คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 72 ทวิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4092/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต และการลงโทษในความผิดอาญาอื่นที่เชื่อมโยง
แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายแต่การที่ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อหามีและพาอาวุธปืน ฯ โดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ นั้นโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริงเมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างไร ปืนที่จำเลยใช้กระทำผิดเป็นปืนมีทะเบียนหรือไม่ไม่อาจทราบได้ จึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯไม่ได้ แต่ปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่บ้าน ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญา และการกำหนดโทษกระทงความผิด
ข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ นั้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้จะมิได้กำหนดโทษไว้แต่ความผิดฐานดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาที่ศาลล่างพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้ไม่กำหนดโทษ
ข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ นั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้จะมิได้กำหนดโทษไว้แต่ความผิดฐานดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3084/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีชิงทรัพย์ที่ไม่สามารถพิสูจน์การกระทำความผิดได้ และการฟ้องที่ไม่ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน แต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมลักทรัพย์และใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญผู้เสียหาย โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษในข้อหาตาม ป.อ. มาตรา 392 มาด้วยเมื่อการกระทำตามมาตรา 392 มิใช่การกระทำอันรวมอยู่ในความผิดฐานชิงทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา 392 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์และชิงทรัพย์เป็นกรรมเดียวเมื่อมีเจตนาต่อทรัพย์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
จำเลยขอกุญแจเปิดลิ้นชักโต๊ะจากผู้เสียหายแล้วหยิบอาวุธปืนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะขู่ผู้เสียหายให้มอบเงินให้ ดังนี้ การที่จำเลยลักอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนนั้นขู่บังคับเอาทรัพย์อื่นอันเป็นการชิงทรัพย์ผู้เสียหายนั้น จำเลยได้กระทำโดยมีเจตนามุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ทั้งหมดมาแต่ต้น จึงเป็นความผิดเพียงกรรมเดียว
แม้จำเลยจะขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการจนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลชอบที่จะลดโทษให้แก่จำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์-ชิงทรัพย์เป็นกรรมเดียว หากมีเจตนาต่อทรัพย์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น
จำเลยขอกุญแจเปิดลิ้นชักโต๊ะจากผู้เสียหายแล้วหยิบอาวุธปืนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะขู่ผู้เสียหายให้มอบเงินให้ ดังนี้ การที่จำเลยลักอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนนั้นขู่บังคับเอาทรัพย์อื่นอันเป็นการชิงทรัพย์ผู้เสียหายนั้น จำเลยได้กระทำโดยมีเจตนามุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ทั้งหมดมาแต่ต้น จึงเป็นความผิดเพียงกรรมเดียว
แม้จำเลยจะขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการจนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลชอบที่จะลดโทษให้แก่จำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดทางเพศและการพิจารณาอำนาจฟ้องของศาล
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร กระทำอนาจาร ข่มขืนใจผู้อื่น และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278,281,284,309และ 310 กับฐานมีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7,8 ทวิ,72 และ 72 ทวิ รวม 3 กระทงเรียงกระทงลงโทษ กระทงละไม่เกิน 5 ปี โดยเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278,281,284,309,310 เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนัก คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยอุทธรณ์และอ้างว่า ผู้เสียหายยื่นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดต่อส่วนตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 แล้ว ซึ่งถ้าเป็นความจริง โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว แต่โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายที่แท้จริง ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามผู้เสียหายเพื่อให้ยืนยันคำแถลงดังกล่าว จึงเป็นการมิชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายมีผลต่ออำนาจฟ้องคดีอาญาหรือไม่ ศาลต้องสอบถามความจริงก่อนพิพากษา
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร กระทำอนาจาร ข่มขืนใจผู้อื่น และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 281, 284, 309และ 310 กับฐานมีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 และ 72 ทวิ รวม 3 กระทง เรียงกระทงลงโทษ กระทงละไม่เกิน 5 ปี โดยเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 281, 284, 309, 310 เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนัก คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยอุทธรณ์และอ้างว่า ผู้เสียหายยื่นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดต่อส่วนตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 แล้ว ซึ่งถ้าเป็นความจริง โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว แต่โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายที่แท้จริง ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามผู้เสียหายเพื่อให้ยืนยันคำแถลงดังกล่าว จึงเป็นการมิชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3729/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาอาวุธปืนต้องมีการเคลื่อนย้าย การนั่งอยู่กับที่ถือว่าไม่เป็นความผิด
การกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนนั้นต้องได้ความว่าจำเลยได้นำ อาวุธปืนเคลื่อนที่ไปในถนนหรือทางสาธารณะหรือนำเข้า ไปในหมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วยการกระทำที่เป็นสาระสำคัญ คือการนำอาวุธปืนเคลื่อนที่ไป ในขณะกระทำผิดหากปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่หยิบเอาอาวุธปืนสั้น ของเพื่อนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าร้านขายอาหารริมถนนมาเหน็บไว้ที่เอว และคงนั่งอยู่ ที่โต๊ะไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนดังนี้ ไม่เป็นความผิด ฐานพาอาวุธปืน
of 6