงลงโทษได้เพียงฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตาม ป.อ. มาตรา 371.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5982/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การไม่มีใบอนุญาตพาอาวุธปืน และความผิดฐานพาอาวุธโดยไม่มีเหตุสมควร
ในความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่นำสืบก็ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก ประกอบมาตรา 72 ทวิวรรคสองไม่ได้ คงลงโทษได้เพียงฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4092/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืน และการลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาในหมู่บ้าน
แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายแต่การที่ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อหามีและ พาอาวุธปืน ฯ โดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ นั้นโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริงเมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างไร ปืนที่จำเลยใช้กระทำผิดเป็นปืนมีทะเบียนหรือไม่ไม่อาจทราบได้ จึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ไม่ได้ แต่ปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่บ้าน ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.
of 6