คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวลิต ศรีสง่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 370 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4426/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต้องมีเหตุผลอันสมควร การนำที่ดินมาเป็นหลักประกันต้องมีราคาที่แท้จริงและสามารถใช้ชำระหนี้ได้
ตามบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 261 วรรคสาม ศาลจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาต่อเมื่อจำเลยยื่นคำขอให้เห็นว่าวิธีการที่กำหนดไว้ตามมาตรา 254 นั้น ไม่มีเหตุเพียงพอหรือมีเหตุอันสมควรประการอื่น คำร้องของจำเลยที่ว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลที่จะชนะคดีก็ดี โจทก์มีเจตนาทุจริตในการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยก็ดี เป็นการคัดค้านว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่พอที่จะออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา หาใช่วิธีการกำหนดไปนั้นไม่มีเหตุเพียงพอหรือมีเหตุอันสมควรประการอื่นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4414/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
จำเลยยื่นคำร้องว่า ศาลฎีกามิได้วินิจฉัยประเด็นที่จำเลยฎีกาซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันคลาดเคลื่อนกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 6 จึงขอยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ตามคำร้องของจำเลยมิใช่เป็นการโต้แย้งว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงมิใช่กรณีที่ศาลจะต้องส่งความเห็นตามคำร้องของจำเลยเพื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 264 ประกอบมาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4414/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาไม่ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเป็นการโต้แย้งการวินิจฉัยประเด็นคดี ไม่ใช่บทบัญญัติขัดรัฐธรรมนูญ
จำเลยยื่นคำร้องว่า ศาลฎีกามิได้วินิจฉัยประเด็นที่จำเลยฎีกาซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันคลาดเคลื่อนกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540มาตรา 6 จึงขอยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ตามคำร้องของจำเลยมิใช่เป็นการโต้แย้งว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงมิใช่กรณีที่ศาลจะต้องส่งความเห็นตามคำร้องของจำเลยเพื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 264 ประกอบมาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอุทธรณ์ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเนื่องจากไม่มีลายมือชื่อ แต่ศาลพิจารณาคดีไปแล้ว จึงเป็นเหตุให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นโมฆะ
ผู้อุทธรณ์และผู้เรียงอุทธรณ์มิได้ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์คำฟ้องอุทธรณ์จึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่การที่จะให้โจทก์แก้ฟ้องอุทธรณ์หรือศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ก็ล่วงเลยเวลาที่จะปฏิบัติได้เพราะศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้พิจารณาพิพากษาคดีเสร็จไปแล้วศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิจารณาพิพากษาคดีนี้มาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4091/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่มีเหตุอันสมควร และการไม่เตรียมพยานตามที่ศาลกำชับ ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตเลื่อนคดี
นัดสืบพยานโจทก์นัดแรกทนายโจทก์และทนายจำเลยขอเลื่อนคดีโดยทนายโจทก์อ้างว่ายังหาต้นฉบับเอกสารเป็นบิลเงินสดซึ่งจะต้องนำมาประกอบการถามพยานไม่พบ ส่วนทนายจำเลยอ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่นศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ และกำชับทนายโจทก์ให้เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบครั้นถึงวันนัดทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมาขอเลื่อนคดีอ้างว่า ต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ ทนายของโจทก์อีกคนหนึ่งนำไปขึ้นศาลต่างจังหวัดและอาจกลับมาไม่ทันทนายจำเลยแถลงว่าการขอเลื่อนคดีของทนายโจทก์ไม่มีเหตุอันควร เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีครั้งแรกแล้ว โจทก์จะขอเลื่อนคดีครั้งต่อไปอีกไม่ได้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ และต้องแสดงให้เป็นที่พอใจของศาลด้วยว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม แต่สำหรับข้ออ้างในการขอเลื่อนคดีของโจทก์ครั้งที่ 2 เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในประเด็นเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้ฟ้องคดี และทนายโจทก์ก็ไม่ได้มาศาลเพื่อแถลงประกอบให้ศาลเห็นว่าเหตุที่อ้างนั้น เป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ แล้วไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจศาลว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรมอย่างไร จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4091/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่มีเหตุจำเป็น และการพิสูจน์ความเสียหายจากการไม่อนุญาตเลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีครั้งแรกไปแล้ว โจทก์จะมาขอเลื่อนคดีครั้งต่อไปอีกไม่ได้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ และโจทก์จะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจของศาลด้วยว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ศาลจึงจะสั่งให้เลื่อนคดีไปได้ตามบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคหนึ่ง แต่ในการขอเลื่อนคดีของโจทก์ครั้งที่ 2 นี้ อ้างว่าต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจของโจทก์เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ทนายความของโจทก์อีกคนหนึ่งนำไปขึ้นศาลต่างจังหวัดและไม่อาจกลับมาทัน จึงไม่อาจนำพยานเข้าสืบในวันนี้ได้ ทั้งที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในประเด็นเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องหมายเลข 2 ของโจทก์ และทนายโจทก์ก็ไม่ได้มาศาลเพื่อแถลงประกอบให้ศาลเห็นว่าเหตุที่อ้างนั้นเป็นเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ นอกจากนี้โจทก์ไม่ได้แสดงให้เป็นที่พอใจศาลว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรมอย่างไร คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่ให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานโจทก์ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3828/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่อนุญาตขยายเวลาการยื่นคำร้อง และการพิสูจน์ทรัพย์สินที่ชำระหนี้ได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ โจทก์จะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 226 หากโจทก์มิได้โต้แย้งไว้ก็ไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ เมื่อคำร้องคัดค้านของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของผู้ร้องที่ยื่นเข้ามาเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์ หาใช่คำโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการที่ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอขยายระยะเวลายื่น คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายหลังจากวันครบกำหนดยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องไม่ และศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายหลังจากที่โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน จึงไม่อาจถือว่าคำร้องคัดค้าน ของโจทก์เป็นคำโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3598/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องวางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระหนี้ตามคำพิพากษา หรือหาประกันตามกฎหมาย
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 แม้เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ผู้อุทธรณ์ก็ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ทั้งยังเป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวโดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้ปฏิบัติก่อนคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ เพราะเหตุที่ผู้อุทธรณ์ไม่ปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3598/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องวางค่าฤชาธรรมเนียมและปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อน ศาลไม่ต้องมีคำสั่ง
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 แม้เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ผู้อุทธรณ์ก็ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ทั้งยังเป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้ปฏิบัติก่อน คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ เพราะเหตุที่ผู้อุทธรณ์ไม่ปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3587/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเช็คผู้ถือ: การโอนเช็คและการเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท
แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้ตั้งประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องไว้เป็นประเด็นโดยตรงเช่นเดียวกับประเด็นว่าจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่แต่ได้วินิจฉัยประเด็นทั้งสองรวมกันว่า การที่จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทอันเป็นเช็คผู้ถือแก่ ป. ซึ่งนำไปขายลดแก่โจทก์โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904 จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ตามเนื้อความในเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง 914 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเท่ากับจำเลยไม่มีสิทธินำสืบตามข้อกล่าวอ้าง อันถือได้ว่าคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทในปัญหาดังกล่าวทั้งสองข้อ ที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทดังกล่าว เพิ่มขึ้นจึงชอบแล้ว
of 37